อาหารเย็นหรอเฉินเฉียวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
เหล่าฟู่พยักหน้า “นายท่านมอบหมายให้ผมเป็นพิเศษตอนขึ้นเครื่องบิน”
มีคลื่นในใจของเฉินเฉียว เธอยื่นมือออกมา “งั้นเอามาให้ฉันเถอะค่ะ”
ซังโย่วอีลงจากอ้อมแขนของเธอและอาสาที่จะถือกล่องสองสามกล่องจาก เหล่าฟู่”ผมถือเองครับ เหล่าฟู่กลับเถอะ”
แขนสั้นๆกอดกระติกน้ำร้อนหลายใบเต็มแขน ดูเหมือนว่าจะตกได้ทุกเมื่อ
เหล่าฟู่ถาม: “ถ้าผมไปแล้วนายน้อยจะทำยังไง? ให้ผมมารับคุณตอนไหน? ”
“ ไม่ต้องมารับผมหรอกคืนนี้ผมจะอยู่กับพี่เฉียวที่นี้ ไม่สิ ช่วงนี้ผมจะอยู่กับพี่เฉียวตลอด ”
เหล่าฟู่ไม่ตอบแต่มองไปที่เฉินเฉียว
เฉินเฉียวหยิบกระติกน้ำร้อนจากเด็กและพูดกับเหล่าฟู่: “ให้เขาอยู่กับฉันก่อนเถอะค่ะ”
เหล่าฟู่ยื่นขวดยาให้เฉินเฉียว”ถ้าคุณหนูมีอาการหอบหืด คุณก็ให้เขาดมอันนี้นะครับ”
ค่ะเฉินเฉียวพยักหน้าและใส่ยาลงในกระเป๋า เหล่าฟู่ขับรถออกไป
เฉินเฉียวอยากจะจับมืออีกข้าง แต่เด็กน้อยถือกระติกน้ำร้อนไว้ในมือทั้งสองข้างมือไม่ว่างเลย เฉินเฉียวพูดว่า: “ถือดีๆนะ เดี๋ยวจะหล่นเอา”
ซังโย่วอีเดินเข้าไปข้างในเงยหน้าขึ้นและพูดกับเธอ “พี่เฉียวผมอยู่ที่นี้เดือนนึงเลยได้ไหม”
เฉินเฉียวส่ายหัว“ ช่วงหนึ่งเดือนนี้ฉันยุ่งมากๆเลยไม่มีเวลาดูแลคุณเลย คุณอยู่จิ้งหย่วนไม่ดีหรอ มีคนตั้งมากมายดูแล”
ไม่ดีซังโย่วอีเบ้ปาก “ไม่มีพ่อ ไม่มีแม่แล้วก็ไม่มีพี่เฉียวด้วยมีอะไรดี?”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินเฉียวก็ปวดใจ เมื่อมองลงไปที่เด็กน้อยเธฮก็รู้สึกทุกข์ใจ
เธอลูบหัวเล็ก ๆ ของเขาและคิดวิธีง้อ“เอาอย่างนี้ไหมถ้าฉันไม่มีเวลาดูแลคุณคุณก็กลับไปจิ้งหย่วน ตอนกลางคืนรอฉันกลับมา ฉันค่อยไปรับคุณจากจิ้งหย่วนโอเคไหม? ”
เมื่อซังโย่วอีได้ยินเธอพูดแบบนี้ใบหน้าเล็ก ๆ ที่หงุดหงิดของเขาก็คลายและเขาก็เงยหน้าขึ้นมา“ แบบนี้ก็พอได้!”
………………
เฉินเฉียวถือกระติกน้ำร้อนกลับบ้าน
ที่บ้านไม่ได้เปิดไฟ
ฉยงฉยงไปไหน? ไม่ได้อยู่บ้านหรอ
เฉินเฉียวเปิดไฟและมองไปรอบ ๆ ไม่มีใครอยู่ในห้องโถง
ซังโย่วอีถามอีกครั้ง: “พี่เฉียวน้าคนนั้นไม่อยู่บ้านหรอ”
“คุณเปลี่ยนร้องเท้าก่อนนะ เดี๋ยวฉันจะไปดู”เฉินเฉียวหยิบรองเท้าแตะสำหรับผู้ใหญ่คู่หนึ่งออกมาจากตู้รองเท้า “ใส่ไปก่อนนะเดี๋ยวซื้อของเด็กให้วันหลัง”
ครับเด็กน้อยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เฉินเฉียววางสิ่งของในมือลงและเดินเข้าไปในห้องนอนของเจียงฉยงฉยง เคาะประตูโดยไม่ได้ยินเสียงตอบเธอจึงเปิดประตูและเข้าไป
ในห้องเปิดไฟสลัว ๆ ภายใต้แสงและเงาที่พร่ามัวเฉินเฉียว สามารถมองเห็นรอยบนเตียง
“ ทำไมยังหลับอยู่”เฉินเฉียวเดินเข้ามาและเปิดโคมไฟหัวเตียง
เจียงฉยงฉยงโผล่หัวออกมาจากผ้าห่ม“ กี่โมงแล้ว?”
“จะสามทุ่มแล้ว”เฉินเฉียวแตะๆ “ตื่นมากินข้าวก่อน”
เจียงฉยงฉยงพูด “โอ้” อย่างเบื่อหน่าย เฉินเฉียวเหลือบมองเธอ “โทรศัพท์เปิดอยู่หรือเปล่า”
เปล่า
“ พี่ชายของเธอโทรหาฉันเมื่อเช้านี้”
เจียงฉยงฉยงลุกขึ้นนั่งจากเตียงโดยห่อด้วยผ้านวม “เขาพูดอะไร?”
“ เขาบอกว่าแค่เมาแล้วเข้าใจผิด อย่าโกรธเขาเลยนะเขาเป็นพี่ชายของเธอ ลุกมากินข้าวเย็นเถอะ! ”
เจียงฉยงฉยงทำปากจู๋เล็ก ๆ คิดสักพักแล้วเปิดโทรศัพท์ โทรศัพท์ดังทันทีที่เปิดเครื่อง
เจียงฉยงฉยงเหลือบมองไปที่เฉินเฉียว เฉินเฉียวกล่าวว่า: “รับเถอะ ฉันว่าเขาโทรหาเธอตลอด ”
เมื่อมองไปที่คำว่า “พี่ชาย” ที่กระพริบบนหน้าจอเจียงฉยงฉยงก็รับโทรศัพท์ ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูดเธอจงใจทำหน้าบึ้งตึงและพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา“ ยังจะโทรหาฉันอีกเพื่ออะไร? ตอนนี้ฉันเกลียดพี่และไม่อยากได้ยินเสียงของพี่! ”
เจียงอี้ฝานถอนหายใจเมื่อในที่สุดเธอก็ได้ยินเสียงของเธอ
“กินอะไรหรือยัง?”
ยัง โกรธจนอิ่ม กินไม่ลง! ”
“ห้ามทำร้ายตัวเอง”น้ำเสียงของเจียงอี้ฝานนั้นแข็งกร้าวเหมือนอย่างเคย
เจียงฉยงฉยงตะคอก“ ห้าม ห้าม! พี่ห้ามฉันไม่ให้จูบผู้ชายคนอื่น แต่พี่ … ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เจียงฉยงฉยงดูเหมือนว่าจะพูดยากและไม่สามารถพูดต่อได้
ที่นั่นเจียงอี้ฝานก็เงียบเป็นเวลานานก่อนที่จะพูดว่า: “ฉยงฉยงสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนี้เป็นความผิดของฉัน แต่ฉันสัญญาว่าจะไม่มีครั้งต่อไป ”
“ไม่มีครั้งต่อไปแน่นอนฉันเป็นน้องสาวของพี่และพี่เป็นพี่ชายของฉันนี่จริงๆแล้ว …จริงๆแล้วมันแย่มาก ถ้าพ่อแม่รู้ต้องสั่งสอนพี่แน่ๆ ”
เจียงอี้ฝานกำลังนั่งอยู่ในห้องทำงานในขณะนี้ ไฟในห้องทำงานดับลงและเขาติดอยู่ในความมืดมิดที่ไร้ขอบเขต
ชั้นล่างมีไฟนีออนกระพริบตกใส่ตา
ทำไมเขาจะไม่รู้ว่านี่มันแย่มาก ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้ดีอยู่ในใจว่าพวกเขาไม่ใช่พี่น้องกันแท้ๆ
แต่เธอไม่รู้ หลายปีที่ผ่านมาในหัวใจของเธอเขาคือพี่ชายเป็นแค่พี่ชายเท่านั้น
เจียงอี้ฝานยิ้มอย่างขมขื่น“ ฉยงฉยงวันหลังพี่จะไม่ก้าวก่ายเธอแบบนี้อีก”
“……อะไรกันเจียงฉยงฉยงผงะ
“เธออายุยี่สิบกว่าๆแล้วฉันเกรงว่าถ้าขืนก้าวก่ายไปมากกว่านี้ จะเป็นการไปรบกวนชีวิตเธอ วันหลังเจอคนที่ชอบ แล้วอีกฝ่ายก็ชอบเธองั้นเธอก็ลองคบกับเขาเถอะ “เจียงอี้ฝานพูดเช่นนั้นแต่น้ำเสียงของเขาดูไม่ค่อยดี
เขาไม่รู้ว่าตัวเองว่าใจเต้นเพราะ “น้องสาว” คนนี้เมื่อไหร่ เดิมทีแม้แต่ความรักเขาที่มีต่อเธอมันก็แค่พี่ชายน้องสาว
แต่ต่อมา …
ต่อมาเมื่อกลับมามีสติก็ตพบว่าการดูแลเธอนั้นมีมากกว่าความรักแบบพี่น้องแล้วและยังมีความรู้สึกที่ผู้ชายคนหนึ่งที่ปรารถนาเป็นเจ้าของผู้หญิงด้วย
ดังนั้นเขายอมไม่ได้ที่จะให้เธอมีความรัก ยอมไม่ได้ที่จะให้เธอไปสารภาพรักกับชายอื่น ยอมไม่ได้ที่จะให้เธอเข้าใกล้ผู้ชาย
เพราะสิ่งเหล่านี้คือสิ่งที่เขาไม่มีวันได้รับ
แต่ตอนนี้
เขาต้องมีสติมากขึ้น
เพราะเขารู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าฉยงฉยงของเขาเกลียดที่เขาจูบเธอแม้ว่าจะพูดได้ว่าน่ารังเกียจก็ตาม ถ้าเขาไม่หักห้ามใจในที่สุดสาวน้อยคนนี้คงเกลียดเขามากแน่ ๆ
“ พี่ …หมายความว่ายังไงเจียงฉยงฉยงตะลึง
“ เธอไม่ใช่ว่ารำคาญที่พี่ยุ่งไปซะทุกเรื่องหรอ”เจียงอี้ฝานยิ้มอย่างขมขื่น“ จากนี้ไปไม่ว่าเรื่องใหญ่หรือเล็กฉันจะไม่สนใจเธออีกต่อไป”
แล้ว…ถ้าฉันมีแฟนแล้วพี่ก็ไม่สนใจมันใช่มั้ย? “เจียงฉยงฉยงถามด้วยท่าทางอึดอัดใจ
“……อืม ตราบใดที่พ่อแม่ยอมรับ ฉันก็จะไม่ยุ่ง ”
“……ฉันจะเดทกับผู้ชายตอนกลางคืนได้ใช่มั้ย? “เจียงฉยงฉยงถามอีกครั้ง ถ้าเป็นเมื่อก่อนแล้วพูดแบบนี้เธอคงโดนจับมัดไว้ที่บ้านแล้ว