ปัง!
ในแง่ของการฝึกบำเพ็ญ เย่เฉินไม่อาจเทียบกับเจ้าเมืองอันได้
ในแง่ของประสบการณ์ในการต่อสู้ เย่เฉินก็เทียบไม่ได้เช่นกัน!
แต่ตอนนี้เขากัดฟันต่อสู้อย่างสุดชีวิตแล้ว เขาไม่มีทางพ่ายแพ้แน่นอน!
เมืองแห่งความโกลาหลร่วมมือกับสำนักขวางโซ่ว อีกทั้งยังมียอดฝีมือที่โผล่มาอย่างลึกลับ การต่อสู้ในครั้งนี้จึงเป็นการต่อสู้ที่อันตรายเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้ เจ้าสำนักขวางโซ่วก็เข้ามาร่วมต่อสู้ในวงล้อมแล้ว แต่มีเรื่องหนึ่งที่เขารู้สึกแปลกใจมาก
สาวน้อยบัดซบผู้นั้นล่ะ?
การต่อสู้ที่สำคัญมากเช่นนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าสาวน้อยผู้นั้นจะไม่อยู่ เขาตั้งใจจะแก้แค้นนาง!
คนของเมืองเย่เซี่ยในตอนนี้รับมือไม่ไหวแล้ว
กู้ไป๋อีก็ไม่สามารถช่วยเย่เฉินได้ เย่เฉินถูกเจ้าเมืองอันโจมตีอย่างต่อเนื่องจนได้รับบาดเจ็บสาหัส สีหน้าเขาในตอนนี้ดูแย่มาก
“หาสาวน้อยผู้นั้นไม่เจอ เช่นนั้นก็จัดการกับเจ้าหนุ่มนี่ก่อนก็แล้วกัน” เจ้าสำนักขวางโซ่วจ้องมองไปที่เย่เฉินอย่างโหดเหี้ยม
ทันใดนั้นเอง ฝ่ามือหนึ่งก็ตบไปที่เย่เฉิน
เจ้าเมืองอันโกรธเกรี้ยวมาก “เจ้าเด็กผู้นี้เป็นเหยื่อของข้า ใครใช้ให้เจ้าลงมือ!”
กล่าวจบ เขาก็รีบเข้าไปขวางการโจมตีของเจ้าสำนักขวางโซ่วทันที
“ข้าจะจัดการกับมัน เจ้าอย่ามายุ่ง!” เจ้าสำนักขวางโซ่วกล่าวอย่างโกรธเกรี้ยว
แม้แต่เจ้าเมืองอันก็ยังไม่สามารถขวางกั้นการโจมตีเหล่านั้นเอาไว้ได้ และในตอนนี้เองน้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้น
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
กำแพงน้ำแข็งอันหนาทึบได้ปรากฏขวางหน้าเย่เฉินเอาไว้
ฉ่า! ถึงแม้ว่ากำแพงน้ำแข็งนี้จะพังทลายลง แต่ก็สามารถช่วยชีวิตเย่เฉินเอาไว้ได้
ร่างชุดม่วงได้จรดตัวลงสู่พื้นดิน มู่เฉียนซีมองไปที่เจ้าสำนักขวางโซ่ว และกล่าวว่า “ตาเฒ่า ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังหาตัวข้าอยู่”
เจ้าสำนักขวางโซ่วกล่าว “สาวน้อย ในที่สุดเจ้าก็โผล่หัวออกมาแล้ว ข้าหาเจ้าตั้งนาน!”
มู่เฉียนซีปรากฏตัวออกมาแล้ว และแน่นอนว่าเจ้าสำนักขวางโซ่วก็ได้เพ่งเล็งความสนใจทั้งหมดไปที่นาง
“คราก่อนข้าปล่อยให้เจ้าหนีไปได้ ครานี้ เจ้าจบชีวิตไว้ที่นี่ซะเถอะ!”
กระบี่มังกรเพลิงกวัดแกว่งตัดผ่านอากาศ มู่เฉียนซีตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “มังกรเพลิงสังหาร!”
“ท่านผู้นั้นไม่ได้สนใจจะอยู่ปกป้องเจ้าแล้ว เจ้ากับพวกของเจ้าล้วนแต่ต้องตายกันที่นี่แล้วล่ะ!”
เผชิญหน้ากับมังกรเพลิงอันแดงฉานเช่นนี้ เจ้าสำนักขวางโซ่วก็รีบหลบหลีกการโจมตี พลางกล่าวออกมาด้วยความเด็ดเดี่ยว
เห็นได้ชัดว่าทางฝ่ายของพวกเขาได้เปรียบ กำลังคนก็มากกว่า พลังก็แข็งแกร่งกว่า คนเหล่านี้ย่อมต้องพ่ายแพ้ นั่นเป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว
อ๊า!
ทว่า ทันใดนั้นเองดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงร้องครวญครางของเจ้าสำนักขวางโซ่วเข้าแล้ว
ในสนามรบแห่งนี้ มีร่างแปลกหน้าแปลกตาอยู่หลายร่าง
คนเหล่านี้มีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก และมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหก มีทักษะวิญญาณและทักษะกระบี่ที่แข็งแกร่งมากยังไม่พอ แต่ยังมีอาวุธวิญญาณที่มีพลังในการทำลายล้างสูงอีกด้วย
ทันทีที่พวกเขาได้ปรากฏตัวขึ้น ศัตรูก็ได้ล้มตายและได้รับบาดเจ็บไปจำนวนมาก
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ผู้ช่วยของข้ามาแล้ว เจ้าคิดว่าเจ้ามีโอกาสชนะแค่ไหนกันเชียว!”
ผู้ที่มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิระดับหกเกือบสามสิบคน! นี่นาง…นางเอาผู้ช่วยมากมายเช่นนี้มาจากที่ใดกัน!
เมื่อเย่เฉินเห็นคนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกทันที มีคนเหล่านี้อยู่ สถานการณ์การต่อสู้ก็พลิกผันขึ้นแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “เย่เฉิน ตาเฒ่าผู้นั้นเจ้ารับมือเองก็แล้วกัน ต่อให้เจ้าจะถูกฆ่าตาย ข้าก็จะไม่สนใจเจ้า ทุกอย่างต้องพึ่งพาตัวเจ้าเอง”
เย่เฉินกำหมัดแน่น “นายท่าน นายท่านช่วยข้ามามากพอแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ข้าก็ต้องทำให้ได้”
ดวงตาของเย่เฉินพลันเปลี่ยนไปทันที กระบวนท่าการโจมตีของเขาก็โหดเหี้ยมมากยิ่งขึ้น เขาเทหมดหน้าตักเพื่อที่จะโจมตีเจ้าเมืองอัน
“บัดซบยิ่งนัก!”
เจ้าสำนักขวางโซ่วรู้สึกท่าไม่ดีเข้าแล้ว ใบหน้าของเขาพลันแดงก่ำขึ้น เขารวบรมพลังทั้งหมดเพื่อที่จะฆ่ามู่เฉียนซี
คนลึกลับเหล่านี้กับสาวน้อยผู้นี้มีความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา หากฆ่าสาวน้อยผู้นี้ก็จะทำให้พวกเขาสูญเสียขวัญและกำลังใจได้ แต่หากจับเป็น บางที…
ร่างชุดม่วงกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ แยกร่างออกเป็นหลายร่างนับไม่ถ้วน และหลบหลีกการโจมตีของเจ้าสำนักขวางโซ่วอย่างน่าหวาดเสียว
“เจ้าได้เปรียบก็แค่ความรวดเร็วเท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้ว่าพลังของเจ้าจะแข็งแกร่งกว่าข้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะฆ่าเจ้าไม่ได้นะ!”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง!”
รับมือกับมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกผู้หนึ่ง ด้วยพลังของนางในตอนนี้นั้นยังไม่เพียงพอที่จะรับมือได้ แต่อู๋ตี้กับเสี่ยวหงนั้นก็ใช่ว่าจะธรรมดาซะที่ไหน!
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่!”
หากเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้า เขายังจะพอกลัวอยู่บ้าง ทว่า นี่เป็นแค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่…
ตูม ปัง ปัง!
เมื่ออู๋ตี้กับเสี่ยวหงลงมือ เขาก็ได้รู้ว่าสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่สองตัวนี้แตกต่างไปจากสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสี่ทั่วไปมาก
ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวเข้าไปใกล้เจ้าสำนักขวางโซ่วอย่างรวดเร็ว
มือข้างหนึ่งง้างขึ้น พลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งไปทางเจ้าสำนักขวางโซ่ว
“ทักษะโยวหลัว!”
รูม่านตาของเจ้าสำนักขวางโซ่วหดลง เขาระเบิดพลังวิญญาณทั้งหมดออกมาทำให้ตนเองแปลงร่างเป็นสัตว์
ขนสีเทาได้ปกคลุมทั่วทั้งร่างกายเขา และต้านทานการโจมตีของมู่เฉียนซีไว้
“น่ารังเกียจ!” เขาอยากจะพรวดออกไปตัดคอที่เรียวยาวนั้นของมู่เฉียนซี
ทว่า สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งอย่างแปลกประหลาดสองตัวนี้กลับเข้ามาพัวพันกับเขาอย่างไม่ยอมเลิกราเพื่อที่จะหาโอกาสให้กับเจ้านายของพวกมัน
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาของมู่เฉียนซีพุ่งออกไป แต่การป้องกันของขนที่ปกคลุมอยู่บนร่างเขานั้นทำให้นางโจมตีเข้าไปไม่ได้
แล้วหากว่าเป็นดวงตาล่ะ!
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งข้อมือโจมตีด้วยเข็มยาพุ่งไปที่ดวงตาของเขาโดยเฉพาะ และสิ่งนี้ทำให้เจ้าสำนักขวางโซ่วโกรธเกรี้ยวขึ้นอย่างที่สุด
“ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก ไร้ความแข็งแกร่งก็รู้จักแต่จะลอบโจมตี!”
เขารีบหลบหลีกเข็มยาของมู่เฉียนซี และทันใดนั้นเอง กรงเล็บอันแหลมคมของแมวตัวหนึ่งก็ข่วนเขาเข้า
พรวด! ต่อให้เขามีขนของสัตว์เป็นเกราะป้องกันอยู่ แต่ก็ถูกข่วนจนเกิดรอยเลือดขึ้นหลายรอยและร่างก็กระเด็นลอยออกไป
หากไม่ลงมือในตอนนี้แล้วจะลงมือตอนไหนเล่า!
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี กระบี่มังกรเพลิงเคลื่อนไหวขึ้น
“บัวแดงพิฆาต!”
บัวอัคคีอันแดงฉานโจมตีเจ้าสำนักขวางโซ่วอย่างรุนแรง
ตูม!
พรึ่บ!
นึกไม่ถึงเลยว่าขนสัตว์ที่เป็นเกราะป้องกันอย่างดีที่สุดที่เขาภาคภูมิใจในตอนนี้นั้นได้ถูกเปลวไฟเผาไหม้ขึ้นแล้ว
พรวด พรวด พรวด!
“บัดซบ!”
“ช่วยด้วย!”
เขาหลบหลีกการโจมตีของเสี่ยวหงกับอู๋ตี้ พลางปัดเปลวไฟที่กำลังแผดเผาร่างของตนเองไปด้วย ทว่า เปลวไฟของกระบี่มังกรเพลิงนั้นไม่ง่ายเลยที่จะดับมันได้
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิงพลางกล่าวว่า “เจ้าสำนักขวางโซ่ว ต้องการให้ข้าช่วยหรือไม่?”
กล่าวจบ มู่เฉียนซีก็เติมเชื้อเพลิงไปอีกครั้ง!
“มังกรเพลิงสังหาร!”
มังกรเพลิงสีแดงฉานตัวหนึ่งพุ่งเข้าไปชนเจ้าสำนักขวางโซ่วอย่างจังจนร่างกระเด็นออกไป และเปลวไฟบนร่างของเขาก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้น
พรวด!
ในตอนนี้เจ้าสำนักขวางโซ่วถูกแผดเผาจนต้องกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
ทว่า เขายังไม่สิ้นหวัง นายท่านไม่มีทางปล่อยให้เขาตายไปเช่นนี้แน่นอน ไม่…
ร่างชุดม่วงพุ่งตัวออกไป พลังธาตุวารีได้ก่อตัวเป็นระลอกคลื่นรอบ ๆ ตัวนาง
นางเตรียมจะโจมตีด้วยทักษะโยวหลัวเพื่อทำให้เจ้าสำนักขวางโซ่วผู้นี้หายสาบสูญไปจากโลกใบนี้อย่างสมบูรณ์
ทว่า ในขณะที่นางกำลังจะลงมือ ทันใดนั้นก็มีกลิ่นอายอันเย็นยะเยือกกลิ่นอายหนึ่งโจมตีเข้ามา และเปลวไฟบนร่างของเจ้าสำนักขวางโซ่วก็ได้ดับสลายหายไป
เสียงตัดผ่านอากาศโจมตีมาจากทางด้านหลังของมู่เฉียนซี สีหน้าของมู่เฉียนซีพลันเปลี่ยนไป และนางรีบหลบในทันที
ฝ่ายตรงข้ามลงมือได้อย่างรวดเร็วยิ่งนัก ต่อให้ใช้ย่างเท้าเงาเทวาขั้นสูงสุดก็ไม่สามารถหลบหลีกได้
พลังนี้สามารถคร่าชีวิตของจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งผู้หนึ่งได้เลย และในขณะที่พลังนี้กำลังจะคร่าชีวิตของมู่เฉียนซีไป ทันใดนั้นแสงสีฟ้าก็ได้เปล่งประกายขึ้นห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีเอาไว้
พลังของคนผู้นี้ก็ทำให้ผู้คนต่างต้องสะพรึงกลัวขึ้น “มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า มีมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าโผล่มาอีกคนแล้ว บ้าไปแล้ว!”