ดวงตาของกู้ไป๋อีเคร่งขรึมลง และคนเหล่านี้ก็กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน ช่วยข้าด้วย!”
“ตราบใดที่ได้แผนที่ม้วนไผ่โบราณของหม้อเทพนิรันดร์มา นายท่านแห่งตำหนักเป่ยหานจะต้องตบรางวัลให้อย่างหนักแน่นอน”
“ด้วยพลังความแข็งแกร่งของนายท่านแล้ว ฆ่าพวกมันได้ไม่ยาก”
“……”
พวกเขามองไปที่กู้ไป๋อีด้วยความคาดหวัง กู้ไป๋อีกล่าว “คุณหนูใหญ่ คนเหล่านี้ไม่จำเป็นต้องไว้ชีวิต!”
พวกเขาไม่ใช่เจ้าเมืองซีเจว๋ ต่อให้ใช้พิษควบคุมพวกเขาก็ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้เป็นศัตรูได้
อีกอย่าง หากตำหนักเป่ยหานจับได้ว่าพวกเขาถูกนางควบคุม เรื่องยุ่งยากอาจจะตามมาไม่น้อย
และในตอนนี้ คนเหล่านั้นก็แทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง “นี่ท่าน ท่านต้องการให้พวกข้าตาย!”
“ท่าน เหตุใดท่านถึงได้ช่วยคนนอกเช่นนี้”
“……”
กู้ไป๋อีไม่แยแสต่อคำขอร้องอ้อนวอนของคนเหล่านั้นเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขายังทำให้เขาได้ยินคำที่น่ารังเกียจสองคำ
มู่เฉียนซีกล่าว “เย่เฉิน ฆ่าพวกมันเพื่อแก้แค้นให้คนในตระกูลเจ้าก่อนเถอะ!”
“ส่วนบัญชีของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักเป่ยหานผู้นั้น รอให้พวกเราแข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ก่อนแล้วค่อยไปทวงคืน!”
“ขอรับ!”
เย่เฉินลงมืออย่างโหดเหี้ยม เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดดังก้องขึ้น จากนั้นพวกเขาก็ต้องจบชีวิตลงแต่เพียงเท่านี้แล้ว
หลังจากที่จัดการคนเหล่านี้เสร็จ กู้ไป๋อีกล่าวว่า “เรื่องที่ข้าปิดบังคุณหนูใหญ่ คุณหนูใหญ่โกรธหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “คนทุกคนล้วนแต่มีความลับที่ไม่อยากเปิดเผยให้คนนอกรู้อยู่แล้ว เจ้าจะพูดหรือไม่นั้นมันไม่สำคัญ สำคัญแค่ว่าตอนนี้เจ้าไม่ทำร้ายข้า อยู่ข้างกายข้าตามที่ได้ตกลงกันไว้ก็เพียงพอแล้ว”
นางเงยหน้าขึ้นมองกู้ไป๋อี และกล่าวว่า “เจ้าว่า ข้าพูดถูกหรือไม่?”
“อืม!” กู้ไป๋อีพยักหน้า
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
การต่อสู้ที่เกิดขึ้นอีกทางด้านหนึ่งของหุบเขาตระกูลเย่ได้ทวีความรุนแรงมากขึ้นแล้ว
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวอย่างขี้เล่นว่า “พวกเราเก็บกวาดเอาของล้ำค่าของตระกูลเย่ได้หมดแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าทางด้านของหม้อเทพไท่อียังจัดการกันไม่เสร็จ พวกเราออกไปกันเถอะ!”
อยากจะออกไปจากหุบเขาตระกูลเย่ สถานที่ที่หม้อเทพไท่อีอยู่นั้นเป็นเส้นทางที่ต้องผ่าน
ดังนั้นพวกเขาจึงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ที่แสนวุ่นวายนั้นได้เลย ยอดฝีมือของกองกำลังแต่ละกองกำลังกำลังต่อสู้แย่งชิงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย จนสุดท้ายไม่แม้แต่จะแตะต้องหม้อเทพไท่อีได้
หม้อเทพไท่อีลอยไปลอยมาระหว่างคนเหล่านั้นกลางอากาศ ดูเหมือนกำลังเล่นสนุกอยู่ก็มิปาน
มู่เฉียนซีไม่อยากจะสนใจเจ้าหมอนี่เลยสักนิด มันอยากจะทำอันใดก็ปล่อยให้มันทำไปตามสบาย
กู้ไป๋อีกล่าวถามว่า “คุณหนูใหญ่ ต้องการหม้อเทพไท่อีนั้นหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้พลังของเจ้าจะฟื้นฟูกลับมาถึงขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่งแล้ว แต่ฤทธิ์ของยาที่ข้ากินเข้าไปมันหมดฤทธิ์ลงแล้ว พลังข้าก็ฟื้นฟูกลับมาเท่าเดิมแล้ว คิดจะต่อสู้กับคนมากมายเช่นนี้เพื่อเอาหม้อเทพไท่อีมา มันจะวุ่นวายเอาซะเปล่า ๆ ช่างมันเถอะ!”
อีกอย่างหนึ่งก็คือ หม้อเทพไท่อีนี้เป็นพวกที่หลงตัวเองเอาซะจริง ๆ เลย วุ่นวายยิ่งนัก
หากมันปกติเหมือนดั่งชิงมู่ นางก็คงจะพิจารณาที่จะสู้สักตั้งเพื่อที่จะแย่งชิงมันมา
กู้ไป๋อีกล่าว “หากคุณหนูใหญ่ต้องการ ข้าสามารถฟื้นฟูพลังกับมาดังเดิมเป็นการชั่วคราวได้ พวกมันไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าแน่นอน”
ถูกต้อง ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีการเคลื่อนไหวของยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงมากมาย แต่หากกู้ไป๋อีที่มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้าพรวดเข้าไป ก็เปรียบเสมือนช้างที่พุ่งเข้าไปในกลุ่มมดปลวกและแสดงพลังอย่างไม่ต้องเจรจาแต่อย่างใด
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ได้ทำร้ายเจ้าใช่หรือไม่?”
“ก็แค่ระยะเวลาในการฟื้นฟูพลังกลับมาโดยสมบูรณ์จะยืดยาวกว่าเดิม เส้นปราณได้รับความเสียหาย แต่มีเม็ดยาวิญญาณของคุณหนูใหญ่อยู่ ไม่นานก็หาย” กู้ไป๋อีกล่าวรับรองในประสิทธิภาพยาของนางอย่างตรงไปตรงมา
ต่อให้เขาไม่รับประกัน แต่นางก็ดูออกว่าเขาไม่เคยสงสัยในฝีมือการรักษาของนางเลย
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ได้!”
สำหรับหม้อเทพไท่อีผู้โอ้อวดผู้นั้น เห็นได้ชัดว่ามู่เฉียนซีให้ความสำคัญกับกู้ไป๋อีมากกว่า
เพื่อให้ได้เจ้าผู้ชอบโอ้อวดผู้นั้นมา จะต้องทำให้ร่างกายของเขาได้รับความเสียกายเช่นนี้ ไม่คุ้มค่า
“ข้าอยากจะทำอะไรให้กับคุณหนูใหญ่บ้าง”
อีกอย่าง เขาก็มีความเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง หากพลังของเขาฟื้นฟูกลับมาช้าลง เช่นนั้นเขาก็จะได้มีเวลาอยู่ข้างกายนางนานขึ้น
ในตอนนี้พลังของเขาฟื้นฟูกลับมาถึงขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่งแล้ว และเขาก็คิดว่าการที่จะฟื้นฟูกลับมาถึงระดับเก้านั้น คงใช้เวลาอีกไม่นานแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้ารู้หรือไม่ว่าปกติแล้วหม้อยาที่ข้าใช้ปรุงยานั้นมันคือหม้อยาใด?”
กู้ไปอีส่ายหน้า ตลอดชีวิตของเขาที่ผ่านมาใจจดใจจ่ออยู่กับการฝึกทักษะกระบี่ ไม่เคยศึกษาเกี่ยวกับหม้อยาใดใดมาก่อนเลย
“มันคือหนึ่งในวัตถุเลียนแบบของหม้อเทพนิรันดร์ หม้อเทพปาฮวางชิงมู่ มันดีกว่าหม้อเทพไท่อีที่ไม่ได้เรื่องหม้อนี้มาก ฉะนั้นข้าก็เลยไม่ต้องการมัน พวกเราไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิตไปหาเรื่องใส่ตัว เจ้าเข้าใจหรือไม่?”
เปิดเผยชิงมู่นั้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ นางค่อนข้างเชื่อใจกู้ไป๋อี
กู้ไป๋อีกล่าว่า “เช่นนั้นก็เอาตามที่คุณหนูใหญ่ว่าก็แล้วกัน”
พวกเขาต้องการจะจากไป ทว่า จะจากไปได้ง่าย ๆ เช่นนั้นจริง ๆ เหรอ
และในขณะที่พวกเขาจะข้ามออกไปจากหุบเขานั้น หม้อเทพไท่อีที่หยอกล้อกับคนเหล่านั้นอย่างสนุกสนานก็กล่าวออกมาด้วยความตื่นเต้นว่า “มู่มู่ เจ้าอย่าทิ้งข้า!”
“ฮือ ฮือ ฮือ! มู่มู่ เจ้าจะทอดทิ้งข้าโดยไม่สนใจใยดีข้าเช่นนี้เหรอ?”
ครั้นแล้ว หม้อยาสีขาวหยกใบนั้นก็พุ่งมาที่มู่เฉียนซีด้วยความบ้าคลั่ง
หากเขาสามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ได้ มันคงเป็นมนุษย์หมาป่าที่ร้องไห้ขี้มูกโป่งวิ่งเข้ามาแล้ว
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง “ชิงมู่ นี่มันเกิดอันใดขึ้น?”
“คงจะเป็นเพราะว่าข้าไม่ได้เก็บซ่อนกลิ่นอายของตัวเอง ก็เลยถูกมันค้นพบเข้าแล้ว มันเป็นคนที่ชอบตัวติดผู้อื่น ฉะนั้น…”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็แทบจะกระอักเลือด “เจ้าบ้านี่ไม่ดูกาลเทศะเอาเสียเลย! จะพุ่งเข้ามาอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้เลยเหรอ?”
ชิงมู่กล่าว “เพราะมันเป็นวัตถุเลียนแบบชิ้นแรกของฝ่าบาท เกิดเรื่องอันใดขึ้นก็มักจะโง่เขลานิดหน่อย ฉะนั้น…”
มู่เฉียนแค่อยากจะบอกว่า พระเจ้า! ช่วยเอาเจ้าปีศาจร้ายที่นิรันดร์ทำออกมาไปหน่อยเถอะ!
ในตอนนี้เอง หม้อเทพไท่อีก็ใกล้เข้ามาแล้ว
และเจ้าหมอนี่ที่จะจู่โจมมาจากด้านหลังอย่างไม่เกรงกลัวก็ได้ถูกกู้ไป๋อีขวางเอาไว้
กู้ไป๋อีกล่าว “มันจู่โจมเข้ามาแล้ว ทำเช่นไรดี?”
มู่เฉียนซีกล่าว “จะทำเช่นไรได้ล่ะ หนีก่อน เร็วเข้า!”
นางรู้สึกไม่มั่นใจเลยว่าจะสลัดหนีไปจากหม้อเทพไท่อีนี้ได้ ดังนั้นจึงทำได้เพียงแค่นำพาของสิ่งนี้แล้ววิ่งหนีไปก่อน
“อืม!”
พวกเขาทั้งสามรีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด ส่วนคนอื่น ๆ เหล่านั้นก็แทบจะบ้าคลั่งแล้ว
“ตามไป! อย่าให้พวกมันหนีไปได้เด็ดขาด”
“หม้อเทพไท่อีเป็นของสำนักพวกข้า”
“เอาหม้อเทพไท่อีออกมาเดี๋ยวนี้!”
คนเหล่านั้นวิ่งไล่ตามหลังพลางตะโกน ส่วนเซียวโม่ที่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ ในตอนนี้ก็ตกตะลึงขึ้นแล้ว
“รอข้าด้วย ๆ!”
พวกเขาช่างโชคดีจริง ๆ แต่เดินผ่านทาง หม้อเทพไท่อีก็ตามไปหาถึงที่
ทว่า การที่ถูกกองกำลังใหญ่ ๆ แต่ละกองกำลังตามไล่ล่าเช่นนี้ มันดูน่าอนาถไปหน่อย
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
มู่เฉียนซีและพวกใช้ความเร็วที่เร็วสุดมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาหนานอวิ๋น แต่ก็ไม่สามารถหลีกเลี่ยงยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงที่มีความเร็วที่ตามมาทันได้
พวกเขาพุ่งเข้ามาห้อมล้อมทั่วทั้งแปดทิศ มู่เฉียนซีกำหม้อเทพไท่อีไว้แน่นและกล่าวว่า “หากพวกเจ้าอยากได้หม้อเทพไท่อีข้าก็จะให้ แต่พวกเจ้าหยุดไล่ตามข้าได้แล้ว”
“ฮือ ฮือ ฮือ! นายท่าน อย่าทำแบบนี้เลยนะ!” ไท่อีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่น่าสงสารมาก
“นี่เจ้ายังมีหน้ามาร้องห่มร้องไห้อีกเหรอ!” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ ทำให้นางต้องมาตกอยู่ในอันตรายแล้วยังไม่รู้ตัวอีก
ดังนั้นนางจึงโยนหม้อเทพไท่อีออกไปอย่างไร้ซึ่งความปรานี
ขวับ! เมื่อมู่เฉียนซีโยนหม้อเทพไท่อีขึ้นกลางอากาศ ร่างหลายร่างก็กระโจนขึ้นกลางอากาศและได้แย่งชิงมันอย่างเอาเป็นเอาตาย มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์ว่า “พวกเรารีบไปกันเถอะ เร็วเข้า!” .