“ พี่เฉียวเด็กน้อยเรียกเธอ
หะ
“ในอนาคตพี่จะมาเป็นแม่ให้ผมไม่ได้ใช่ไหม?”ซังโย่วอีถาม
เฉินเฉียวเงียบไปครู่หนึ่ง “ทำไมคุณถามแบบนี้?”
“ น้าเถียนเถียนบอกว่าพี่กับพ่อจะไม่มีวันได้แต่งงานกัน พ่ออยากแต่งงานกับคนที่สมฐานะด้วย “ซังโย่วอีกระพริบตาโตๆอีกรอบ“ พี่กับพ่อผมไม่เหมาะสมกันหรอ? เป็นเพราะพี่มีสามีหรือเปล่า? พี่เฉียวเมื่อไหร่จะหย่า? ”
ชุดคำถามของเด็กทำให้เฉินเฉียว รู้สึกงุนงงเล็กน้อย
จู่ๆเธอก็พบว่าจนถึงตอนนี้ซังหลินจวินไม่เคยพูดถึงการหย่าของเธอเลย
เขาเองก็คิดว่า จริงๆแลวเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะพูดเรื่องนี้ ยังไงซะโลกของเขาก็มีเถียนเถียน
“ ใช่แล้ว ฐานะเราไม่เหมาะสมกัน ฉันไม่มีทางเป็นแม่ของคุณแม่ “เฉินเฉียวพยายามทำให้คำพูดของเธอนิ่ง เดิมทีเธอและซังหลินจวินไม่ได้คิดที่จะเริ่มต้นจริงๆ แต่ตอนนี้เมื่อพูดถึงอนาคตมักจะรู้สึกไร้สาระและซ้ำซากอยู่เสมอ
“แต่ว่า พ่อกับน้าเถียนเถียนแล้วก็พี่พูดไม่ตรงกันเลย”ซังโย่วอีเงยศีรษะเล็ก ๆ ขึ้นอีกครั้งและมองไปที่เธออย่างจริงจัง “พ่อบอกว่าไม่ว่าพี่จะแต่งงานกับพ่อของผมหรือไม่ ยังไงพี่ก็เป็นแม่ของผม”
เฉินเฉียวสัมผัสใบหน้าไร้เดียงสาของเด็ก“ นอนเถอะ ดึกมากแล้ว”
เธอคิดว่านี่อาจเป็นสิ่งที่ซังหลินจวินพูดเพื่อเกลี้ยกล่อมเด็ก ๆ ถ้าเธอและซังหลินจวินไม่ได้อคบกันเธอจะกลายเป็นแม่ของเด็กได้อย่างไร?
คืนนี้เฉินเฉียวพลิกไปพลิกมา นอนไม่หลับ
ทั้งๆที่รู้สึกว่าตัวเองไม่ได้แคร์ผู้ชายคนนั้นมาก แต่ทั้งคืนมีแต่ภาพเขาอยู่กับ เถียนเถียนในความคิดของเธอ
บางทีทั้งคู่อาจอยู่เครื่องบินเดียวกัน
บางทีพวกเขาอาจจะพักในโรงแรมเดียวกัน
บางทีเดือนนี้พวกเขาจะออกไปข้างนอกด้วยกัน
……
สองสามวันนี้เฉินเฉียวไม่ได้รับโทรศัพท์จากซังหลินจวิน
เธอก็ไม่เคยโทรหาเขาเลยสักครั้ง
ไม่น่าแปลกใจที่ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาสองคนนั้นแท้จริงแล้วไม่มีอะไรเลย
เฉินเฉียวทุ่มเทให้กับงานของเธอ บริษัทเปิดขึ้นอย่างเป็นทางการและพนักงานที่ได้รับคัดเลือกก็เริ่มทำงานแล้ว
เธอเดินช้าๆตามจังหวะของเธอเองอย่างใจเย็น
เธอคิดว่าถ้าไม่ใช่เพราะซังโย่วอียังอาศัยอยู่ในบ้านของเธอเองเธออาจจะรู้สึกว่ามันเป็นความฝันที่ไม่ชัดเจนระหว่างซังหลินจวินกับเธอ
วันนี้.
หลังจากเลิกงานเธอก็ออกมาจากซุปเปอร์มาร์เก็ตกับซังโย่วอีและกลับไปที่หย่าย่วน จากระยะไกลเห็นรถที่คุ้นเคยจอดอยู่ชั้นล่างในหย่าย่วน
เฉินเฉียวหยุด เขามาพอดีเลย
ซังโย่วอีเห็นว่าเธอไม่ได้เดินต่อและเงยหน้าขึ้นมองเธอ “พี่เฉียวทำไมไม่เดินล่ะครับ”
เฉินเฉียวไม่พูดอะไร
จากระยะไม่ไกลนักเธอเห็นประตูของรถที่คุ้นเคยก็ถูกผลักเปิดออกและ ปู้อี้เฉินก็ลงจากรถ
เฉินเฉียวลูบหัวซังโย่วอี “คุณขึ้นรถไปก่อน อย่าวิ่งซนนะรู้มั้ย? ”
ซังโย่วอีหยุดนิ่งจ้องมองชายที่เดินมาหาพวกเขาด้วยสายตาระแวดระวังและถาม “พี่เฉียวเขาเป็นใคร?”
น้ำเสียงเห็นได้ชัดว่าเขาหึง
เฉินเฉียวขำ “ไม่ใช่คนสำคัญอะไร”
เขาเป็นใคร?ปู้อี้เฉินเดินมาแล้วและเขาก็เห็นเด็กคนนั้นอยู่ข้างๆเธอ
ซังโย่วอีย่นคิ้วอีกครั้งเพื่อมองเขาและเขาก็ย่นคิ้วและจ้องไปที่ซังโย่วอี
คุณเป็นใคร…ซังโย่วอีเผชิญหน้ากับชายคนนั้นโดยตรงโดยยืนกอดอก
“ ฉันเป็นสามีของเธอ”
สามีหรอเมื่อได้ยินคำสองคำนี้ซังโย่วอีก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นใบหน้าของเขาบึ้ง ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเขาเป็นคู่แข่งกับพ่อของเขา! เขาเบ้ปากและพูดอย่างรังเกียจ: “พี่เฉียว พี่ตาไม่ถึงเลย พ่อของผมหล่อกว่าตั้งเยอะ!”
ใบหน้าของปู้อี้เฉิน ก็บึ้งเช่นกัน
คนเมื่อวานซืนคนนี้มาจากไหน
“ พ่อของเธอคือใคร”ปู้อี้เฉินถามอย่างเย็นชา
ซังโย่วอีอ้าปากจะพูดอีกแต่เฉินเฉียวก็เอามือปิดปากเล็ก ๆ ของเขาอย่างรวดเร็ว เธอคุกเข่าลง“ เด็กน้อย อย่าพูดซี้ซั่ว รีบขึ้นไปเร็วไม่งั้นเดี๋ยวฉันจะให้เหล่าฟู่มารับกลับบ้าน ”
ซังโย่วอีลุกลี้ลุกลน
พี่เฉียวกังวลขนาดนี้หรือเป็นเพราะมีลับลมคบในกับพ่อ? หรือต่อหน้าสามีของเธอพี่เฉียวไม่ต้องการพูดถึงพ่อของเขาเลย?
ซังโย่วอีคร่ำครวญถึงพ่อของเขาในใจ
ความคิดที่ว่าพี่เฉียวของเขาไปเดทกับผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่พ่อของเขาทำให้รู้สึกอกหัก เขาหลบตาของเธอแล้วจึงหยิบผักที่ซื้อจากซุปเปอร์มาร์เก็ตมาหันหลังจะเดินกลับ
ผักหนักมาก ถือลำบาก
เฉินเฉียวมองไปที่เขาและพูดว่า “เอาพวกผักไว้ให้ฉัน เดี๋ยวถือไปเองคุณขึ้นไปก่อนเถอะ”
“ พี่ตั้งใจเดทเถอะ ผมไม่ใช่ลูกชายแท้ๆ ไม่ต้องมาสนใจผม”เด็กน้อยพูดอย่างน่าสงสารและฟุดฟิดที่จมูก“ ยังไงซะผมก็แค่เด็กไม่ดีที่ถูกเอามาฝากเลี้ยงที่นี้แล้วโดนพี่เฉียวไล่ออกจากบ้าน”
เมื่อเฉินเฉียวได้ยินดังนั้นหัวใจก็เจ็บปวด
。 เสียใจที่ตะกี้พูดว่าจะให้เหล่าฟู่มารับกลับบ้าน
เธอรีบง้อ:“ถ้าคุณไม่อยากกลับ ก็ยืนรอตรงนี้ก่อน ฉันขอคุยกับน้าคนนี้ก่อน แล้วเดี๋ยวเราไปด้วยกัน ”
อย่างนั้นแหละ!
เขาอยากจะยืนดูพวกเขา จ้องพวกเขา
เด็กน้อยรู้สึกเริงร่าในใจ แต่เขาก็ยังแสร้งทำเป็นเบ้ปากอย่างไม่เต็มใจ: “โอเคงั้นผมจะรออยู่ที่นี่ อย่าให้ผมรอนานนะครับ ผมต้องเขียนการบ้านอีก ”
โอเคเฉินเฉียวหยิกแก้ม ปกติไม่เห็นเขาอยากจะทำการบ้าน ตอนนี้อยากขึ้นมาซะอย่างนั้น
ปู้อี้เฉินยืนดูฉากนี้อยู่ไม่ไกลมีเพียงความรู้สึกเสียดแทงใจเท่านั้น
เมื่อรู้ว่าเด็กคนนี้จะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเธอ แต่ปฏิสัมพันธ์ของพวกเขาดูสนิทสนมมาก เธออ่อนโยนอดทนและเต็มไปด้วยความเมตตาต่อเด็ก
ถ้าเขาไม่รู้ว่าเธอจะไม่มีลูกในวัยนี้เขาคงจะเข้าใจผิดว่าเธอเป็นแม่ของเด็กคนนี้จริงๆ
กับลูกคนอื่นเธอยังดีขนาดนี้ถ้าเธอมีลูกเองขึ้นมาคงจะเป็นแม่ที่ดีมากๆ
อย่างไรก็ตามแม่ของลูกไม่สามารถเป็นเธอได้อีกต่อไป …
ปู้อี้เฉินรู้สึกเจ็บปวดเมื่อนึกถึงเด็กในท้องของโหยวจิ้งหลีในขณะนี้ สายตาที่จ้องมองเธอก็จางไป
ทันทีที่เฉินเฉียวหันกลับมาเจอเขาก็พบกับดวงตาที่ซับซ้อนและเจ็บปวดของเขา
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เดินเข้าไปหาเขา
“คุณมาพอดีเลย จริงๆฉันก็อยากจะไปหาคุณพอดี แต่ช่วงนี้ฉันยุ่งมาก”เฉินเฉียวพูดก่อน
“ เด็กคนนั้นเป็นใคร?”สายตาของปู้อี้เฉินละจากเธอแล้วมองไปด้านหลัง เด็กคนนั้นวางของในมือลงแล้วนั่งยอง ๆ ที่บันไดไม่ไกล สายตาคู่หนึ่งจ้องมองมาที่เขาราวกับมองศัตรูหัวใจ
“……ลูกของเพื่อนของฉัน “เฉินเฉียวตอบอย่างคลุมเครือ
“พ่อของเขากำลังตามจีบคุณหรอ?”ปู้อี้เฉินละสายตาจากเขา
“ เปล่า คุณอย่าไปฟังเขาพูดเพ้อเจ้อ”เฉินเฉียวปฏิเสธโดยไม่รู้ตัว