เมื่อเห็นกู้ไป๋อีกินยาวิญญาณระดับสูงไปทั้งขวดโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตาเช่นนี้ เขาก็แทบจะกระอักเลือดแล้ว
สมกับที่เป็นผู้แข็งแกร่งอย่างแท้จริง! กินยาวิญญาณเข้าไปโดยไม่รู้สึกสิ้นเปลืองเลยแม้แต่น้อย
แต่ถึงกระนั้น วันนี้เขาก็ต้องตายอยู่ดี!
หากกู้ไป๋อีไม่ตายแล้วละก็ เมื่อพลังความแข็งแกร่งของเขาฟื้นฟูกลับมา พวกเขาทุกคนล้วนแต่ต้องซวยเป็นแน่แท้
ตูม! การต่อสู้กลางอากาศนั้นดุเดือดมาก
ส่วนการต่อสู้ของมู่เฉียนซีกับชายชราชุดเทาก็เป็นไปอย่างคึกคักเร่าร้อนเสมือนไฟที่โหมไหม้เช่นกัน
ชายชราชุดเทาค้นพบเรื่องที่ไม่ค่อยจะดีนักเข้าแล้ว นั่นก็คือการรับมือกับสาวน้อยผู้นี้ มันยากมากที่จะฆ่านางได้ด้วยการใช้ทักษะวิญญาณของพลังธาตุวารีเช่นนี้
เรื่องนั้นว่าแย่แล้ว ทว่า สาวน้อยผู้นี้ยังสามารถต่อสู้ พลางเรียนรู้ทักษะวิญญาณไปด้วยได้อีก นางได้เรียนรู้ถึงทักษะวิญญาณนี้ของเขา และใช้มันโจมตีเขา
นี่มันวิปริตเกินไปแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยพบเจอผู้ใดที่สามารถเรียนรู้ทักษะวิญญาณได้รวดเร็วเพียงนี้มาก่อน อีกทั้งยังนำไปแก้ไขให้ดีกว่าเดิมได้อีกด้วย ต่อให้เป็นท่านผู้นั้นก็ไม่สามารถทำเช่นนี้ได้
ชายชราชุดเทารู้สึกได้ว่าพลังวิญญาณของคนชุดคลุมยาวสีดำที่กำลังต่อสู้อยู่กลางอากาศเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ ตนเองจำเป็นต้องจัดการกับสาวน้อยผู้นี้ได้เร็วที่สุดเพื่อที่จะไปช่วยเขาได้
ครั้นแล้ว เขาจึงเลิกใช้ทักษะวิญญาณของพลังธาตุวารีโจมตีมู่เฉียนซี และใช้ทักษะวิญญาณอื่นโจมตีนางแทน
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “หากเจ้าคิดว่าใช้ทักษะวิญญาณอื่นลงมือกับข้าแล้วจะสามารถเอาชนะข้าได้ภายในชั่วพริบตาเดียวแล้วละก็ ข้าก็ขอบอกเจ้าเอาไว้เลยก็แล้วกัน ว่าเจ้าคิดมากเกินไปแล้ว!”
มู่เฉียนซีพุ่งตัวเข้าไปใกล้ชายชราชุดเทาผู้นี้ พลังการทำลายล้างพุ่งตัดผ่านอากาศไป
“ทักษะเทียนซวน!”
พลังอันท่วมท้นดุจดั่งพายุโหมพัดกระโชกมา ใบหน้าของชายชราชุดเทาเผยความตกตะลึงออกมา เขารีบหลบหลีก เห็นได้ชัดว่าเขากำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
มู่เฉียนซีตามติดไปอย่างใกล้ชิด สีหน้าของชายชราเขียวคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ ก่อนที่เขาจะตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ฝ่ามือพิษเมฆา!”
เมื่อเผชิญหน้ากับฝ่ามือนี้เข้า นึกไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะไม่หลบหลีก พลังธาตุวารีได้ก่อตัวขึ้นเป็นระลอกคลื่นรอบ ๆ ตัวนาง
“ทักษะโยวหลัว!”
ทันใดนั้น พลังอันแข็งแกร่งและทรงพลังก็ได้พุ่งไปที่ชายชราชุดเทา
ตูม! เสียงสะเทือนเลื่อนลั่นผืนดินดังสนั่นขึ้น
ชายชราชุดดำถลึงตากว้างจ้องมองไปที่ฝ่ามือนั้นของเขาที่ถูกพลังอันแข็งแกร่งขวางไว้ จากนั้นเขาก็ถูกทักษะการโจมตีของมู่เฉียนซีเข้าอย่างรุนแรง
ปัง! ร่างของเขากระเด็นลอยออกไป เลือดสีแดงสดไหลออกมาจากมุมปาก
สีหน้าของชายชราชุดเทาดำคล้ำลงเรื่อย ๆ ในตอนนี้เขาไม่อาจช่วยพี่ใหญ่ที่กำลังรับมือกับกู้ไป๋อีได้แล้ว
ใบหน้าของเขาพลันเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมขึ้น เขาต้องการฆ่าสาวน้อยผู้นี้ให้จงได้
แต่ยิ่งการต่อสู้ยืดเยื้อไปมากเท่าไหร่ พลังวิญญาณของเขาก็ยิ่งสูญเสียไปมากเท่านั้น ส่วนมู่เฉียนซีดูเหมือนว่าไม่ได้สูญเสียพลังวิญญาณไปเลยแม้แต่น้อย
ทักษะวิญญาณของพลังธาตุวารีไม่สามารถทำให้มู่เฉียนซีบาดเจ็บได้ ส่วนทักษะวิญญาณอื่น เมื่อเปรียบเทียบกับทักษะโยวหลัวและทักษะเทียนซวนของมู่เฉียนซีนั้น มันช่างห่างไกลกันมากเหลือเกิน
เห็น ๆ กันอยู่ว่าพลังวิญญาณของเขานั้นเหนือกว่านางถึงแปดระดับ แต่ความห่างชั้นของทักษะวิญญาณนั้น กลับทำให้เฒ่าประหลาดที่มีชีวิตมานับพันปีผู้นี้หมดแรงไปได้
เมื่อเห็นสีหน้าของชายชราชุดเทาแย่ลงเรื่อย ๆ เช่นนี้ มุมปากของมู่เฉียนซีก็ยกยิ้มขึ้น “ตาเฒ่า การต่อสู้ควรจบได้แล้วล่ะ!”
“บัวแดงพิฆาต!”
พลังอานุภาพของดอกบัวอัคคีสีแดงฉานนั้นดูเหมือนว่าจะเป็นพลังที่ไม่อาจต้านทานได้ มันได้พุ่งออกไปโจมตีชายชราชุดเทาอย่างรุนแรง
ภายใต้การปกคลุมของดอกบัวอัคคีสีแดงฉานนั้นทำให้เขาไร้ซึ่งหนทางหนี
ตูม! เสียงระเบิดดังสนั่นขึ้นคราหนึ่ง และร่างของชายชราชุดเทาก็กระเด็นลอยออกไปทันที
เขารู้สึกถึงความคาวที่อยู่ในคอ พรวด! เลือดสีแดงสดถูกกระอักออกมาคำโต
สีหน้าของเขาพลันซีดเผือดขึ้น
ส่วนการต่อสู้กลางอากาศในตอนนี้ แสงสีเงินของกระบี่ตัดผ่านไปและฟันแขนข้างหนึ่งของชายชราชุดดำผู้นั้นขาดสะบั้นลง
เลือดสีแดงสดสาดกระเซ็นออกมา ชายชราชุดดำกล่าว “น้องรอง รีบถอยเร็วเข้า!”
“ทุกคน รีบถอย เร็ว!”
แม้ว่าพลังของท่านผู้นี้จะถดถอยลง แต่พวกเขาก็ยังประเมินกำลังในการต่อสู้ของเขาต่ำไป ฉะนั้นจึงได้พ่ายแพ้ไปในที่สุด
มู่เฉียนซีไม่ต้องการให้พวกเขาหนีไปได้ คราก่อนปล่อยให้เจ้าสำนักขวางโซ่วหนีรอดไปจนเขาไปตามผู้แข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้ามาช่วยได้ถึงสองคน หากปล่อยให้หนีไปได้อีก เกรงว่าคราต่อไปจะยิ่งอันตรายมากกว่านี้เป็นแน่
นางจะตามไปไล่ล่า ทว่า ในตอนนี้ฤทธิ์ของยาโชคลาภตี้หลินได้หมดลงแล้ว เห็นได้ชัดความเร็วของนางนั้นช้าลงกว่าเมื่อครู่มาก
กว่าจะรับมือกับคนผู้นั้นได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย พลังวิญญาณกลับมาอยู่ในขั้นเดิม และสีหน้าของนางซีดเผือดลงอย่างเห็นได้ชัด
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ เจ้าสำนักขวางโซ่วที่ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสก็ฉวยโอกาสลอบโจมตีขึ้น
เขากล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่า “เจ้า ไปตายซะเถอะ!”
กู้ไป๋อีที่จะไล่ตามไปโจมตีกับชายชราสองคนนั้นจำเป็นต้องหันกลับมาลงมือกับเขา เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เขาทำร้ายมู่เฉียนซีได้!
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ ไว้ชีวิตมันก่อน!”
กระบี่ของกู้ไป๋อีได้ขัดขวางการโจมตีของเจ้าสำนักขวางโซ่วเอาไว้ได้ และพลังของกระบี่เล่มนี้ได้โจมตีเจ้าสำนักขวางโซ่วจนร่างกระเด็นลอยออกไป
ในตอนนี้ อาการบาดเจ็บแต่เดิมก็ยิ่งทวีคูณมากขึ้น และเจ้าสำนักขวางโซ่วไม่อาจลุกขึ้นมาได้แล้ว
กู้ไป๋อีวิ่งมาที่มู่เฉียนซีพลางกล่าวด้วยความเป็นห่วงเป็นใยว่า “คุณหนูใหญ่ บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่?”
“ข้าไม่เป็นไร!”
“พวกมันหนีไปได้แล้ว!” กู้ไป๋อีกล่าวเสียงขรึม
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปที่เจ้าสำนักขวางโซ่ว และกล่าวว่า “จะหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้นอยู่วันยังค่ำ เจ้าหมอนี่ยังมีชีวิตอยู่ ก็น่าจะพอมีประโยชน์อยู่บ้าง”
ปัง ปัง ปัง! ในตอนนี้ เย่เฉินยังคงต่อสู้กับเจ้าเมืองอันอยู่
เนื่องจากเย่เฉินมียาวิญญาณช่วยเสริม เขาจึงไม่ได้เสียเปรียบภายใต้เงื้อมมือของเจ้าเมืองอันผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า
ทว่า เมื่อเจ้าเมืองอันเห็นผู้แข็งแกร่งของสำนักขวางโซ่วและพวกต่างถอยหนีไป ในใจของเขาก็สั่นสะท้านขึ้น
บัดซบ!
จะถอยหนีก็ไม่บอกไม่กล่าวกับเขาเลย สองคนนั้นวิปริตมาก แม้แต่ยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าก็ยังเอาชนะได้ และเขาในตอนนี้ก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเขาเลย
เจ้าเมืองอันตัดสินใจตะโกนขึ้นทันทีว่า “รีบถอย เร็วเข้า!”
และแน่นอนว่าเย่เฉินคงไม่ปล่อยคนของเมืองแห่งความโกลาหลเหล่านี้ไปง่าย ๆ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ตามไป!”
ถึงแม้ว่าเจ้าเมืองอันจะหนีไปแล้ว แต่การต่อสู้ในครั้งนี้ก็ทำให้พวกเขาเสียหายไปอย่างหนักมาก
คนทั่วทั้งทุ่งรกร้างล้วนแต่รู้ว่าเจ้าเมืองอันของเมืองแห่งความโกลาหลได้นำยอดฝีมือไปโจมตีเมืองเย่เซี่ยทางใต้ และทางตะวันของทุ่งรกร้าง แต่สุดท้ายกลับพ่ายแพ้หนีหางจุกตูดกลับเมืองแห่งความโกลาหลไป
ครั้งนี้ เมืองแห่งความโกลาหลอับอายขายขี้หน้าเป็นอย่างยิ่ง!
การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เย่เฉินเป็นอัจฉริยะที่ปรากฏขึ้นใหม่ ชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วทั้งทุ่งรกร้างแห่งนี้
หลังจากการสู้รบครั้งใหญ่จบลง พวกเขาก็กลับมายังเมืองเย่เซี่ย
เย่เฉินมองไปที่คนชุดดำเหล่านั้น และกล่าวถามว่า “นายท่าน พวกเขาเป็นใครหรือขอรับ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจะแนะนำพวกเขาให้เจ้าได้รู้จัก นี่คือมู่อี มู่ซาน…”
“คนนี้ ชื่อเย่เฉิน!”
ในตอนแรกที่นางได้เข้ามายังทุ่งรกร้างแห่งนี้ ไม่ได้ใช้กองกำลังของตระกูลมู่และหอหมอปีศาจ อย่างไรเสียพวกเขาก็ต้องการกำลังคนในการพัฒนาที่แดนตะวันออก
ในตอนนี้ก็มั่นคงแล้ว เผชิญหน้ากับการสู้รบที่สำคัญเช่นนี้ นางจึงนำกำลังคนมา
โชคดีที่นางได้เตรียมการเอาไว้ มิเช่นนั้นเข้าร่วมการต่อสู้ครั้งใหญ่ของสำนักขวางโซ่วเช่นนี้ คงต้องเสียหายอย่างหนักแน่
มู่เฉียนซีกล่าว “เย่เฉิน เมืองแห่งความโกลาหลมอบให้เป็นหน้าที่เจ้าจัดการ ต้องเอามาให้เร็วที่สุด”
“เรื่องของสำนักขวางโซ่ว จะรอช้าไม่ได้แล้ว ข้าจะจัดการเอง!”
“มู่ฉือซานสอบถามเป็นเช่นไรแล้วบ้าง?” มู่เฉียนซีหันไปถามมู่อี
มู่อีตอบ “นายท่าน ฉือซานเป็นคนลงมือนายท่านวางใจได้! ได้คำตอบทุกเรื่องแล้ว และทราบตำแหน่งของสำนักขวางโซ่วแล้วด้วย!”
“ให้เขานำกำลังคนออกเดินทางได้”
หากยิ่งยืดเยื้อต่อไป เกรงว่าพวกเขาจะหากองกำลังมาช่วยได้มากยิ่งขึ้น
ต้องถอนรากถอนโคนให้เร็วที่สุด
มู่อีกล่าว “ขอรับ!”
ลูกน้องคนอื่น ๆ ทิ้งเอาไว้ให้เย่เฉินรับมือกับคนของเมืองแห่งความโกลาหลเหล่านั้น ส่วนมู่เฉียนซีนั้นก็นำองครักษ์เงาของตระกูลมู่บุกไปยังสำนักขวางโซ่ว