ดวงตาอันสวยงามคู่นั้นของเฟิงอวิ๋นซิวได้ฉายแววแห่งความอันตรายออกมา “เจ้าคิดที่จะเอาข้าไปทำเป็นหุ่นเชิด ช่างคิดอะไรที่เป็นไปไม่ได้!”
“จะคิดในสิ่งที่เป็นไปได้หรือไม่นั้น เดี๋ยวอีกสักครู่นายน้อยอวิ๋นซิวก็จะได้รู้แล้ว”
จากนั้นเงาร่างสีดำก็ได้พุ่งไปทางนายน้อยอวิ๋นซิว บนตัวของเขานั้นมีหมอกสีดำอยู่กลุ่มหนึ่ง
ทันใดนั้นก็พลันมีเงาร่างสูงราวสามมี่พุ่งออกมาจากในหมอกดำนั่นและแผ่กลิ่นอายอันแกร่งกร้าวอย่างที่สุดออกมา
ผู้อาวุโสสูงสุดตะลึงค้างแล้วกล่าวออกมาอย่างตกตะลึง “นี่คือหุ่นเชิดที่สามารถเทียบได้กับยอดฝีมือขั้นสูงสุด”
“อวิ๋นซิว ให้ข้าจัดการเจ้านี่เอง!” ผู้อาวุโสสูงสุดเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดขั้นสูงสุดตัวนี้
เฟิงอวิ๋นซิวนั้นยืนอยู่ตรงข้ามกับเจ้าสำนักหุ่นปีศาจเจียงขุย สิ่งที่แข็งแกร่งนั่นคือหุ่นเชิด ส่วนพลังความสามารถของตัวเขานั้นก็เพียงแค่มหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นสูงสุดขั้นที่เก้าก็เท่านั้น
บึ้ม!
การต่อสู้ระหว่างทั้งสองฝ่ายได้เริ่มขึ้นแล้ว
โหวหมิงทำได้แต่เพียงกล้ามองมู่เฉียนซีอยู่ห่าง ๆ แต่ไม่กล้าที่จะลงมืออย่างบุ่มบ่าม
ความแข็งแกร่งของชิงอิ่งนั้นทำให้เกิดเงามืดอย่างแข็งกล้าขึ้นในใจของเขา
ชายชราผู้หนึ่งในชุดคลุมสีขาวได้ปรากฏตัวขึ้น โหวหมิงกล่าว “ท่านผู้อาวุโสสูงสุด มันคือเด็กสาวผู้นั้น ที่เด็กสาวผู้นั้นมีหุ่นเชิดที่ร้ายกาจเป็นอย่างมากอยู่ตัวหนึ่ง”
ชายชราในชุดคลุมสีขาวกล่าว “มีแต่เพียงพวกเราสำนักหุ่นปีศาจเท่านั้นที่สามารถใช้หุ่นเชิดที่แข็งกร้าวเช่นนั้นเป็นอาวุธ เจ้าเด็กสาวผู้นี้ไม่คู่ควรที่จะมีมัน จงส่งมอบหุ่นเชิดของเจ้ามาให้ข้า”
ผู้อาวุโสสูงสุดระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เก้าในชุดคลุมสีขาวนั้นมีท่าทีที่ดุดัน ทันใดนั้นเขาก็ได้อัญเชิญหุ่นเชิดของเขาออกมา
ชิงอิ่งได้พุ่งออกมาจากความมืดและได้ป้องกันการโจมตีจากหุ่นเชิดของเขาเอาไว้ทั้งหมด
ปัง! ได้เกิดเสียงดังสนั่นเสียงหนึ่งขึ้น
ดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาวนั้นทอประกายออกมาและมองไปยังเงาร่างสีเขียวที่กระฉับกระเฉงแข็งแกร่งนั้น!
“มันเป็นหุ่นเชิด เป็นหุ่นเชิดจริง ๆ จับมันเอาไว้! ข้าจะผ่ามันออกแล้วศึกษาดูให้ดี”
สีหน้าของมู่เฉียนซีเย็นยะเยือก “อู๋ตี้ เสี่ยวหง จัดการ!”
คนเหล่านี้ของสำนักหุ่นปีศาจกล้าที่จะผ่าชิงอิ่งออกเพื่อศึกษาดู ช่างรนหาที่ตายนัก!
“มังกรเพลิงสังหาร!” มังกรเพลิงสีแดงเข้มได้ร้องคำรามแล้วพุ่งออกไป มู่เฉียนซีตอบรับกับพวกคนเหล่านั้นที่ลงมือกับนางด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม
ปัง! ผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาวได้ปะทะเข้ากับชิงอิ่งแต่กลับถอยร่นอยู่เรื่อยไป
“แข็งแกร่งนัก ถึงต่อให้เป็นหุ่นเชิดขั้นสวรรค์เต็มขั้นตัวนั้นของเจ้าสำนักก็ยังไม่อาจเทียบกับมันได้ รึว่ามันเป็นหุ่นเชิดขั้นเซียน”
“แต่เหตุใดหุ่นเชิดขั้นเซียนจึงมาปรากฏอยู่ในโลกทั้งสี่ทิศ”
ผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาวครุ่นคิดเท่าไรก็ไม่เข้าใจ
ปัง! ในตอนที่เขากำลังเสียสมาธิอยู่นี่เอง เขาก็ได้เกือบถูกชิงอิ่งซัดเสียจนเครื่องในแหลก!
ผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาวถลึงตามองโหวหมิงพร้อมกล่าว “เจ้ายังชักช้าอยู่ใย? จับตัวเจ้าเด็กสาวนั่น”
หุ่นเชิดตัวนี้แข็งแกร่งเสียจนเกินจริง เขาได้อัญเชิญหุ่นเชิดออกมาสามตัว นั่นก็สุดขีดความสามารถในการควบคุมหุ่นเชิดของเขาแล้ว
และเป้าหมายของเขาก็มิใช่เพื่อที่จะเอาชนะหุ่นเชิดตัวนี้ หากแต่เป็นการเอาชนะนางต่างหาก
คนของสำนักหุ่นปีศาจได้คลุกคลีกับหุ่นเชิดมาโดยตลอด แล้วพวกเขาจะไม่รู้ได้อย่างไร
ว่าเพียงแค่ฆ่าผู้เป็นนายของหุ่นเชิดนั้น หุ่นเชิดก็จะไร้ซึ่งผู้ควบคุม แล้วมันก็จะกลายเป็นสิ่งของในกำมือพวกเขา
โหวหมิงเองก็เข้าใจดี…จับตัวเด็กสาวผู้นั้น หากจับเป็นไม่ได้ก็ฆ่าไปเสีย
มีหุ่นเชิดชุดสีเขียวนั่นอยู่ เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซี แต่มาตอนนี้นั้นสถานการณ์มันแตกต่างกันออกไป!
เมื่อเผชิญกับโหวหมิงที่มุ่งเข้ามาทางมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีก็ได้ออกกระบวนท่าในทันที!
“ทักษะโยวหลัว!”
บึ้ม! โหวหมิงรู้สึกได้ถึงอันตรายจึงได้รีบหลบไป
พลังของทักษะโยวหลัวทำให้เขาตกใจเป็นอย่างมาก ทักษะวิญญาณนี้แข็งแกร่งเสียจนวิปริต
ทักษะวิญญาณแข็งแกร่งแล้วอย่างไรเล่า? ก็แค่เพียงจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่ห้าก็เท่านั้นเอง
โหวหมิงได้อัญเชิญหุ่นเชิดออกมาสองตัว นี่เป็นหุ่นเชิดสองตัวสุดท้ายอันมีสภาพสมบูรณ์ที่เหลืออยู่
ในตอนที่หุ่นเชิดทั้งสองตัวนั้นพุ่งเข้าไปหามู่เฉียนซี อู๋ตี๋และเสี่ยวหงก็ได้รีบพุ่งเข้ามา
“สวะเช่นนี้ยังคิดที่จะทำร้ายนายของข้าอีก”
ตูม!
“บัวแดงพิฆาต!” กระบี่มังกรเพลิงวาดโค้งที่กลางอากาศ ดอกบัวแดงดอกหนึ่งได้ร่วงจากกลางอากาศไปทางโหวหมิง
พลังความสามารถของโหวหมิงนั้นมากกว่ามหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หก การโจมตีในครั้งนี้มิได้โจมตีถูกตัวเขา แล้วก็มิได้สร้างผลกระทบใดแก่เขาเช่นกัน เขามุ่งฝ่าเข้าไปทางมู่เฉียนซีอย่างดุดัน
“หัตถ์มืด!” พลังวิญญาณอันพุ่งพล่านได้ม้วนตัวเข้าไปทางมู่เฉียนซี
แต่มู่เฉียนซีกลับหลบมันไปได้!
โหวหมิงตะลึงงัน ผู้ที่เป็นเพียงระดับจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หกผู้หนึ่งสามารถที่จะหลบการโจมตีของเขาไปได้
มู่เฉียนซีแค่นยิ้มพร้อมกล่าว “ทักษะวิญญาณของเจ้าอ่อนแอยิ่งนัก”
“หากไร้ซึ่งหุ่นเชิด ความสามารถในการต่อสู้ของเจ้าก็ไม่เท่าไรนัก ถึงแม้ว่าเจ้าจะเป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เจ็ดก็ตาม”
คนของสำนักหุ่นปีศาจสามารถที่จะควบคุมหุ่นเชิดให้ทำการต่อสู้ได้ และรับมือกับผู้ที่อยู่ในระดับขั้นเดียวกันได้อย่างง่ายดาย
แต่ทว่าดูเหมือนพวกเขานั้นจะพึ่งพาหุ่นเชิดมากเกินไปนัก ทันทีที่ห่างจากหุ่นเชิดไปพลังการต่อสู้กับผู้บำเพ็ญภูตหรือผู้ฝึกวรยุทธ์นั้นกลับไม่เพียงพอ
โหวหมิงกล่าว “สาวน้อย อย่าได้ทะนงตนไป ถึงแม้ว่าจะไม่มีหุ่นเชิด แต่การประมือกับเจ้าก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก”
มู่เฉียนซีพุ่งขึ้นไปกลางอากาศ นางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา “ผู้ที่ทะนงตนนั้น คือเจ้า!”
มู่เฉียนซีได้ต่อสู้กับโหวหมิงขึ้นมา โหวหมิงอยากที่จะได้รับชัยชนะอย่างรวดเร็ว แต่มันมิได้ง่ายดายเช่นนั้น
บึ้ม! ทั้งสำนักหุ่นปีศาจนั้นอึกทึกเป็นที่สุดเพราะมียอดฝีมือต่าง ๆ กำลังประมือกันอยู่
เฟิงอวิ๋นซิวรู้ถึงความอำมหิตของสำนักหุ่นปีศาจ แน่นอนว่าผู้ที่เขาพามาด้วยนั้นมีพลังความสามารถอย่างไม่ธรรมดา
อีกทั้งอากาศพิษไม่สามารถที่จะสร้างผลกระทบใด ๆ ได้ พวกเขาจึงไม่เปลืองแรงมากนักในการต่อสู้ครั้งนี้!
แต่แน่นอนว่ามีหุ่นเชิดบางตัวของสำนักหุ่นปีศาจที่เหมือนดั่งเครื่องจักร ซึ่งก็ไม่อาจที่จะรับมือได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นแล้วทั้งสองฝั่งจึงไม่มีใครเป็นรองใคร
ปัง! เกิดเสียงดังสนั่นขึ้นเสียงหนึ่ง หุ่นเชิดตัวนั้นของผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาวได้ถูกชิงอิ่งถีบกระเด็นออกไป หุ่นเชิดนั้นได้แตกออกเป็นเสี่ยงไปในพริบตา
ยังเหลืออีกสอง…
ชิงอิ่งได้ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังของหุ่นเชิดที่เหลือนั้นอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า จากนั้นก็บิดคอของหุ่นเชิดตัวนั้นจนหักออก
ทันใดนั้นสีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาวก็แข็งทื่อไป
แม้แต่เจียงขุยที่กำลังต่อสู้อยู่กับเฟิงอวิ๋นซิวเองก็ตะลึงงัน แม้แต่จะฝันไปก็ยังนึกไม่ถึงว่าบนโลกนี้จะมีหุ่นเชิดที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่
หุ่นเชิดขั้นสูงเหล่านี้ของสำนักหุ่นปีศาจของพวกเขานั้นเป็นประหนึ่งเพียงสวะที่อยู่ตรงหน้าของชิงอิ่งเท่านั้น
หุ่นเชิดที่ร้ายกาจเช่นนี้ พวกเขาต้องได้มาให้ได้ จะต้อง…
จากนั้นก็สร้างหุ่นเชิดเช่นนี้ขึ้นมาให้มาก
บึ้ม! พลังวิญญาณของเจียงขุยได้ทวีโหดร้ายมากขึ้นกว่าเก่า
ทันใดนั้นมู่เฉียนซีก็รู้สึกเสียใจเล็กน้อยที่ได้มายังสำนักหุ่นปีศาจ สายตาของเหล่าคนจากสำนักหุ่นปีศาจนี้ช่างทำให้นางรังเกียจเสียจริง
ชิงอิ่งไม่ใช่มนุษย์และเหมือนจะเป็นหุ่นเชิดก็มิผิด แต่นางก็ได้ถือว่าเขานั้นเป็นผู้ที่สำคัญต่อนางเป็นอย่างมากผู้หนึ่งไปตั้งนานแล้ว
แต่คนเหล่านี้ก็กลับยังเห็นเขาเป็นเหมือนเครื่องจักรสังหารที่ไร้ซึ่งอารมรณ์ความรู้สึกอยู่เช่นเดิม อีกทั้งยังคิดที่จะได้ตัวเขาไปและควบคุมเขา
นัยน์ตาของมู่เฉียนซีได้สาดประกายอันเย็นวาบออกมา “มังกรวารีพิฆาต!”
มังกรวารีสีฟ้าอันเย็นยะเยือกได้พันธนาการโหวหมิงเอาไว้
ปัง! โหวหมิงทลายมันลงได้อย่างง่ายดาย แต่ทว่ามังกรเพลิงนั้นได้พุ่งตามเข้ามาถึงตัวเขาแล้ว!
ยังไม่ทันที่มันจะจบลง มู่เฉียนซีก็ได้พุ่งขึ้นไปกลางอากาศ
พลังวิญญาณธาตุน้ำได้หมุนรอบตัวของนาง จากนั้นพลังวิญญาณอันมหาศาลก็ได้ร่วงหล่นลงมาจากกลางอากาศ
“ทักษะโยวหลัว!”
กระบวนท่าสองกระบวนก่อนหน้านี้เป็นเพียงแค่การปกป้องตนเองเท่านั้น นี่สิจึงจะเป็นกระบวนท่าพิฆาตฆ่าของจริง
โหวหมิงเองก็นึกไม่ถึงว่ามู่เฉียนซีที่เป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หกจะต่อสู้ได้ยาวนานเช่นนี้ อีกทั้งยังมีพลังวิญญาณเพียงพอที่จะใช้กระบวนท่าที่แข็งแกร่งเช่นนี้ออกมา
ตูม! โหวหมิงได้กระเด็นลอยออกไป
“รองเจ้าสำนัก!”
“ท่านรองเจ้าสำนัก!”
“……”
คนเหล่านั้นของสำนักหุ่นปีศาจตะลึงค้าง รองเจ้าสำนักของพวกเขาได้ถูกสาวน้อยระดับจักรพรรดิผู้หนึ่งซัดกระเด็นออกไป
สายตาของมู่เฉียนซีตกทอดไปยังบนตัวของเจ้าสำนักหุ่นปีศาจ นางเอ่ยขึ้น “เดิมทีคิดว่ามาที่สำนักหุ่นปีศาจของพวกเจ้าแล้วคงจะได้ประโยชน์อะไรบ้าง แต่ดูจากสภาพพวกเจ้าแล้วเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย”
“อีกทั้งข้าไม่ชอบสายตาที่พวกเจ้ามองชิงอิ่ง เช่นนั้นเลยอยากที่จะมอบของขวัญชิ้นใหญ่ให้พวกเจ้าชิ้นหนึ่ง”