เพราะคำสั่งของราชาหุ่น กำลังต่อสู้หลักของสำนักหุ่นปีศาจในตอนนี้ล้วนแต่มุ่งไปที่ตัวของมู่เฉียนซี
แม้ว่าพลังความสามารถของมู่เฉียนซีจะเพิ่มระดับไปเป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งแล้วก็ตาม แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีจากยอดฝีมือจำนวนมากเช่นนี้ นางเองก็ไม่สามารถที่จะต้านทานได้ไหว
“ทักษะโยวหลัว!”
“บัวแดงพิฆาต!”
ทักษะวิญญาณอันแข็งแกร่งที่สุดเท่าที่นางสามารถจะใช้ได้นั้นได้ระเบิดไปยังเหล่าศัตรูอย่างบ้าคลั่งราวกับว่ามันไม่มีการสิ้นเปลืองพลังแม้แต่น้อย
ร่างกายเหมือนดั่งสายลม พลังวิญญาณธาตุน้ำได้ล้อมรอบไปทั่วตัว นั่นจึงทำให้นางโคจรเคล็ดวิชาย่างก้าวเงาเทวาไปถึงขั้นสุด
มู่เฉียนซีมียาเม็ดที่เอาไว้ฟื้นฟูพลังวิญญาณอย่างเพียงพอ แต่ก็ไม่สามารถที่จะทนต่อการสิ้นเปลืองพลังไปเช่นนั้นได้
ศัตรูแข็งแกร่งมากเกินไป หากไม่สู้อย่างสุดกำลัง เช่นนั้นก็คงจะมีแต่ตายสถานเดียว
บึ้ม!
เฟิงอวิ๋นซิวอยากที่จะไปช่วยมู่เฉียนซีลดแรงกดดัน แต่เขากลับไม่สามารถที่จะแยกร่างออกไปได้
ปัง! หุ่นเชิดเต็มขั้นนี้ไม่เสียทีที่เป็นเครื่องจักรสังหารอันสามารถทำให้กลุ่มกองกำลังใหญ่ต่าง ๆ เมื่อได้ยินชื่อแล้วถึงกับเปลี่ยนสีหน้า แม้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวในสภาพปัจจุบันก็ยังไม่สามารถที่จะเอาชนะมันได้
ตูม!
เสียงการต่อสู้อย่างดุเดือดในเทือกเขาเมฆามืดดังขึ้นอย่างไม่ขาดสาย ราวกับจะระเบิดเทือกเขาเมฆามืดให้ขาดออกไปทั้งแนว
สัตว์วิญญาณระดับต่ำนั้นได้หนีออกไปไกลแล้ว ส่วนสัตว์วิญญาณระดับสูงเองก็ไม่กล้าที่จะเข้ามามุงดูความวุ่นวายของมนุษย์
ทันใดนั้นเงาร่างสีขาวเงาหนึ่งก็พลันพุ่งไปทางมู่เฉียนซี
เงาร่างนั้นก็คือผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาวของสำนักหุ่นปีศาจผู้นั้นที่ถูกชิงอิ่งทำให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสไปเมื่อครู่นี้
เพราะเขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสจึงไม่กล้าลงมือ แต่มาตอนนี้เขาได้ฟื้นฟูขึ้นมาพอประมาณแล้ว จึงได้เริ่มการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิตต่อมู่เฉียนซี
แม้ว่าชิงอิ่งจะต่อสู้กับราชาหุ่นที่ค่อนข้างจะแข็งแกร่งกว่าตัวเขาเองอยู่ แต่เขาก็ได้เฝ้าติดตามสถานการณ์ของมู่เฉียนซีอยู่โดยตลอด
มาตอนนี้มู่เฉียนซีมีอันตราย แน่นอนว่าเขาจะต้องทำอะไรสักอย่าง!
เขาต้องการที่จะปกป้องนาง ไม่ว่าระหว่างพวกเขานั้นจะไม่มีพันธสัญญาก็ตาม
เงาร่างสีเขียวนั้นได้หายไปจากด้านหน้าของราชาหุ่น เขามุ่งไปทางผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาวผู้นั้นด้วยความเร็วสูงสุด
“อ๊ากกก!” ผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาวนั้นคาดไม่ถึงว่าชิงอิ่งที่กำลังเผชิญกับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเช่นนั้นยังจะสามารถพุ่งมารับมือกับเขาได้
กล้าที่จะทำร้ายเฉียน ต้องตาย!
ชิงอิ่งได้ใช้กระบวนท่าพิฆาตที่ร้ายแรงทำลายผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาว และเพราะเขาได้นำกำลังทั้งหมดไปประมือกับผู้อาวุโสสูงสุดชุดคลุมสีขาว แน่นอนว่ามันจึงเป็นการเปิดโอกาสอย่างมากให้แก่ราชาหุ่น
ปลายนิ้วของราชาหุ่นได้เปลี่ยนสภาพเป็นเรียวยาวและคมกริบ จากนั้นก็ตบกวาดไปทางหน้าอกของชิงอิ่ง
“ให้ข้าควักหัวใจของเจ้าออกมาดูเสียหน่อย ข้าสงสัยยิ่งนักว่าหัวใจของหุ่นเชิดนั้นมันหน้าตาเป็นเช่นไร?”
เสียงดังแหวกอากาศลอยมา ทันใดนั้นมู่เฉียนซีที่หลุดพ้นอันตรายแล้วก็กลับพุ่งไปทางด้านหน้าของชิงอิ่ง
เจ้าหมอนี่คิดที่จะควักหัวใจของชิงอิ่งออกมา จะให้ทำอย่างนั้นไม่ได้เด็ดขาด!
“เฉียนซี!” เมื่อเฟิงอวิ๋นซิวมองเห็นภาพในฉากนั้น สีหน้าของเขาก็ซีดเผือดลง
เขารู้สึกว่าหัวใจของเขานั้นเต้นช้าลงไปถึงครึ่งจังหวะ ราวกับว่าในช่วงเวลาต่อไปหัวใจของเขาจะถูกราชาหุ่นควักออกมาก็มิปาน
“เฉียน!” ชิงอิ่งดึงตัวมู่เฉียนซีเอาไว้และคิดที่จะหลบหลีกไป
แต่ไม่ว่าจะรวดเร็วอย่างไรก็ไม่ได้เร็วไปกว่าความรวดเร็วของราชาหุ่น!
“เจ้า…เจ้ากลับไม่ห่วงแม้แต่ชีวิตของตนเองเพื่อหุ่นเชิดตัวหนึ่ง”
การกระทำของมู่เฉียนซีได้ทำให้ราชาหุ่นตกตะลึงเป็นอย่างมาก
ในสายตาของมนุษย์แล้วหุ่นเชิดเป็นแค่เพียงเครื่องมือในการต่อสู้อย่างหนึ่ง เครื่องจักรสังหารชนิดหนึ่ง ไฉนเลยจะมีผู้ที่เขลาเสียจนเอาตัวเข้าไปกำบังการโจมตีอันถึงแก่ชีวิตให้กับหุ่นเชิด
นี่มันช่างเหลือเชื่อ!
ถึงแม้ว่าเขาจะตกตะลึง แต่ทว่าความเร็วของมือนั้นกลับไม่ได้ลดลงไปเลย
ในตอนที่มันกำลังจะทำร้ายมู่เฉียนซีเข้านี่เอง ร่างของมู่เฉียนซีก็ได้ถูกห่อหุ้มไปด้วยลำแสงสีฟ้าอ่อน ๆ ขึ้นมา
ไม่ว่าราชาหุ่นจะใช้พลังที่บ้าคลั่งเพียงใดก็ไม่สามารถที่จะทำร้ายมู่เฉียนซีได้แม้แต่น้อย
พลังอันเย็นยะเยือกได้แผ่ซ่านเข้ามา ราชาหุ่นตะลึงงันและเตรียมที่จะถอยออกไป แต่ทว่าพลังสะท้อนกลับอันน่าสะพรึงกลัวนั้นได้เริ่มทำลายร่างกายของเขาแล้ว
ปัง! ราชาหุ่นได้ถูกพลังสะท้อนกลับอัดกระเด็นลอยออกไป ที่หน้าอกนั้นปรากฏหลุมขนาดใหญ่ดั่งกำปั้นขึ้นแห่งหนึ่ง
ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วยิ่งนัก จึงทำให้รู้สึกตื่นตะลึงอย่างที่สุด!
แสงสีฟ้าอ่อนนั้นมันคืออะไรกันแน่ถึงได้ทำให้เจ้าหมอนั่นบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนั้น!
เมื่อเผชิญหน้ากับหมอนี่ที่เกือบจะทำร้ายมู่เฉียนซีเข้า แน่นอนว่าชิงอิ่งจะไม่ปล่อยเขาไปอย่างง่ายดาย
เงาร่างสีเขียวได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว บัดนี้ เขานั้นราวกับเป็นนักรบผู้คร่าวิญญาณผู้หนึ่ง จากนั้นก็ได้ระเบิดกำปั้นไปทางราชาหุ่นคราหนึ่ง!
ตูม! ราชาหุ่นกลิ้งตัวหลบอยู่บนพื้นดินอย่างรีบร้อน กำปั้นนั้นจึงมิได้ร่วงเข้าใส่กายของเขา
เมื่อเผชิญหน้ากับชิงอิ่งและมู่เฉียนซี เขาล้วนแต่หวาดกลัว
บนตัวของพวกเขานั้นมีพลังที่เขาไม่อาจจะจินตนาการได้อยู่ มาตอนนี้ตัวเขาเองก็ได้ถูกทำให้บาดเจ็บอย่างหนักและเหลือกำลังเพียงไม่เท่าไรแล้ว
พลังอันดำมืดได้ห่อหุ้มตัวเขาไว้ เขาถึงขนาดหายจากไปอย่างไร้ร่องรอยโดยที่ไม่บอกกล่าวให้เจ้าสำนักหุ่นปีศาจเจียงขุยได้รู้สักคำ
วันข้างหน้ายังอีกยาวไกล วันนี้ไม่เหมาะที่จะสู้ต่อไปอีกแล้ว!
“นายท่าน!” สีหน้าของเจียงขุยเปลี่ยนไปอย่างมาก เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าราชาหุ่นจะจากไปเช่นนี้
เมื่อราชาหุ่นหนีไปแล้วและพวกเขาต้องเผชิญหน้ากับหุ่นเชิดชุดสีเขียวที่น่าหวั่นพรึงเช่นนั้น พวกเขายังจะต่อสู้ไปอีกเพื่ออะไร?
“ไป!” เจียงขุยกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ
พวกเขาได้ถอยร่นออกไปด้วยความรวดเร็วอย่างสูงสุด คนเหล่านี้ของตำหนักตงจี๋ได้รับบาดเจ็บ พลังวิญญาณเองก็ได้หมดสิ้นไปโดยประมาณแล้ว พวกเขาจึงไม่เหลือเรี่ยวแรงที่จะไล่ตามอีกต่อไป
ส่วนพลังความสามารถของเฟิงอวิ๋นซิวที่ได้ฟื้นฟูกลับคืนมาแล้ว แม้สีหน้าของเขาจะมีอาการขาวซีดอยู่บ้าง
เขากล่าวขึ้น “อย่าตามไป พวกเราหาสถานที่ปลอดภัยสักแห่งแล้วพักกันก่อน”
“ขอรับ!”
พวกเขาได้ถอยร่นไปยังส่วนตอนกลางของหุบเขาเมฆามืดและได้จัดการทำพื้นที่ว่างเปล่าขึ้นมาแห่งหนึ่ง มู่เฉียนซีได้นำยาเม็ดและยาชนิดน้ำมอบให้แก่เฟิงอวิ๋นซิวไปจำนวนหนึ่ง
“มันยังไม่จบ เจ้าจงนำยาเม็ดไปแบ่งให้แก่พวกเขาเพื่อฟื้นฟูพลัง ข้าจะไปรักษาท่านผู้อาวุโสสูงสุด”
เฟิงอวิ๋นซิวพยักหน้าตอบ “ได้!”
แม้ว่าจะบังคับทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดเข้าสู่ภาวะการแกล้งตาย แต่ถ้าหากไม่รักษาอาการบาดเจ็บบนร่างกายของเขา ถึงต่อให้สามารถช่วยให้เขามีชีวิตกลับมาได้ แต่มันก็จะซ่อนเร้นอาการเจ็บป่วยเอาไว้เป็นภัยในภายหลัง
ซึบ ซึบ ซึบ! มู่เฉียนซีได้ปักเข็มเข้าไปอยู่หลายเข็ม จากนั้นก็ได้เริ่มทำการพันแผลแล้วก็ป้อนยาให้แก่ผู้อาวุโสสูงสุด
นักปรุงยาที่อยู่ด้านข้างได้มองเห็นการเคลื่อนไหวที่ไหลลื่นดั่งสายน้ำของมู่เฉียนซีก็ตกตะลึงเป็นที่สุด
หลังจากที่พวกเขารู้สึกได้ว่ากลิ่นอายของผู้อาวุโสสูงสุดแข็งแกร่งขึ้นมาเรื่อย ๆ นั้น ก็ได้เกิดความเลื่อมใสต่อเด็กสาวผู้นี้
แกร่ง…แข็งแกร่งนัก หัวหน้านักปรุงยาเองก็ยังห่างไกลกับมือคู่นั้นของนางยิ่งนัก
เฟิงอวิ๋นซิวเดินมาที่ข้างกายของมู่เฉียนซีแล้วกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำ “เฉียนซี ผู้อาวุโสสูงสุดจะตื่นขึ้นมาเมื่อใด?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้ว่าจะไม่มีอันตรายถึงแก่ชีวิต แต่อย่างน้อยก็ต้องสักสามวันถึงจะตื่นขึ้นมา”
“พวกเราต่อสู้กับสำนักหุ่นปีศาจมาศึกหนึ่งได้ก่อให้เกิดความเคลื่อนไหวใหญ่โตเช่นนี้ คาดว่าคนของไป๋อู๋ห่ายก็คงกำลังจะเริ่มปฏิบัติการแล้ว ทันทีที่พวกนั้นพบพวกเราเข้า มันก็จะเป็นศึกที่เลวร้ายอีกศึกหนึ่ง เกรงว่ากำลังของพวกเราในตอนนี้จะไม่อาจต้านทานพวกนั้นได้อยู่”
“อืม!” มู่เฉียนซีตอบกลับไปอย่างเบา ๆ และส่งยาให้แก่ชิงอิ่งไปพลาง ๆ
การต่อสู้ในครั้งนี้ชิงอิ่งได้สิ้นเปลืองพลังไปเป็นอย่างมาก จำเป็นที่จะต้องบำรุงเสียหน่อย!
เฟิงอวิ๋นซิวมองดูมู่เฉียนซีที่ไม่มีท่าทีที่จะสนใจแม้แต่น้อย จึงได้กล่าวต่อไป “เป้าหมายของไป๋อู๋ห่ายนั้นคือข้า ข้าอยากให้เจ้าพาผู้อาวุโสสูงสุดแยกทางกับข้าออกไปจากเทือกเขาเมฆามืด”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้น “แยกทาง ได้สิ!”
สีหน้าของเฟิงอวิ๋นซิวเผยแววแห่งความยินดีออกมาบางๆ แต่…
เขามองไปทางมู่เฉียนซีแล้วรู้สึกว่านางตอบรับอย่างสบายเกินไปนัก นี่มันไม่ใช่เรื่องดีอะไร
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าพาผู้อาวุโสสูงสุดจากไป ซวนอีจะสามารถไปปกป้องข้าด้วยได้หรือไม่? อย่างไรเสียข้าก็ไม่อยากที่จะให้ซวนอีต้องไปตายเป็นเพื่อนเจ้า”