อวิ๋นฮวาพลันโพล่งออกมาทันทีว่า “เพราะว่าต้องการหนานอิน…” เมื่อกล่าวมาถึงจุดนี้ เขาถึงรู้สึกได้ว่ามันเกิดปัญหาอะไร
“อันตราย!” เขาโบกมือและรีบผลักมู่เฉียนซีออกไปเพื่อหลบการโจมตีของดอกไม้ชั่วร้ายนั่น
— ปั้ก! ปั้ก! ปั้ก! —
การโจมตีอีกครั้งของดอกไม้ปีศาจ ทำให้คนทั้งขบวนตกอยู่ในสภาพที่น่าสังเวชอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
— ฟึ่บ! ฟึ่บ! ฟึ่บ! —
ดอกไม้ปีศาจโจมตีไม่หยุด ทว่าทุกคนล้วนต้องการที่จะมีชีวิตรอด จึงจำต้องสู้อย่างสุดกำลัง
เงาแห่งความตายได้พัดผ่าน ในเวลานี้หนานอินก็สลบไปแล้ว
มู่เฉียนซีพบช่องโอกาสเข้าเล็กน้อย ในที่สุดนางก็สกัดยาพิษออกมา จะสามารถฝ่าวงล้อมออกไปได้หรือไม่นั้น ก็ต้องดูกันที่ยาขวดนี้ของนางแล้ว
มู่เฉียนซีโยนยาขวดใสนั้นออกไป ปากก็ตะเบ็งเสียง “บุปผาหลั่งสายฝน!”
แม้ว่าธาตุวารีที่เหมือนดั่งสายฝนจะโจมตีดอกไม้ปีศาจชั่วร้ายเหล่านั้นไม่ได้ แต่ก็เพียงพอที่จะทําลายขวดยาได้!
— เพล้ง! —
เสียงแหลมคมดังออกมา ขวดยานั้นแตกออกด้านหน้าของดอกไม้ปีศาจ จากนั้นหมอกสีขาวก็ปกคลุมบริเวณโดยรอบ
นักฆ่าปีศาจที่น่ากลัว กลับกลายเป็นเล็กลงในทันที
เมื่อสู้จนมีทางออกที่ปลอดภัยขึ้นทางหนึ่ง อวิ๋นฮวาที่กำลังถูกดอกไม้ปีศาจทรมานเสียจนหมดสิ้นพลังวิญญาณก็รีบกล่าว “รีบไป!”
เขานํากลุ่มคนของสํานักอวิ๋นเยียนออกไป
เวลานี้จำต้องหนีเอาชีวิตตัวเองรอดก่อนแล้วค่อยว่ากัน ส่วนความเป็นความตายของคนอื่นนั้น เขาไม่สนใจแล้ว
ดวงตาของมู่เฉียนซีส่องประกาย ดูเหมือนว่ายานี้จะได้ผล อวิ๋นฮวาอยากจะเป็นหนูทดลอง ดังนั้นนางย่อมไม่ปฏิเสธ
นางต้องรีบออกไปให้เร็วที่สุด เงาร่างสีม่วงพุ่งไปยังทางออกนั้น
เมื่อเห็นว่าเหยื่อกําลังจะจากไป ดอกไม้ปีศาจอื่น ๆ ก็โจมตีไปที่มู่เฉียนซี
— พรวด! —
องครักษ์ไม่กี่คนที่เหลืออยู่ของราชวงศ์หนานเถิงนั้น ถูกทำลายไปทั้งกองทัพ พวกเขาพลีชีพเพื่อปกป้ององค์ชายและองค์หญิงของพวกเขา
หนานเชากล่าวว่า “อินอิน พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
ทว่าในเวลานี้มู่เฉียนซีพุ่งไปเร็วยิ่งกว่าพวกเขาเสียอีก
ดอกไม้ปีศาจที่เหี่ยวเฉาดูเหมือนจะค่อย ๆ ฟื้นคืนขึ้นมาอีกครั้ง ดวงตาของหนานอินฉายแววอำมหิตพลางรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดและลอบโจมตีมู่เฉียนซี
“เจ้าเด็กบัดซบ! เจ้าจะต้องอยู่ที่นี่ตลอดไป เป็นปุ๋ยดอกไม้ไปเลยไป๊!”
พลังที่แข็งแกร่งผลักไปที่มู่เฉียนซี ประจวบเหมาะกับที่ดอกไม้ปีศาจรอบ ๆ ฟื้นขึ้นมาพอดี ใบหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึม
อันตราย!
ถ้าหากไม่หลบการโจมตีนี้ คงได้ถูกส่งตรงไปยังในปากของดอกไม้ปีศาจเป็นแน่แท้
— ตูม! —
นางที่รักษาพลังราชาแห่งภูตระดับหนึ่งไว้ตลอดได้ทะลวงผ่านช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายนี้
— ปัง! —
พลังวิญญาณหมุนด้วยความเร็วเต็มที่ ร่างของมู่เฉียนซีค่อย ๆ หลบการโจมตีของหนานอิน
ร่างสีม่วงพุ่งออกไป และหนานอินก็รู้สึกได้ว่ามู่เฉียนซีปรากฏตัวอยู่ข้างหลังนาง นางยังไม่ทันจะตอบโต้ก็พลันรู้สึกเจ็บปวดที่คอของตนเอง
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าอยากให้ดอกไม้ปีศาจเหล่านี้มีปุ๋ยนักใช่ไหม ? เช่นนั้นเจ้าก็ไปเป็นปุ๋ยเองเสียเถอะ!”
พลังวิญญาณธาตุวารีพลุ่งพล่าน มู่เฉียนซีตะโกนว่า “มังกรวารีพิฆาต!”
— ปัง! —
หนานอินไม่มีช่องว่างที่จะต่อต้านได้ ร่างนางลอยเข้าไปในฝูงดอกไม้ปีศาจนั่น แม้แต่หนานเชาเองก็ไม่สามารถขัดขวางได้
“ม่ายยยย!” ใบหน้าของหนานเชาเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาตะโกนออกมาชนิดที่ว่าแทบจะขาดใจ
เวลานี้มู่เฉียนซีพุ่งออกไปแล้ว
— ฟิ้ว! ฟิ้ว! —
เสียงหนึ่งดังขึ้น ดอกไม้ปีศาจจะฆ่าหนานเชาอยู่รอมร่อแล้ว หนานเชาจะต้องถอยออกไปเดี๋ยวนี้
เมื่อได้ยินเสียงคํารามของหนานเชา อวิ๋นฮวาที่หลบหนีมาได้ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ดีแน่
“ไม่ดีแล้ว อินอิน เฉียนซี!” ดอกไม้ปีศาจฟื้นคืนชีพขึ้นมาอีกครั้ง หนานเชารีบวิ่งหนีออกมาอย่างหวาดกลัว แต่เวลานี้หนานอินกลับตกอยู่ในสถานการณ์อันตราย
“ท่านพี่ ช่วยข้าด้วย…!!!” นางตะโกน
“พี่ใหญ่อวิ๋น ช่วยข้าด้วย…!!!”
“ข้าไม่อยากตาย รีบมาช่วยข้า!!!”
หนานเชาและอวิ๋นฮวาไม่อยากให้นางตายจริง ๆ แต่ตอนนี้ แม้แต่พวกเขาทั้งสองก็ไม่สามารถที่จะไม่สนใจความปลอดภัยของตนเองและวิ่งเข้าไปเช่นนั้นได้
“อ๊า!”
“พรวด!”
พวกเขาทําได้เพียงเฝ้าดูหนานอินถูกดอกไม้ปีศาจกลืนกินและร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด
“น่าขยะแขยงนัก…” ดวงตาของอวิ๋นฮวาฉายแววหม่นหมอง เขามองไปที่หนานเชาและกล่าวว่า “เกิดอะไรขึ้น ? ไม่ใช่ว่าข้าบอกว่าให้เจ้าปกป้องนางให้ดี ๆ อย่าให้เกิดเรื่องไม่ใช่รึ ?”
หนานเชาชี้ไปที่มู่เฉียนซีอย่างโกรธเกรี้ยวและกล่าวว่า “ใต้เท้าอวิ๋น เป็นหญิงนางนี้ ตอนที่พวกเราออกมา หญิงผู้นี้ลอบทำร้ายอินอิน ถึงได้ทำให้อินอินถูกดอกไม้ปีศาจกลืนเข้าไป”
“เจ้า!” อวิ๋นฮวาจ้องมองมู่เฉียนซีเขม็ง ดวงตาทั้งสองข้างแดงก่ำ เขาไม่ได้อ่อนโยนเหมือนก่อนหน้านี้แล้ว
“เจ้าสมควรตาย!”
ที่รอบด้านร่างกายของเขาปลดปล่อยจิตสังหารที่น่ากลัวเป็นอย่างมากออกมา เงาร่างสีขาวส่องแสงวาบ แล้วมุ่งทางมู่เฉียนซี
ในตอนนี้เขานั้นไม่สนใจแล้วว่างนางจะเป็นสตรีงามที่เขาสนใจ หรือจะเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์อย่างที่สุดหรือไม่ ตอนนี้เขาคิดเพียงแต่ว่านางนั้นทำให้เรื่องดี ๆ ของเขาต้องพังลง นางสมควรตาย!
สมควรตาย!
แม้ว่าพลังความแข็งแกร่งของอวิ๋นฮวาจะถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสาม แต่เพราะถูกปิดล้อมอยู่ในดงดอกไม้ปีศาจ จึงทำให้สิ้นเปลืองพลังวิญญาณไปไม่น้อย
เขาโจมตีมู่เฉียนซี ทั้งพลังวิญญาณและความเร็วนั้นล้วนแต่ไม่ใช่ตามระดับปกติ
มู่เชียนซีรีบใช้กระบวนท่าย่างก้าวพันเงาเพื่อหลบการโจมตีของอวิ๋นฮวา
— ปัง! —
จักรพรรดิแห่งภูตระดับสามต่อสู้กับราชาแห่งภูตระดับสาม แต่กลับไม่สามารถโจมตีได้ถูกเป้า
มู่เฉียนซียิ้มเย้ยหยัน “เหอะอวิ๋นฮวา! ข้านั้นคิดมาตลอดว่าเจ้าเป็นคนมีเหตุมีผล นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังไม่ทันได้ถามให้ชัดเจนถึงต้นสายปลายเหตุ ก็กลับลงมือกับข้าหมายให้ถึงตายทั้งที่ยังไม่รู้เขียวรู้แดง”
หนานเชากล่าว “ใต้เท้าอวิ๋น อย่าไปฟังหญิงเจ้าเล่ห์ผู้นี้ เป็นนางนั่นแหละที่ทำให้อินอินตาย”
“ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม นางทำร้ายให้อินอินต้องตาย มิอาจให้อภัยได้!”
ทว่าประโยคสุดท้ายของหนานเชานั้นกลับทำให้อวิ๋นฮวาใจเย็นลงมา
หนานอินตายไปแล้วมิอาจหวนคืนได้ หากว่ายังจะฆ่าผู้ที่เป็นยอดอัจฉริยะอีก นั่นจะเป็นความเสียหายครั้งยิ่งใหญ่
“ใต้ท้าวอวิ๋น…” หนานเชาเอ่ยเรียกเบา ๆ เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
อวิ๋นฮวากล่าว “หนานเชา เจ้าต้องพูดความจริงกับข้า อย่าโป้ปดแม้เพียงนิดเดียว”
สายตาของอวิ๋นฮวาทำให้ผู้คนหวาดกลัว หนานเชาเองก็หวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ เขาจึงกล่าวขึ้น “ใช่… เป็นอินอินที่ลอบโจมตีแม่นางเฉียนซี สุดท้ายแม่นางเฉียนซีก็โชคดีสามารถหลบได้พ้น จากนั้นแม่นางเฉียนซีจึงได้โจมตีอินอินกลับ… สุดท้ายแล้ว…”
มู่เฉียนซีกล่าว “เป็นนางที่ตั้งใจลงมือโจมตีข้าในสถานการณ์เช่นนั้น และข้าก็เพียงแค่ตอบโต้ธรรมดา ๆ อวิ๋นฮวา หากเจ้าจะลงมือกับข้าจริง ข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าเอง”
องค์รักษ์ของราชวงศ์หนานเถิงนั้นไม่เหลือแม้สักคนหนึ่ง ส่วนผู้อาวุโสระดับจักรพรรดิเหล่านั้นของสำนักอวิ๋นเยียนก็บาดเจ็บสาหัส นางไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวพวกเขา
และแน่นอน… อู๋ตี้กับเสี่ยวหงของนางก็ไม่ใช่เจ้าพวกที่กินมังสวิรัติ
อวิ๋นฮวากล่าว น้ำเสียงเขากลับมาอ่อนโยน “อย่าโกรธไปเลยแม่สาวน้อย ข้าไม่ได้ตั้งใจ”
“ข้าเสียใจต่อการตายของอินอินอย่างมากจึงได้ขาดสติไป เจ้าจะต้องให้อภัยข้า” ใบหน้าของอวิ๋นฮวาเต็มไปด้วยความรู้สึกผิด
หนานเชาเองเมื่อได้เห็นก็แทบกระอักเลือด เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าหญิงผู้นี้เป็นคนฆ่าอินอิน แต่ปรากฏว่าใต้เท้าอวิ๋นยังต้องไปขอโทษนาง
มู่เฉียนซี “คำขอโทษของเจ้าข้ารับไว้ แต่ว่าข้าจะต้องกลับไปแล้ว ข้าจะไม่ไปกับพวกเจ้าต่ออีก ในเมื่อมีคนลงมือกับคนของตนเองได้เช่นนี้ ก็แยกกันเสียดีกว่า”
.