ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย – บทที่ 114(2) เข้าใจความคิด

หนึ่งร้อยสิบสี่ (2)

เข้าใจความคิด

ยามบ่ายลูกค้าในร้านตัดชุดลดน้อยลง เสวี่ยเจียเยว่จึงนั่งพูดคุยกับเสวี่ยหยวนจิ้งอยู่หลังโต๊ะคิดเงิน ไม่นานก็ได้ยินเสียงของป้าหยางดังขึ้นที่หน้าประตู

“ไอหยา เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว”

เสวี่ยเจียเยว่มองไปยังหน้าประตูร้าน ก็เห็นป้าหยางหอบบางอย่างเดินเข้ามาด้วยอาการเหนื่อยล้า

เมื่อเห็นของสิ่งนั้นชัดๆ เธอก็ตกใจจนลุกพรวดพราดขึ้นมา

สิ่งที่ป้าหยางหอบเข้ามาคือกระถางใบหนึ่ง และในกระถางใบนั้นก็มีพืชชนิดหนึ่ง ผลสีแดงสดรูปทรงราวเขาวัวพร้อมกับใบสีเขียว… นั่นคือพริก ทั้งยังมีกลิ่นค่อนข้างฉุนและคงจะเผ็ดมาก แต่ยุคนี้จะมีพริกได้อย่างไร

เมื่อเห็นป้าหยางนำกระถางพริกมาวางไว้บนโต๊ะคิดเงิน เสวี่ยเจียเยว่ก็เอื้อมมือไปเด็ดพริกหนึ่งเม็ดมาดู ก่อนจะนำเข้าปาก หลังจากชิมแล้วก็ถึงกับน้ำตาไหลทันที

หนึ่งคือมันเผ็ด สองคือเธอตื้นตันใจเป็นอย่างมาก

ตั้งแต่ข้ามภพมา คิดไม่ถึงเลยว่าวันหนึ่งเธอจะได้เห็นพริก ในภพก่อนเธอเป็นคนชอบกินเผ็ดมากจนแทบขาดพริกไม่ได้ คงเหมือนกับคนที่ชอบสูบบุหรี่ หรือเหมือนอาจารย์ชาง[1] ที่ทำให้บุรุษชอบหมกมุ่นอยู่ในบ้าน

เสวี่ยหยวนจิ้งที่นั่งอยู่ด้านข้างประหลาดใจทันทีเมื่อเห็นถาดใส่กระถางนั้น พอเห็นเสวี่ยเจียเยว่เอื้อมมือไปเด็ดพืชที่มีผลสีแดงสดเข้าปาก จากนั้นน้ำตาก็ไหลออกมา เขาตกใจจนต้องเอ่ยถาม

“เยว่เอ๋อร์ เจ้าเป็นอันใดไป”

เขาเอื้อมมือไปหวังจะแย่งพืชสีแดงนั้นมา ทว่าเสวี่ยเจียเยว่กลับกำเอาไว้แน่นไม่ยอมปล่อย ไม่ว่าเขาจะแกะมือเล็กออกอย่างไรก็ไม่เป็นผล ในที่สุดเขาก็ตำหนิอีกฝ่าย “อย่าขยับ”

ชายหนุ่มไม่เคยเห็นเสวี่ยเจียเยว่หวงของแบบนี้มาก่อน ผลสีแดงลักษณะคล้ายเขาวัวที่อยู่ในมือแม่นางน้อยคือสิ่งใดกันแน่

แต่ยามนี้เสวี่ยเจียเยว่ไม่สนใจเสวี่ยหยวนจิ้งแม้แต่น้อย กลับหันไปเอ่ยถามป้าหยาง “ป้าหยาง ท่านรู้หรือไม่ว่าสิ่งนี้คืออันใด ท่านไปเอามาจากไหนหรือเจ้าคะ”

เมื่อครู่นี้ป้าหยางตกใจเพราะเห็นเสวี่ยเจียเยว่เด็ดพืชที่มีผลสีแดงนั้นขึ้นมากิน หลังจากเห็นเด็กสาวน้ำตาไหลนางก็ยิ่งตกใจมากกว่าเดิม ยามนี้พอได้ยินเสวี่ยเจียเยว่เอ่ยถามนางด้วยท่าทางกระตือรือร้น ชั่วขณะที่นางกล่าวออกมาเสียงจึงสั่นเครือ

“ของ… ของนี่ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันคือสิ่งใด เป็น… เป็นของที่ภรรยาหลานชายให้ข้ามา ข้าได้ยินนางเรียกว่าพริกอะไรสักอย่าง”

เสวี่ยเจียเยว่รีบเอ่ยถามทันที “นางมีพริกเช่นนี้ได้อย่างไร… มีเพียงกระถางเดียวหรือว่ามีอีกมาก แล้วพวกมันอยู่ที่ไหนเจ้าคะ”

เสวี่ยหยวนจิ้งเห็นเด็กสาวเอ่ยถามป้าหยางด้วยความร้อนใจจึงปรามเอาไว้ “เจ้าค่อยๆ ถามก็ได้ ไม่ต้องทำให้ป้าหยางตกใจเช่นนั้น”

เสวี่ยเจียเยว่สังเกตเห็นว่าใบหน้าของป้าหยางซีดเผือด จึงรีบเดินออกมาจากหลังโต๊ะคิดเงิน แล้วประคองนางนั่งลงบนเก้าอี้ด้านข้าง ก่อนจะบอกเสวี่ยหยวนจิ้งรินน้ำชาให้นางหนึ่งถ้วย จากนั้นจึงส่งให้ป้าหยางด้วยสองมือ พร้อมเอ่ยด้วยรอยยิ้มหวาน

“ท่านแม่ ข้าทำท่านตกใจหรือเจ้าคะ ข้าไม่ปิดบังท่านก็แล้วกันเจ้าค่ะ ข้าเคยเห็นพืชชนิดนี้ในตำรามาก่อน ตอนนั้นข้าได้แต่คิดว่าคนรุ่นก่อนเขียนขึ้นมาหลอกลวงคนรุ่นหลัง แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้เห็นพริกเช่นนี้จริงๆ ถึงได้ตกใจจนต้องรีบร้อนเอ่ยถามท่าน ท่านไม่ต้องแปลกใจนะเจ้าคะ”

เมื่อป้าหยางได้ยินเช่นนั้น หัวใจที่เต้นรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอกก็ค่อยๆ สงบลง จากนั้นจึงรับถ้วยน้ำชาที่เสวี่ยเจียเยว่ส่งมาให้แล้วจิบหนึ่งอึกเพื่อระงับความตกใจ ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้ม

“เจ้าเค้นถามด้วยอาการเช่นนั้น ทำให้ข้าตกใจจนแทบพูดอะไรไม่ออก ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้”

พอจิตใจสงบลงแล้วนางก็เล่ารายละเอียดให้เสวี่ยเจียเยว่ฟัง “เมื่อเช้าข้าบอกเจ้าแล้วว่าวันนี้เป็นวันเกิดของภรรยาหลานชายข้า อีกทั้งพวกเขายังบอกให้ข้าไปที่เรือนแต่เช้าใช่หรือไม่ หลังจากเจ้ากลับไป ข้าเปลี่ยนชุดและออกไปทันที พอถึงที่นั่นก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าการดูงิ้ว กินข้าว และพูดคุยกับญาติๆ ตอนที่พวกข้าเข้าไปนั่งในห้องของภรรยาหลานชาย ก็พบว่าในห้องของนางมีกระถางเช่นนี้อยู่สองใบ ภรรยาหลานชายข้าเรียกมันว่าพริก ญาติของนางซื้อกลับมาตอนไปค้าขายอยู่นอกเมือง ทั้งยังบอกว่าพืชชนิดนี้ออกดอกงดงาม หากปลูกไว้ในเรือนจะดียิ่งนัก

“ตอนนั้นพวกข้าต้องยกยอภรรยาหลานชาย เพราะไม่เคยเห็นพืชเช่นนี้มาก่อน แต่นางกลับมีสีหน้าเบื่อหน่าย นางบอกว่าแรกเริ่มมันออกดอกสีขาวเล็กๆ บางดอกก็ไม่งาม พอดอกร่วงจะมีผลสีแดงคล้ายกับเขาวัว ตอนนั้นนางเห็นว่าสีแดงสดมันก็งามดี จึงอยากเก็บไว้ชื่นชม แต่ไม่กี่วันก่อนสาวใช้ที่กำลังทำความสะอาดห้องกลับไม่ระวังจนทำให้ผลสีแดงนั้นหัก พริกนั่นทำให้นางรู้สึกแสบตาจนน้ำตาไหล ในขณะที่นางคิดจะโยนทิ้ง พ่อสามีของนางก็ห้ามเอาไว้ บอกว่าถึงอย่างไรก็เป็นของที่ญาติให้มา จะโยนทิ้งคงไม่เหมาะ ให้วางไว้เช่นนั้นเถอะ

“ต่อมาพวกข้าก็เอ่ยประจบนางอยู่หลายประโยค พอภรรยาหลานชายมีความสุข นางก็มอบต้นพริกให้ข้าหนึ่งกระถาง ส่วนอีกกระถางนางให้อีกคนไป ข้าเองไม่เคยเห็นสิ่งนี้มาก่อนจึงรับเอาไว้ และเดินถือกลับมาตลอดทาง เฮ้อ… ข้าเหนื่อยแทบตาย หากรู้ว่าจะเหนื่อยเช่นนี้ ข้าคงปฏิเสธไปตอนที่ภรรยาหลานชายบอกว่าจะยกให้ข้าแล้ว”

“ท่านแม่ ท่านเหนื่อยและปวดเมื่อยตรงไหนหรือเจ้าคะ ปวดไหล่หรือปวดเอว” เสวี่ยเจียเยว่เอื้อมมือไปนวดไหล่ให้นางด้วยรอยยิ้มที่สดใส ก่อนจะลดมือต่ำลงนวดเอว ปรนนิบัติดูแลจนป้าหยางสบายตัว เธอจึงกล่าวต่อด้วยรอยยิ้ม “ข้าชอบพริกนี้มากๆ ท่านแม่ หากท่านไม่ชอบ มิสู้มอบให้ข้าล่ะเจ้าคะ แลกกับเงินสองตำลึงดีหรือไม่เจ้าคะ”

เสวี่ยหยวนจิ้งเงยหน้าขึ้นมองเสวี่ยเจียเยว่ทันที จากนั้นก็ก้มหน้าลงอ่านตำราของตนด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก

แม้จะไม่รู้ว่าเหตุใดเสวี่ยเจียเยว่ถึงได้ให้ความสำคัญแก่สิ่งที่เรียกว่าพริกนั่น แต่ในเมื่อเจ้าตัวชอบ ต่อให้ต้องใช้เงินมากเท่าไรก็ยินดีที่จะจ่ายออกไป

ป้าหยางพลันหันไปมองเสวี่ยเจียเยว่ด้วยความประหลาดใจ “เจ้าคิดจะใช้เงินสองตำลึงเพื่อแลกกับพริกกระถางนี้เช่นนั้นหรือ”

เสวี่ยเจียเยว่พยักหน้าพร้อมกล่าว “หากท่านคิดว่าเงินสองตำลึงนั้นน้อยไป ข้าสามารถเพิ่มเงินให้ท่านได้อีกหน่อย อีกทั้งข้าไม่เพียงต้องการใช้เงินแลกพริกกระถางนี้กับท่านเท่านั้น แต่ยังอยากซื้อพริกอีกกระถางที่คนผู้นั้นได้ไปด้วย คงต้องรบกวนท่านแม่เป็นธุระแทน”

เธอตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ไม่ว่าจะต้องใช้เงินเท่าไรเธอก็ต้องได้พริกสองกระถางมาครอบครอง ไม่แน่นี่อาจจะเป็นโอกาสในการทำการค้าครั้งใหญ่ก็เป็นได้

[1] คือฉายาของดาราหนัง AV ที่ชื่อ โซระ อาโออิ

ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย

ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย

ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย
Status: Ongoing
ระหว่างทำวิทยานิพนธ์ก่อนจบการศึกษา จู่ๆ เสวี่ยเจียเยว่ ก็เข้ามาอยู่ในนิยายของเพื่อนร่วมห้อง แน่นอนว่าเธอรู้จักตัวละครชายอย่าง เสวี่ยหยวนจิ้ง เป็นอย่างดี เพราะเขาเป็นพระเอกในเรื่อง คนผู้นี้รูปงามทั้งยังเก่งกาจ แต่ถ้าจำไม่ผิด เขาจะฆ่าแม่เลี้ยงและทำร้ายน้องสาวต่างมารดา ซึ่งโชคร้ายที่เธอมาอยู่ในร่างน้องสาวที่เขาเกลียดชังนี่เอง แล้วเธอจะมีชีวิตรอดได้อย่างไร ในเมื่อ ‘ท่านพี่’ ผู้นี้เย็นชาจนน่ากลัว ดูเหมือนเขาจะไม่มีความเป็นพระเอกเอาเสียเลย

Comment

Options

not work with dark mode
Reset