มู่เฉียนซีมองไปทางเจ้าหมอนั่นแล้วกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าก่อให้เกิดความวุ่นวายใหญ่โตเช่นนี้ยังจะมีหน้ามาร้องอีก!”
“ฮือ ฮือ ฮือ!” ไท่อียิ่งร้องหนักเข้าไปกว่าเดิม
ชิงมู่เริ่มที่จะไม่สามารถทนดูต่อไปได้อีกแล้ว เขากล่าวกับไท่อีกว่า “เกรงว่านายท่านคงจะไม่ต้องการเจ้าแล้ว อันที่จริงเจ้าสามารถเลือกผู้ที่อยู่ข้างกายของนายท่านเป็นผู้ทำพันธสัญญาได้ และช่วยแบ่งเบาภาระของนายท่านสร้างคุณเพื่อไถ่โทษ”
“ได้จริง ๆ หรือ?” เสียงของไท่อีสะอึกสะอื้นเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “ถ้าหากว่าเจ้าไม่อยากจริง ๆ ละก็ ไสหัวไป! เจ้ามีเพียงหนทางนี้ทางเดียวที่สามารถจะเดินไปได้เท่านั้นแล้ว”
“ข้าไม่อยากที่จะจากกับมู่มู่ไป และก็ไม่อยากจากนายท่านไปด้วย ข้าตอบตกลง!”
หม้อสีขาวหยกใบนี้ได้ลอยอยู่กลางอากาศ มันได้สังเกตถึงจิ่วเยี่ยผู้ที่อยู่ใกล้ชิดมู่เฉียนซีเป็นคนแรก
แต่พอมันรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันชั่วร้ายและหนาวเหน็บของจิ่วเยี่ย มันก็ลอยจากไปอย่างเป็นกังวล
จากนั้นก็เป็นกู้ไป๋อีผู้ที่เย็นยะเยือก ใครใช้ให้มันชอบผู้ที่มีรูปลักษณ์งดงามเหมือนดั่งนายท่านเล่า!
แต่น่าเสียดายที่คนผู้นี้มิใช่นักปรุงยา!
ส่วนเซียวโม่นั้นก็มิใช่ และท้ายที่สุดหม้อเทพไท่อีก็ได้เลือกเย่เฉินเป็นตัวเลือกสุดท้าย
เย่เฉินไม่รู้ว่าหม้อเทพไท่อีลอยมาตรงหน้าและพิจารณาเขาเพื่ออะไร
หม้อเทพใบนี้ทำพิษให้เขาต้องถูกยอดฝีมือจากทั่วทั้งแดนมาตามฆ่า เขาจึงรู้สึกว่ามันนั้นไม่ค่อยน่าเชื่อถือสักเท่าไร
เมื่อรู้ว่าหม้อหลอมเทพไท่อีที่ตระกูลเย่ยกย่องว่าเป็นวัตถุศักดิ์สิทธิ์นั้นกลับทำเรื่องเช่นนี้ เขารู้สึกเหมือนกับว่าความเชื่อของตนเองนั้นได้พังทลายลงไปบ้างแล้ว
“เจ้ายินยอมที่จะเป็นผู้ทำพันธสัญญากับข้าหรือไม่? ข้าสามารถถ่ายทอดวิชาการปรุงยาให้แก่เจ้าได้อย่างมากมาย! ทำให้เจ้าได้กลายเป็นนักปรุงยาที่เก่งกาจ” หม้อเทพไท่อีกล่าวอย่างหลอกล่อ
เย่เฉินมองไปทางมู่เฉียนซี ทั้งหมดนั้นขึ้นอยู่กับนายท่านตัดสินใจ
มู่เฉียนซีกล่าว “หากเจ้าไม่รังเกียจเจ้าหมอนี่ก็จงทำพันธสัญญาเสียเถอะ! จะดีร้ายอย่างไรก็เป็นมหาวัตุศักดิ์สิทธิ์เทพ มันจะมีประโยชน์ต่อการเพิ่มทักษะการปรุงยาของเจ้า”
อย่างเช่นชีซิงเองก็ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนัก แต่ทว่าในช่วงเวลาสำคัญมันก็ยังมีประโยชน์อยู่บ้างเล็กน้อย!
เย่เฉินพยักหน้า “ขอรับ!”
เย่เฉินกรีดที่ปลายนิ้วโป้งของตน หม้อเทพไท่อีสัมผัสได้ถึงสายเลือดของเขา มันจึงกล่าวขึ้น “ที่แท้ก็มีสายเลือดของสามตระกูลนักปรุงยาโบราณนี่เอง พวกเจ้าได้รับใช้ข้ามาเป็นเวลาเนิ่นนานเช่นนั้น การทำพันธสัญญากับเจ้าก็เป็นสิ่งที่เหมาะสม”
“แต่ข้าจะขอเตือนเจ้าเอาไว้ว่า! เจ้าจะหักหลังท่านมู่เป็นมิได้ มิเช่นนั้นแล้วข้าจะให้เจ้าได้ตายอย่างไม่น่าชม”
การถอนพันธสัญญาจากมหาวัตุศักดิ์สิทธิ์เทพอาจจะทำให้ผู้เฒ่าแห่งหุบเขาหมอเทวดาเผชิญกับจุดจบ
เย่เฉินกล่าวอย่างหนักแน่น “ข้านั้นไม่หักหลังนายท่านอย่างแน่นอน”
เซียวโม่ขยิบตาสองสามคราแล้วกล่าวขึ้น “ด้วยเช่นนี้ก็ได้มาซึ่งหม้อเทพไท่อีแล้ว?”
เย่เฉินกล่าวตอบ “มิเช่นนั้นแล้วเจ้าว่าจะต้องทำอย่างไรถึงจะได้มาเล่า?”
เซียวโม่กล่าว “พี่เย่ ให้ข้าได้ดูหม้อเทพไท่อีหน่อยได้หรือไม่เล่า!”
ทันทีที่สิ้นเสียงเซียวโม่ก็พลันมีเสียงร้องแหลมลอยมา “อย่านะ!”
“นายท่าน อย่าให้คนเช่นนี้มาไร้มารยาทกับข้า! เขาช่างแย่นัก!”
เมื่อได้ยินเสียงนี้เข้า ทุกคนก็ล้วนแต่รู้สึกถึงความวุ่นวายขึ้นมาทันที
เซียวโม่กล่าว “เจ้าเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพจริง ๆ เหรอ? ข้าอ่านหนังสือมาน้อย จงอย่าได้หลอกข้า”
หลังจากได้เห็นความบ้องแบ๊วของหม้อเทพไท่อีแล้ว เซียวโม่ก็มองดูอยู่ถึงสามหนแล้วก็เกิดความมึนงง
มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพในตำนานที่ว่ากันว่าเก่งกาจนัก ดูเหมือนว่ามันจะไม่ค่อยเหมือนกับในจินตนาการของเขาสักเท่าไร
ด้วยการเพิ่มความเร็วเพื่อรีบเดินทางของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภา มู่เฉียนซีก็ได้มาถึงน่านฟ้าฝั่งตะวันตกของทุ่งรกร้าง
ทันใดนั้นก็มีสายลมพัดผ่านมาช่วงหนึ่ง กลิ่นอายของอากาศที่มันพามาด้วยนั้นทำให้มู่เฉียนซีมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีเป็นอย่างมากชนิดหนึ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “มีกลิ่นคาวเลือดที่เข้มข้นนัก”
เซียวโม่กล่าว “ที่แห่งนี้คือทุ่งรกร้าง มีกลิ่นคาวเลือดอย่างเข้มข้นสิถึงจะปกติ”
“แต่มันยังมีกลิ่นอายของพิษอย่างเข้มข้นด้วย”
เย่เฉินกล่าว “สำนักขวางโซ่วถือโอกาสลงมือตอนที่พวกเราไม่อยู่!”
ความเป็นไปได้นี้มีโอกาสสูงเป็นอย่างมาก มู่เฉียนซีได้โยนขวดยาให้เย่เฉินไปหลายขวด “เจ้าให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาเพิ่มความเร็วเร็วเข้า ข้า…”
มู่เฉียนซีได้ดึงตัวจิ่วเยี่ยเอาไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วกล่าวขึ้น “ด้านหน้านั้นมีเรื่องเร่งด่วนเป็นอย่างมาก พาข้าไปที่นั่นก่อน”
จิ่วเยี่ยกอดตัวมู่เฉียนซีเอาไว้ จากนั้นก็ได้หายไปจากบนตัวของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาในพริบตา
เซียวโม่กล่าวอย่างตะลึงงัน “โบกมือกวาดผ่านไปในมิติ พลัง…พลังความสามารถของเขามันแข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่”
ยาเหล่านั้นเย่เฉินเองก็ได้ป้อนแก่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาเหมือนดั่งเงินทองนั้นไม่จำเป็น เร็วเข้า! เร็วเข้า! จะต้องเร็วเข้าอีก เขาเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับท่านปู่ของเขา
ตูม!
พลังอันน่ากลัวนั้นของสำนักขวางโซ่วได้ระเบิดออกมา เมืองซีเจว๋ได้เสียเมืองไปอย่างสมบูรณ์แล้ว
เจ้าเมืองซีเจว๋ได้รับบาดเจ็บสาหัสเสียจนเหลือชีวิตอีกแค่เพียงครึ่งหนึ่ง ส่วนคนอื่น ๆ นั้นก็ดีกว่ากันไปได้ไม่เท่าไร
ตงกัวกล่าว “ไม่อาจจะต้านทานการโจมตีได้! ไม่อาจที่จะต้านทานได้เลย!”
แววตาของผู้เฒ่าเย่และเจ้าเมืองซีเจว๋หม่นหมองลง นี่จะต้านทานเอาไว้จนพวกเขากลับมาไม่ได้เลยหรือ?
นี่เป็นความยากลำบากของนายน้อยถึงต่อให้เขาต้องตายก็จะต้องยืนหยัดให้ถึงที่สุด ผู้เฒ่าเย่ได้ตัดสินใจลงมือต่อตงกัว
ตงกัวกล่าวอย่างเย็นชา “เจ้าเฒ่าที่ใกล้เข้าฝังดินนี่ยังกล้าที่จะลงมือกับข้าอีก รนหาที่ตาย!”
ทันทีที่เขายกมือขึ้น พลังวิญญาณอันมืดฟ้ามัวดินก็ได้พุ่งไปทางผู้เฒ่าเย่
ฟึ่บ! ในตอนนี้เอง ลำแสงสีเงินลำแสงหนึ่งได้สาดออกมา
ตงกัวจึงรีบดึงมือของตนเองกลับมาแล้วหลบไป และต่อจากนั้นก็ได้มีเข็มยาถาโถมเข้ามาดั่งสายฝน
ตงกัวหลบหลีกอย่างลนลาน ในที่สุดผู้เฒ่าเย่ก็นับได้ว่าปลอดภัยแล้ว
“ดูเหมือนว่าครั้งก่อนนี้เจ้าจะยังโดนทารุณไม่พอ ยังกล้าที่จะมาทำตัวบังอาจทางตะวันตกของทุ่งรกร้างอีก ช่างรนหาที่ตายนัก!”
“เป็นเจ้านั่นเอง!” ตงกัวมองไปยังหญิงสาวที่ปรากฏตัวขึ้นมาจากกลางอากาศ นัยน์ตานั้นได้ระเบิดความเย็นยะเยือกออกมา
เสียงที่ทรงเสน่ห์เสียงหนึ่งได้ดังลอยมา “น้องสาว ในที่สุดเจ้าก็มาแล้ว เจ้าให้ข้ารอเสียนานเชียว!”
เงาสีดำพุ่งผ่านมา หญิงสาวในชุดสีดำปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของนาง
ใบหน้านี้มู่เฉียนซีรู้สึกแปลกตายิ่งนัก อีกทั้งยังมีรูปร่างที่เรียวบางนั้น
มู่เฉียนซีชำเลืองมองไปทางนางแล้วกล่าว “เจ้ารอดมาได้แล้ว? แต่ว่าทำร่างกายเช่นนี้ขึ้นมามันก็ขาดรสนิยมไปหน่อย”
เมื่อคนเหล่านั้นในเมืองมองเห็นเงาร่างที่คุ้นเคยก็ได้ตื่นเต้นขึ้นมาเป็นอย่างมาก “ท่านมู่มาแล้ว”
“ในที่สุดท่านมู่ก็มาแล้ว!”
“……”
พวกเขาดีใจจนแทบคลั่ง แต่ทว่าตงกัวกลับหัวเราะขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง
“วะฮะฮะ! นางมาแล้วอย่างไรเล่า? พวกเจ้าคิดว่านางเพียงผู้เดียวจะสามารถเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้หรือ? ช่างเพ้อฝันเสียจริง”
พวกเขาเองก็เพิ่งพบว่ามีแค่เพียงมู่เฉียนซีผู้เดียวเท่านั้นที่มาถึง แต่คนอื่น ๆ นั้นยังไม่มา
มันไม่ง่ายเลยที่คนผู้หนึ่งจะพลิกสถานการณ์ได้!
มู่เฉียนซีกล่าว “ใครบอกว่าข้าเพียงผู้เดียวจะทำไม่ได้!”
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ ออกมา!”
ก่อนหน้านี้ไม่นานที่เทือกเขาหนานอวิ๋นก็ได้ถูกยอดฝีมือของกองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสองขึ้นไปตามฆ่ามาแล้ว และยังจะมากลัวพวกผู้แพ้เหล่านี้อีกหรือ อีกทั้งที่แห่งนี้ยังเป็นถิ่นฐานของตนเองอีก
หญิงสาวอสรพิษกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้ายโสเกินไปแล้ว ช่างรนหาที่ตาย!”
กระบี่มังกรเพลิงได้กวัดแกว่งออกมา มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “ข้าว่าผู้ที่รนหาที่ตายนั้นคือพวกเจ้า!”
คนของเมืองเซี่ยเย่ร้องกล่าวออกมา “สู้! พวกเราเองก็จะร่วมสู้ให้ถึงที่สุดกับท่านมู่!”
ถึงแม้ว่าตงกัวกับหญิงสาวอสรพิษจะไม่ถูกกัน แต่มาตอนนี้ก็ได้มายืนอยู่ในแนวหน้าเดียวกันเพื่อรับมือกับมู่เฉียนซี
ความแข็งแกร่งของพวกเขานั้นถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่ห้า ทันทีที่จะประมือกับมู่เฉียนซีพวกเขาก็ได้กลายสภาพเป็นสัตว์ไป
และเตรียมเพื่อที่จะฆ่าฟันมู่เฉียนซีอย่างสุดกำลัง!
ตูม! เงาร่างสามเงาพุ่งผ่านไปบนอากาศ ไม่นานนักก็ได้ระเบิดคลื่นพลังที่น่าหวั่นพรึงออกมา
หญิงสาวอสรพิษยิ้มอย่างเยือกเย็นและโหดร้ายพร้อมกล่าว “มู่เฉียนซี ในครั้งนี้หากมิฆ่าเจ้า ข้าขอสาบานว่าจะไม่เป็นคน!”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นย้อนถาม “ทำไมเจ้าถึงได้มั่นใจว่าตนเองเป็นคนเล่า! มิใช่ว่าได้กลายเป็นสัตว์เดรัจฉานไปตั้งแต่แรกแล้วหรือ?”
.