หนึ่งร้อยห้าสิบสอง
ความขัดแย้งเพิ่มระดับขึ้น
เสวี่ยเจียเยว่ทำเงินได้มากมายจากการทำกิจการที่เมืองผิงหยางในช่วงที่ผ่านมา ของใช้ต่างๆ เสวี่ยหยวนจิ้งก็มอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ อย่างเช่นเสื้อตัวยาวที่ทำจากผ้าไหมสีชมพูปักลายดอกเหมยสีทอง และกระโปรงยาวสีเหลืองสดใส ปิ่นปักผม และดอกไม้ผ้าสีชมพูที่ปักอยู่บนศีรษะของเด็กสาว แต่ตอนนี้กระดุมบนเสื้อตัวยาวถูกดึงออกด้วยฝีมือของเสวี่ยหยวนจิ้ง เผยให้เห็นเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวที่สวมไว้ด้านใน ผมสยายออกและเบี่ยงไปด้านข้าง อีกทั้งดอกไม้ผ้ายังร่วงลงบนหมอน
มือกับเท้าของเธอถูกกดไว้อย่างแน่นหนา เสียงร้องไห้และเสียงตะโกนก็ถูกชายหนุ่มปิดกั้นเอาไว้เพียงในลำคอ มีเพียงเสียงร้องดังอู้อี้ออกมาเท่านั้น เด็กสาวหวาดกลัวอย่างยิ่ง ร่างเธอแข็งทื่อราวกับท่อนไม้ เธอรู้สึกหนาวเยือกในหัวใจ ราวกับมีคนยัดน้ำแข็งเข้ามาในร่างกาย จากนั้นตัวก็สั่นเทิ้มอย่างตื่นตระหนก
เสวี่ยหยวนจิ้งกล้าทำเช่นนี้กับเธอ…
มือที่เย็นเฉียบของชายหนุ่มดึงสายรัดบนเสื้อผ้าฝ้ายสีขาว เผยให้เห็นเสื้อผ้าไหมสีขาวอีกตัว สุดท้ายก็ถึงตู้โต้วสีเขียวอ่อนที่อยู่ด้านในสุด เสวี่ยเจียเยว่ทนไม่ได้อีกต่อไป น้ำตาจึงไหลออกมาเป็นสาย
เธอกัดริมฝีปากล่างของเสวี่ยหยวนจิ้งอย่างรุนแรง จนได้ลิ้มรสเลือดระหว่างซอกฟัน แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยแม้แต่น้อย
เสวี่ยหยวนจิ้งไม่คิดจะยอมแพ้เช่นกัน ชายหนุ่มมองสบกับดวงตาแดงก่ำของเด็กสาว จากนั้นเขาก็แค่นเสียงหัวเราะ “สีเขียวไม่เหมาะกับเจ้าเท่าสีแดง ต่อไปนี้เจ้าต้องสวมตู้โต้วสีแดงเท่านั้น”
เขายังเป็นคนอยู่ใช่หรือไม่… เหตุใดยังมีอารมณ์มาพูดเช่นนี้กับเธออีก การที่เสวี่ยหยวนจิ้งทำเช่นนี้เพราะต้องการให้เธอเกลียดเขา และใช้วิธีนี้เพื่อทำให้เธอเชื่อฟังจนอยู่กับเขาตลอดไปใช่หรือไม่ เสวี่ยเจียเยว่เดือดดาลยิ่งนัก
พอชายหนุ่มถอนริมฝีปากออกไปแล้ว เธอก็รีบเบือนหน้าหนีทันที และกัดแขนเขาอย่างรุนแรง
เธอใช้แรงที่มีทั้งหมดกัดแขนเสวี่ยหยวนจิ้งจนรู้สึกถึงรสเลือด สงสัยเหลือเกินว่าตัวเองสามารถกัดเนื้อของเขาออกมาได้หรือไม่
แขนของเสวี่ยหยวนจิ้งไม่ได้ทำมาจากเหล็ก เมื่อเสวี่ยเจียเยว่กัดเขาอย่างแรงเช่นนี้แน่นอนว่าต้องทำให้เขาเจ็บ ดังนั้นเขาจึงส่งเสียงร้องอยู่ในลำคอ แต่ยังคงกดร่างบอบบางเอาไว้แน่น ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อย เพียงปล่อยให้อีกฝ่ายกัดเขาเช่นนั้น ยามนี้นัยน์ตาของเขาแดงก่ำอย่างน่ากลัว
เมื่อเห็นริมฝีปากของเสวี่ยเจียเยว่มีเลือดซึมออกมา ชายหนุ่มก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
เสวี่ยหยวนจิ้งยื่นมือไปจับคางของเสวี่ยเจียเยว่ ทำให้อีกฝ่ายไม่สามารถกัดแขนของเขาได้อีก จากนั้นก็ก้มหน้าลงเลียริมฝีปากของอีกฝ่ายที่มีเลือดของเขาติดอยู่อย่างช้าๆ
“เจ้าไม่เชื่อฟังข้าตลอดเวลา นิสัยก็ดื้อรั้น เมื่อก่อนเจ้าใช้วิธีร้องไห้มารับมือกับข้า ข้าก็ยอมตามใจเจ้า แต่เมื่อครู่ข้าบอกไปแล้ว แม้ว่าข้าจะรักเจ้า แต่บางเรื่องข้าก็ไม่อาจตามใจเจ้าได้ เรื่องนี้ก็เช่นกัน แม้ว่าข้าไม่อยู่ เจ้าก็ห้ามออกไปจากประตูเรือนหลังนี้ ข้าจะไม่ให้โอกาสเจ้าหนีไปจากข้าเด็ดขาด และไม่มีวันยอมให้เกิดเรื่องเหมือนตอนที่อยู่ในวัดต้าเซียงกั๋วอีก”
เมื่อเขากล่าวจบก็จูบริมฝีปากของเสวี่ยเจียเยว่ ก่อนจะเอ่ยบังคับอีก “อีกประเดี๋ยวข้าจะเขียนหนังสือสมรสหนึ่งฉบับ จากนั้นเจ้าก็เขียนชื่อของเจ้า พรุ่งนี้ข้าจะนำหนังสือสมรสไปที่ว่าการ”
ที่ผ่านมาชายหนุ่มอยากแต่งงานกับเสวี่ยเจียเยว่ให้เร็วที่สุด แต่อีกฝ่ายก็หาข้ออ้างมาปฏิเสธตลอด เขาอยากให้เด็กสาวตกลงแต่งงานด้วยความจริงใจ ดังนั้นจึงยอมและรอคอยตลอดมา ทว่าตอนนี้เขาไม่อยากรออีกต่อไปแล้ว
เขาต้องได้แต่งงานกับเสวี่ยเจียเยว่ให้เร็วที่สุดถึงจะวางใจได้ ไม่อย่างนั้นก็ต้องกังวลว่าตัวเองจะอดขังอีกฝ่ายเอาไว้ไม่ได้
เมื่อเสวี่ยเจียเยว่ได้ยินเช่นนั้นก็ตะลึงงันยิ่งนัก เธอรู้ว่าการนำหนังสือสมรสไปที่ว่าการหมายความว่าอย่างไร นั่นเท่ากับว่าเธอได้แต่งงานกับเสวี่ยหยวนจิ้งแล้ว และต่อไปพวกเขาทั้งสองคนก็จะกลายเป็นสามีภรรยากัน
เดิมทีเธอก็เคยคิดว่าตัวเองกับเสวี่ยหยวนจิ้งเดินทางมาด้วยกันหลายปี ไม่มีใครสนิทกับเธอไปมากกว่าเขาแล้ว อีกทั้งเขายังรักเธอขนาดนั้น แน่นอนว่าต่อไปเสวี่ยเจียเยว่จะต้องแต่งงานกับเขา ทั้งสองจะใช้ชีวิตด้วยกัน แต่การที่เสวี่ยหยวนจิ้งทำเช่นนี้คล้ายกับการบังคับให้เธอแต่งงานด้วย
ในเมื่อเป็นการบังคับ เธอจะเห็นด้วยได้อย่างไร แม้แต่รูปปั้นดินเผาที่ไร้ชีวิตก็ยังรู้จักโมโห[80]
“เสวี่ยหยวนจิ้ง เจ้ากลายเป็นคนไร้หัวใจไปแล้วหรือ ข้าจะไม่แต่งงานกับเจ้าเด็ดขาด” เสวี่ยเจียเยว่เอ่ยเสียงแข็ง
เสวี่ยหยวนจิ้งเห็นท่าทางดื้อรั้นของอีกฝ่ายก็กล่าวพลางหัวเราะ “เรื่องนี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเจ้า”
ชายหนุ่มก้มหน้าลงกัดคางขาวเนียนและอ่อนนุ่ม เพราะความโกรธเคืองที่มีในใจ แรงที่กัดนั้นจึงมีไม่น้อย
เสวี่ยเจียเยว่รู้สึกเจ็บปวด ในขณะที่เธอกำลังจะร้องไห้ ก็นึกถึงถ้อยคำที่เสวี่ยหยวนจิ้งกล่าวมาเมื่อครู่ เห็นได้ชัดว่าการร้องไห้นั้นไร้ประโยชน์
ด้วยเหตุนี้ไฟโทสะจึงก่อตัวขึ้นในใจของเธอทันที และกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีก ก่อนจะเอ่ยเสียงแข็งอย่างดื้อรั้น
“เสวี่ยหยวนจิ้ง อย่าทำให้ข้าเกลียดเจ้า”
เสวี่ยหยวนจิ้งที่กำลังจูบเด็กสาวหัวเราะออกมาเบาๆ ตลอดหลายปีที่ผ่านมาเสวี่ยเจียเยว่ยังไร้เดียงสา ไม่อย่างนั้นจะพูดเช่นนี้ออกมาได้อย่างไร
เขาเลียริมฝีปากของคนใต้ร่าง จากนั้นจึงเอ่ยเสียงต่ำ “เยว่เอ๋อร์ เจ้ากับข้าอยู่ด้วยกันมาหลายปี เจ้าเป็นคนอย่างไรข้าจะไม่เข้าใจเชียวหรือ อย่าเอ่ยวาจารุนแรงเช่นนี้ต่อหน้าข้า อีกอย่าง… เจ้าต้องรู้นะ แม้ว่าเจ้าจะเกลียดข้า ข้าก็ไม่มีทางปล่อยเจ้าไป”
ในขณะที่เสวี่ยเจียเยว่ถลึงตามองมา เขาก็เอ่ยเสียงต่ำต่อ “เยว่เอ๋อร์ เจ้าต้องยอมรับชะตากรรม ชีวิตนี้เจ้าเลิกคิดจะหนีไปจากข้าซะ”
หลังจากกล่าวจบเสวี่ยหยวนจิ้งก็เพิ่มแรงจูบมากขึ้น บดริมฝีปากอ่อนนุ่มของเสวี่ยเจียเยว่อย่างรุนแรง
ตอนนี้ถึงยามเซิน[81] แล้ว แม้ว่าพระอาทิตย์จะยังลอยอยู่บนท้องฟ้า แต่อย่างไรก็เป็นฤดูหนาว อีกทั้งในเรือนก็ไม่มีเตา เสวี่ยเจียเยว่จึงหนาวเหน็บไปทั่วร่าง
กำลังวังชาของบุรุษนั้นมีมากกว่าสตรีเสมอ ยิ่งไปกว่านั้น… หากเสวี่ยหยวนจิ้งตัดสินใจทำอะไรแล้วย่อมไม่มีทางใจอ่อน และไม่มีทางเหลือช่องว่างให้เธอหนีรอด ต่อให้เสวี่ยเจียเยว่ดิ้นรนแค่ไหนก็ไร้ประโยชน์
สุดท้ายเธอก็ร้องไห้ออกมาด้วยความหวาดกลัว ทั้งยังดิ้นรนสุดชีวิตพร้อมตะโกนไม่หยุด
“เสวี่ยหยวนจิ้ง! เจ้าสารเลว ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้”
เสวี่ยเจียเยว่คิดไม่ออกว่าจะรับมือกับเสวี่ยหยวนจิ้งอย่างไร และตอนนี้ก็ต่างจากเมื่อก่อน การร้องไห้ที่เคยเป็นเพียงวิธีเดียวที่จะทำให้ชายหนุ่มใจอ่อนลง แต่ยามนี้ใช้ไม่ได้ผลแล้ว เมื่อคิดเช่นนั้นความกลัวก็ฝังลึกเข้าไปในกระดูกทันที ทำให้หัวใจของเธอแทบหยุดเต้น
คนร่างบอบบางร้องไห้อย่างหนัก และใช่ว่าเสวี่ยหยวนจิ้งจะไม่รู้ เดิมทีเขาอยากจะทำตัวใจร้ายไม่แยแสอีกฝ่าย เพราะถึงอย่างไรเรื่องก็เลยเถิดมาถึงขั้นนี้แล้ว เขาอยากรู้ว่าเสวี่ยเจียเยว่จะดื้อรั้นอย่างไรอีก แต่เมื่อได้ยินเสียงร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ จนใกล้จะแหบแห้ง สุดท้ายเขาก็อดที่จะเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายไม่ได้
เมื่อเห็นใบหน้าของเสวี่ยเจียเยว่เต็มไปด้วยน้ำตา แววตาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว เขาจึงปล่อยมือกับเท้าของอีกฝ่ายที่พันธนาการไว้อยู่ออก
เผียะ!
เสวี่ยเจียเยว่ถึงกับอึ้งงัน ได้แต่นอนตัวแข็งทื่อมองเสวี่ยหยวนจิ้งเช่นนั้น ราวกับไม่เข้าใจว่าเหตุใดตนถึงได้ตบเขา
ทว่าเสวี่ยหยวนจิ้งกลับไม่ได้ตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ได้แต่จับจ้องเสวี่ยเจียเยว่นิ่ง เขาเห็นสีหน้าของอีกฝ่ายยิ่งหวาดกลัวมากขึ้น ทั้งยังถอยไปหลบอยู่ที่มุมเตียงด้วยร่างที่สั่นเทา สายตาที่มองมานั้นราวกับกล่าวหาว่าเขาเป็นปีศาจ และเต็มไปด้วยความหวาดระแวง…
ชายหนุ่มยกมือขึ้นปิดใบหน้าครึ่งซีกของตน ขณะเดียวกันริมฝีปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม… ทว่าเป็นรอยยิ้มที่ขมขื่นยิ่งนัก
การที่เขาคิดจะบังคับเสวี่ยเจียเยว่อย่างไม่ไยดี และอีกฝ่ายไม่ยอมรับนั้น ชายหนุ่มก็เข้าใจเป็นอย่างดี แต่อีกฝ่ายถึงกับตบเขาเช่นนี้…
ความเจ็บปวดบนใบหน้าจะสู้ความเจ็บปวดในใจของเขาได้อย่างไร
จากนั้นเขาก็เห็นเสวี่ยเจียเยว่คว้าเสื้อผ้ามาปิดบังเนื้อกาย แล้ววิ่งไปที่ห้องของตนอย่างรวดเร็ว ราวกับกระต่ายน้อยตื่นตกใจกลัวก็ไม่ปาน ก่อนจะได้ยินเสียงดังปัง ตามด้วยเสียงไม้ขัดประตู
เสวี่ยหยวนจิ้งยังคงนั่งอยู่บนขอบเตียงโดยไม่ไหวติง
เขาอยากให้เสวี่ยเจียเยว่อยู่ในเรือนทั้งวันโดยไม่ต้องออกไปไหน ด้วยวิธีนี้จะไม่มีทางเกิดเรื่องเหมือนที่วัดต้าเซียงกั๋วเด็ดขาด และอีกฝ่ายจะไม่มีวันจากเขาไปไหน กระนั้นเขาก็ไม่อาจห้ามตัวเองไม่ให้สนใจเรื่องที่เด็กสาวจะทำได้…
เสวี่ยหยวนจิ้งยิ้มอย่างขมขื่น ไม่ว่าเรื่องอะไรเขาก็มักจะเด็ดขาดเสมอ แต่เมื่อเป็นเรื่องของเสวี่ยเจียเยว่ ความเด็ดขาดที่เคยมีก็มลายไปสิ้น
โปรดติดตามต่อใน ท่านพี่อย่าเย็นชากับข้านักเลย เล่ม 5
[80] หมายความว่า ต่อให้เป็นของที่ไร้ชีวิตก็รู้สึกโมโหได้
[81] ช่วงเวลาระหว่าง 15.00 น. – 17.00 น.