มู่เฉียนซีกล่าวเสียงต่ำว่า “ร่วมกันเสพสุข! ดูก่อนเถอะว่าของสิ่งนั้นเป็นสิ่งใด!”
ซวนอีมองมู่เฉียนซีอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าหนุ่มผู้นี้ได้คืบจะเอาศอกจริง ๆ”
พิธีกรของโรงประมูลราชสำนักไม่ใช่สตรีผู้งดงามแต่อย่างใด แต่กลับเป็นชายชราท่านหนึ่ง
ทว่า สถานะตัวตนของชายชราท่านนี้กลับไม่ใช่พิธีกรงานประมูลธรรมดา
เขาคือผู้อาวุโสหลิง นักปรุงยาที่แข็งแกร่งที่สุดในเมืองโอสถ เป็นนักปรุงยาระดับสูง
นักปรุงยาท่านนี้มีพลังที่แข็งแกร่งมาก ไม่มีผู้ใดที่ไม่เห็นแก่หน้าเขา
ผู้อาวุโสหลิงเริ่มกล่าว “ข้าขอประกาศ เริ่มการประมูลได้ ณ บัดนี้”
“ของประมูลชิ้นแรก เป็นสมุนไพรขั้นปฐพี หญ้าสุ่ยหลิงหลง ราคาประมูลเริ่มต้นอยู่ที่หนึ่งล้านหยกวิญญาณ”
เมืองโอสถมีสมุนไพรวิญญาณมากมาย ดังนั้นโรงประมูลราชสำนักจึงเน้นสมุนไพรวิญญาณเป็นส่วนใหญ่ มีเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เป็นของอย่างอื่น
มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าว “ซวนอี ประมูลหญ้าสุ่ยหลิงหลงให้ข้าหน่อย”
มุมปากของซวนอีกระตุกขึ้น เจ้าหนุ่มบ้านี่ชี้ให้ทำนู่นทำนี่ให้ ช่างไม่รู้จักความเกรงใจเลยแม้แต่น้อย
แต่สุดท้ายเขาก็ยังไม่ได้เปล่งเสียงเสนอราคาไป อีกทางฝั่งหนึ่งได้มีคนตะโกนเสนอราคามาว่า “สามร้อยล้าน!”
เพิ่มราคาเป็นสามเท่าตัว ช่างรวดเร็วยิ่งนัก! ทุกคนต่างก็ตกตะลึง
ผู้ที่ตะโกนเสนอราคาผู้นั้นนั่งอยู่ชั้นเจ็ดเช่นกัน คาดว่าคงจะมีสถานะที่ไม่ธรรมดา
และในตอนนี้เอง มุมปากของมู่เฉียนซีก็กระตุกขึ้นเล็กน้อย เสียงนี้…
เป็นเสียงของเจ้าโม่จิ่นนี่!
ช่างนึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าวันนี้เจ้าหมอนั่นจะมาแย่งชิงประมูลสมุนไพรกับนาง
ซวนอีกล่าว “นายน้อย คนที่ประมูลไปเมื่อครู่นี้ดูเหมือนว่าจะเป็นคนของหอหมอปีศาจ จะเพิ่มราคาหรือไม่ขอรับ?”
หอหมอปีศาจ ทันทีที่นึกถึงหญิงสาวผู้นั้น อารมณ์ของซวนอีก็ซับซ้อนขึ้น
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เฉียนเยี่ย ในหอหมอปีศาจมีคนที่สำคัญมากผู้หนึ่งสำหรับข้า พวกเขาต้องการสิ่งนี้ เจ้า…”
มู่เฉียนซีกล่าว “ก็แค่สมุนไพรวิญญาณปฐพีไม่ใช่เหรอ ข้าก็ไม่ได้อยากได้มากมายถึงเพียงนั้น ให้พวกเขาไปเถอะ!”
เฟิงอวิ๋นซิว “ขอบใจเจ้ามาก!”
ซวนอีพึมพำเสียงเบา “ดู ๆ ไปแล้วเจ้าก็ไม่ใช่คนที่ไร้เหตุผลอะไรนัก!”
เจ้าโม่จิ่นผู้นี้ช่างกวนจริง ๆ ใช้เงินราวกับน้ำไหลไม่ว่า นึกไม่ถึงว่ายังจะมาแย่งประมูลกับนางอีก ไม่ให้โอกาสให้นางได้รีดไถตำหนักตงจี๋เลย!
ทุก ๆ ครั้งที่มู่เฉียนซีจะประมูลสมุนไพรวิญญาณ โม่จิ่นก็ได้ทุ่มหยกวิญญาณจำนวนมากประมูลไปได้
ยอมให้ในทุก ๆ ครั้ง เฟิงอวิ๋นซิวเห็นมู่เฉียนซีไม่โกรธ เขาก็วางใจ
“หอหมอปีศาจสนใจเพียงแค่สมุนไพรวิญญาณเท่านั้น รอของประมูลอย่างอื่น ขอเพียงแค่เจ้าชอบ ไม่ว่าราคาจะสูงเพียงใด ซวนอีจะประมูลให้เจ้า”
อย่างไรเสีย สุดท้ายทุกอย่างก็ต้องตกอยู่ในมือของนาง
หลังจากที่การประมูลสมุนไพรวิญญาณหลากหลายชนิดได้สิ้นสุดลง ก็เริ่มเป็นการประมูลอาวุธวิญญาณขั้นสวรรค์เหล่านั้นของเฟิงอวิ๋นซิว
อาวุธวิญญาณระดับนี้มีไม่มากนัก ดังนั้นจึงเป็นที่นิยมสำหรับผู้คนเป็นอย่างยิ่ง
ผู้ประมูลเหล่านั้นแย่งชิงเสนอราคากันสูงลิ่ว เฟิงอวิ๋นซิวจึงได้เงินมาไม่น้อยเลย
ต่อไปก็เป็นการประมูลวรยุทธ์ของอาวุธวิญญาณเหล่านั้น ซึ่งมู่เฉียนซีก็ไม่ได้สนใจ
หอหมอปีศาจสนใจเพียงแค่สมุนไพรวิญญาณเท่านั้น นางก็เช่นกัน!
หลังจากที่ของประมูลได้ถูกประมูลไปทีละชิ้น ๆ ผู้อาวุโสหลิงก็กล่าวว่า “ลำดับต่อไป จะเป็นการประมูลของชิ้นสุดท้ายในวันนี้”
ทันทีที่ของประมูลชิ้นสุดท้ายนี้ถูกนำออกมา มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวนั้นได้รวบรวมความสนใจทั้งหมดไปที่ของชิ้นนั้นแล้ว
บนถาดรอง มีแผ่นเหล็กสีดำขนาดเท่าฝ่ามือแผ่นหนึ่งวางอยู่
มองจากระยะไกลเช่นนี้ไม่สามารถมองออกเลยว่าคุณภาพของวัสดุชิ้นนั้นเป็นเช่นไร
“นี่คือสิ่งใดกัน?”
“แผ่นเหล็กแผ่นนี้มีความพิเศษอันใดเหรอ?”
“……”
ผู้อาวุโสหลิงกล่าว “ของชิ้นนี้ได้ผ่านการวินิจฉัยอย่างชี้ขาดจากโรงประมูลของพวกเราแล้ว ยืนยันได้ว่าแผ่นเหล็กแผ่นนี้เป็นแผ่นเหล็กที่ท่านปรมาจารย์เหยียนผู้ที่เคยเป็นนักหลอมอาวุธแห่งดินแดนสี่ทิศเป็นผู้หลอมออกมา บนนี้มีความเป็นไปได้อย่างสูงว่าจะซ่อนเบาะแสของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์อย่างกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่”
“ถึงอย่างไรก็เคยมีคนสงสัยว่าท่านปรมาจารย์เหยียนนั้นเคยครอบครองกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาก่อน”
เพียงแค่สงสัย เพียงแค่เคยได้ยินคนเล่าต่อกันมา แต่เมื่อมันมีส่วนเกี่ยวเนื่องไปถึงมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ กลับทำให้ทุกคนจ้องมองเหล็กแผ่นนี้ด้วยสายตาที่เร่าร้อนลุกเป็นไฟ
สามารถคว้าเบาะแสบางอย่างของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาได้ ต่อให้มีความเป็นไปได้เพียงแค่เศษหนึ่งส่วนหมื่น พวกเขาก็ยินยอมที่จะลองดูสักครั้ง
เฟิงอวิ๋นซิวเองก็มีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน
ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! มู่เฉียนซีคิดในใจ
เพื่อกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ เฟิงอวิ๋นซิวเคยพรวดเข้าไปในสนามรบโบราณโดยไม่คำนึงถึงอาการบาดเจ็บอย่างสาหัสของตนเองมาก่อน
ในการเข้าร่วมประมูลในวันนี้ ก็เพื่อกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เฉกเช่นเดิม
เขามีความหลงใหลในกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อย่างลึกซึ้งมาก!
โม่จิ่นเองก็ตื่นเต้นขึ้นแล้ว “ไม่ว่ามันจะเป็นความจริงหรือไม่ ก็จะต้องประมูลเอามาให้นายท่านให้ได้ อย่างไรเสีย หอหมอปีศาจของพวกเราก็ไม่ได้ขาดแคลนเงินทองอยู่แล้ว”
พวกเขาอดใจรอให้ผู้อาวุโสหลิงประกาศเริ่มการประมูลในครั้งนี้ไม่ไหวแล้ว
ทว่า ผู้อาวุโสหลิงกลับกล่าวว่า “แต่หากอยากจะประมูลเหล็กดำชิ้นนี้แล้วละก็ ไม่จำเป็นต้องใช้หยกวิญญาณในการประมูล หัวหน้าโรงประมูลบอกเอาไว้ว่า เขาต้องการยาหัวใจมหาจักรพรรดิ หากผู้ใดเอายาหัวใจมหาจักรพรรดิระดับสูงสุดออกมา คนผู้นั้นก็จะได้เหล็กดำชิ้นนี้ไปครอบครอง”
ยาหัวใจมหาจักรพรรดิ เป็นยารักษาที่ดีและสมบูรณ์แบบที่สุดสำหรับยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นยาขั้นปฐพีที่ไร้ที่เปรียบ
ซวนอีกล่าว “นายน้อย พวกเรามียาหัวใจมหาจักรพรรดิอยู่ แต่คุณภาพของยาหัวใจมหาจักรพรรดิที่พวกเรามีอยู่นั้นคุณภาพมันไม่ได้สูงมากนัก”
“ยาหัวใจมหาจักรพรรดิ บัดซบจริง! นายท่านไม่อยู่ ท่านหัวหน้านักปรุงยาจวินก็ไม่อยู่ ข้าก็ไม่ได้เอายาหัวใจมหาจักรพรรดิติดตัวมาซะด้วยสิ”
อีกทางด้านหนึ่ง โม่จิ่นเองก็กลัดกลุ้มใจขึ้นแล้วเช่นกัน
พลาดไปเช่นนี้ ช่างไม่สบายใจเอาซะเลย!
เขาได้นำหยกวิญญาณและของมีค่ามามากมายที่จะแย่งประมูลกับผู้อื่นอย่างเอาเป็นเอาตายได้ แต่ของสิ่งนี้…
ผู้คนทั่วทั้งโรงประมูลต่างก็อยู่ในอาการกระสับกระส่าย
พวกเขาไม่ได้เตรียมตัวอันใดมาเลย
ผู้อาวุโสหลิงยิ้มพลางกล่าว “ดูเหมือนว่าทุกคนจะไม่ได้เตรียมความพร้อมมา เช่นนั้นก็ค่อยมาประมูลกันต่อในวันพรุ่งเถอะ หากผู้ประมูลท่านใดสามารถหายาหัวใจมหาจักรพรรดิมาได้ก่อนการประมูลในวันพรุ่งจะเริ่มขึ้น ก็จะเปิดให้ชิงประมูลเหล็กดำชิ้นนี้ได้”
“ตกลง!”
“ดี เยี่ยมไปเลย!”
“……”
ไม่มีผู้ใดออกความเห็น เวลาภายในหนึ่งวัน ไม่ว่าอย่างไรพวกเขาก็ต้องหายาหัวใจมหาจักรพรรดิมาให้ได้ อีกทั้งต้องเป็นยาหัวใจมหาจักรพรรดิที่คุณภาพดีที่สุดอีกด้วย
หลังจากการประมูลในวันนี้สิ้นสุดลง ยามรัตติกาลของเมืองโอสถทั่วทั้งเมืองกลับไร้ซึ่งความเงียบสงบ
นักปรุงยาแห่งเมืองโอสถต่างก็ถูกคนจำนวนมากก่อความวุ่นวาย ส่วนโม่จิ่นเองก็ไปสืบหาข่าวมาเช่นกันว่าในเมืองโอสถแห่งนี้มีนักปรุงยาท่านใดที่ฝีมือเก่งกาจที่สุด
จากนั้นก็ส่งข่าวนี้ไปให้จวินโม่ซี เพื่อให้จวินโม่ซีนั้นหลอมยาหัวใจมหาจักรพรรดิที่คุณภาพดีที่สุดจนในใต้หล้าแห่งนี้ไม่มีผู้ใดสามารถเทียบได้ออกมาเม็ดหนึ่ง
นายท่านของพวกเขาปรารถนาที่จะได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาก หากได้กระบี่ศักดิ์สิทธ์นิรันดร์มา นายท่านก็จะมีพลังธาตุอัคคี เขาจะพลาดโอกาสนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด
หลังจากที่ออกมาจากโรงประมูลและได้ส่งนายน้อยของตนเองกลับไปยังโรงเตี๊ยม ซวนอีก็เตรียมม้าเร็วเพื่อไปหานักปรุงยามาหลอมยาหัวใจมหาจักรพรรดิ หรือไปหาซื้อยาหัวใจมหาจักรพรรดิมา
ผลลัพธ์ที่ได้ ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งได้ออกมาขวางเขาเอาไว้ที่หน้าประตู
มู่เฉียนซีมองเขาและยิ้มพลางกล่าวว่า “องครักษ์ซวนอี เจ้าจะรีบไปที่ใดเหรอ ดึก ๆ ดื่น ๆ เช่นนี้แล้วยังไม่นอนพักอีก ไปทำอันใดข้างนอกเหรอ?”
ซวนอีกล่าว “นายน้อยปรารถนาที่จะเอาเหล็กดำนั้นมาให้ได้ ข้าจะไปหายาหัวใจมหาจักรพรรดิ”
มู่เฉียนซีกล่าว “อันที่จริง หากเจ้าอยากได้ยาหัวใจมหาจักรพรรดิก็ไม่จำเป็นต้องออกไปข้างนอกก็ได้”
“หรือว่า เจ้าจะมียาหัวใจมหาจักรพรรดิที่คุณภาพดีและสมบูรณ์แบบอยู่อย่างนั้นเหรอ”
“ไม่ต้องพูดถึงยาหัวใจมหาจักรพรรดิที่คุณภาพดีและสมบูรณ์แบบหรอกนะ แม้แต่ยาหัวใจมหาจักรพรรดิคุณภาพต่ำข้าก็ไม่มีหรอก เพียงแต่ว่า…”
ซวนอีกล่าว “เพียงแต่ว่าอันใด เจ้าอย่ามัวแต่ทำให้ข้าเสียเวลาอยู่เลย”
ทันใดนั้นเอง น้ำเสียงอันไพเราะของเฟิงอวิ๋นซิวก็ดังขึ้น “เฉียนเยี่ย เกรงว่าเจ้าก็เป็นนักปรุงยาท่านหนึ่ง”
.