เฟิงอวิ๋นซิวตอบตกลงโดยไม่พูดพร่ำอะไร “ได้ ข้าจะให้ซวนอีคุ้มกันพวกเจ้าออกไป”
เฟิงอวิ๋นซิวตอบว่าได้ แต่หากซวนอีผู้เป็นสุนัขที่ซื่อสัตย์จะตอบตกลงได้นั่นก็เป็นเรื่องแปลกแล้ว
ปัง! ซวนอีได้คุกเข่าลงต่อหน้าเฟิงอวิ๋นซิวในทันใด
“ข้าน้อยจะอยู่เพื่อปกป้องนายน้อย จะไม่ไปไหนอย่างแน่นอน”
เขารู้สถานการณ์ในตอนนี้ดีว่ามันเลวร้ายต่อพวกเขาขนาดไหน และนายน้อยของเขาตกที่นั่งลำบากถึงเพียงใด
“ซวนอี!” น้ำเสียงของเฟิงอวิ๋นซิวขรึมไปในทันที
“ถ้าหากนายน้อยต้องการให้ข้าจากไป เช่นนั้นซวนอีก็เหลือความตายเพียงหนทางเดียวเท่านั้นแล้ว”
“เฉียนซี!” เฟิงอวิ๋นซิวมองไปยังมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าดูสิ ซวนอีไม่ตอบตกลง เช่นนั้นข้าเองก็ไม่ไปแล้ว”
“เจ้ามีไพ่ตายที่คอยปกป้องชีวิต แต่สิ่งที่มีคุณสมบัติฝืนลิขิตฟ้าเช่นนั้นก็ไม่สามารถใช้ได้ร่ำไป ข้าไม่อยากให้เจ้าตกอยู่ในความอันตราย” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างจนปัญญา
ลำแสงสีฟ้านั้นแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่มันจะต้องมีขีดจำกัดอยู่อย่างแน่นอน
มู่เฉียนซีเองก็กล่าว “เจ้าใช้เคล็ดวิชาลับเพิ่มพลังความสามารถ มันเองก็คงมีขีดจำกัดเหมือนกันกระมัง! เจ้าสบายใจที่จะให้ตนเองไปเผชิญอันตราย? เจ้ายังไม่ได้หาสิ่งที่เจ้าต้องการหาให้แก่คนในใจของเจ้าพบเลย! เจ้าจะมาตายไปเร็วนักไม่ได้”
“หากยังหากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไม่พบข้าจะไม่ตายอย่างแน่นอน!” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างแน่วแน่
“หึหึหึ! นายน้อยอวิ๋นซิว ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเจ้าไปเอาความมั่นใจเช่นนั้นมาแต่ใด แต่วันนี้เจ้าจะต้องตายไปอย่างไม่ต้องสงสัย!” เสียงอันชั่วร้ายเสียงหนึ่งดังลอยมา
ที่รอบด้านนั้นได้ถูกกลิ่นอายอันแข็งแกร่งหลายสิบกลิ่นอายตีวงล้อมเอาไว้แล้ว คนเหล่านี้มาถึงเร็วกว่าที่คิดเอาไว้
มู่เฉียนซีผายมือแล้วกล่าว “ตอนนี้ไม่ต้องเถียงกันแล้ว พวกเราล้วนแต่หนีไม่รอดแล้ว!”
ผู้มาเยือนนั้นล้วนแต่ปิดบังใบหน้าของตนเองเอาไว้ เฟิงอวิ๋นซิวมองไปยังชายชราผู้เป็นหัวหน้าที่ใส่ชุดคลุมสีเหลืองนั้นแล้วกล่าว “ผู้อาวุโสอู้ซาน นึกไม่ถึงเลยว่าผู้ที่มาที่นี่จะเป็นเจ้า!”
อู้ซานมองไปยังผู้อาวุโสสูงสุดที่หลับใหลไม่ได้สติ เขายิ้มแล้วกล่าว “สำนักหุ่นปีศาจไม่ได้ทำให้ข้าผิดหวังดั่งที่นึกไว้จริงเชียว! ถึงกับทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดบาดเจ็บสาหัสจนถึงขั้นนี้ ครานี้การจัดการกับนายน้อยอวิ๋นซิวก็จะง่ายดายยิ่งขึ้นนัก”
ดวงตาของเฟิงอวิ๋นซิวได้สาดประกายอันเย็นยะเยือกออกมา “เจ้าคิดว่ามันจะง่ายดายเช่นนั้นจริง ๆ หรือ?”
ทันใดนั้นจิตสังหารอันเย็นยะเยือกก็ได้แผ่ซ่านออกมา แล้วทั้งสองฝ่ายก็เริ่มลงมือฆ่าฟันกัน
ในตอนนี้นักปรุงยาเหล่านั้นของตำหนักโอสถได้กระโดดออกมาแล้วกล่าวขึ้น “ผู้อาวุโสอู้ซาน พวกเราเป็นนักปรุงยาของตำหนักโอสถ พวกเรา…หัวหน้านักปรุงยาได้สัญญากับพวกเราเอาไว้ว่าเรื่องในครั้งนี้…”
ผู้อาวุโสอู้ซานกล่าว “สิ่งที่หัวหน้านักปรุงยามอบหมายให้พวกเจ้าทำ แต่พวกเจ้านั้นกลับทำไม่สำเร็จ”
นักปรุงยาเหล่านี้กล่าว “นายน้อยอวิ๋นซิวคอยระวังตัวอยู่ตลอดเวลา ซึ่งนั่นไม่ได้มีเวลาให้พวกเราลงมือเลย และถึงต่อให้พวกเราไม่ได้ลงมือ แต่ด้วยพลังความสามารถของผู้อาวุโสอู้ซานแล้วก็เพียงพอที่จะประมือกับนายน้อยอวิ๋นซิวไม่ใช่หรือ? ขอให้ผู้อาวุโสอู้ซานไว้ชีวิตพวกเราด้วยเถอะ!”
“พวกเจ้าไสหัวออกมาเถอะ!” ผู้อาวุโสอู้ซานคิดที่จะปล่อยพวกเขาไปจริง ๆ อย่างไรเสียก็ได้รับการฝากฝังมาจากทั้งทางเจ้าตำหนักและหัวหน้านักปรุงยา!
นักปรุงยานั้นเป็นสิ่งที่หาได้ยากยิ่ง ผู้ที่สามารถปรุงยาจนได้เป็นยอดปรมาจารย์นักปรุงยานั้นมีอยู่น้อยเหลือเกิน พวกเขาจะไม่ยอมสิ้นเปลืองทรัพยากรด้วยการฆ่าทิ้งไปอย่างแน่นอน ยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ยังเป็นคนของพวกเขาอีก
“บ้าจริง!” นักปรุงยาเหล่านี้ได้กลับลำเสียแล้ว ทำให้สีหน้าของคนอื่น ๆ นั้นแย่ลงไปกว่าเดิมอีก
ผู้อาวุโสอู้ซานกล่าว “เอาละ ในตอนนี้สามารถ…”
ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบ เงาร่างสีเขียวเงาหนึ่งก็ได้พุ่งไปทางเขา นิ้วมือที่เห็นข้อต่อของกระดูกอย่างชัดเจนนั้นได้ตบกวาดไปทางลำคอของผู้อาวุโสอู้ซาน!
ผู้ที่ลงมือนั้นก็คือชิงอิ่ง!
จะจับโจรก็ต้องจับหัวหน้ามันก่อน ฆ่าผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดเสียก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกที
“เจ้า…” ดวงตาของผู้อาวุโสอู้ซานพลันหรี่เล็กลง เขาเองก็นึกไม่ถึงว่าฝ่ายตรงข้ามจะซุ่มซ่อนยอดฝีมือเช่นนี้เอาไว้
เขาหลบหลีกไปอย่างลำบากและได้แผ่ซ่านพลังอันไพศาลออกมาพร้อมประมือกับชิงอิ่ง!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ผู้อาวุโสอู้ซานลงมือแล้ว คนอื่น ๆ เองก็ได้ล้อมเข้ามา
“ฆ่า!” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวออกมาคำหนึ่งอย่างดุร้าย
ตูม! หลังจากที่ได้สู้กับสำนักหุ่นปีศาจเป็นการใหญ่ไปแล้วถึงสองหน พวกเขาก็ได้สู้กับพวกที่มีที่มาเดียวกันกับพวกเขาเองเข้าอีก ซึ่งก็คือคนของตำหนักตงจี๋
บึ้ม!
ฤทธิ์ของโอสถที่เพิ่มพลังความสามารถของมู่เฉียนซีนั้นได้หมดไปแล้ว และบัดนี้มันก็ได้คืนกลับไปสู่สภาพเดิม จึงทำได้แต่ต้องพึ่งพาการปกป้องของอู๋ตี้และเสี่ยวหงเพียงอย่างเดียวแล้ว
โชคดีที่คนเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋ไม่ได้สังเกตถึงนางที่เป็นระดับจักรพรรดิ จึงนับว่าปลอดภัยได้เป็นการชั่วคราว
ที่แนวหลังการต่อสู้ของพวกเขา เหล่านักปรุงยาที่กลับลำพวกนั้นก็ได้กระโดดออกมาพลัน
ปัก ปัก ปัก!
พวกเขาไม่ได้เข้าต่อยตี แต่ได้สาดผงพิษนานาชนิดออกมา โดยมีทั้งกระสุนพิษและยาพิษมากมาย
“แค่ก แค่ก แค่ก!”
“พวกเจ้ารนหาที่ตาย!”
“……”
นักปรุงยาเหล่านี้ได้แทงลูกศรอันเย็นเฉียบเข้าที่ด้านหลังพวกเขา นี่เป็นเรื่องที่ผู้อาวุโสอู้ซานนึกไม่ถึงอย่างแน่นอน
เห็น ๆ กันอยู่ว่าคนเหล่านี้นั้นซื่อสัตย์ต่อหัวหน้านักปรุงยาอย่างหาสิ่งใดเปรียบได้ แต่พวกเขาก็รักตัวกลัวตาย เหตุใดจึงได้ก่อเรื่องเช่นนี้ขึ้นมาได้?
“พวกเจ้ารู้หรือไม่ว่าพวกเจ้ากำลังทำอะไร? ถึงต่อให้พวกเจ้าเป็นยอดปรมาจารย์นักปรุงยา วันนี้พวกเจ้าก็ต้องตายอยู่กับเฟิงอวิ๋นซิวที่นี่” ผู้อาวุโสอู้ซานกล่าวอย่างชั่วร้าย
นักปรุงยาเหล่านั้นเองก็จนปัญญา พวกเขาเองก็จำเป็นที่จะต้องทำเช่นนี้
พวกเขานั้นกลัวตาย แต่ทว่ายาที่สาวน้อยผู้นั้นวางใส่พวกเขานั้นสามารถที่จะทำให้พวกเขาอยู่แบบทรมานอย่างไม่สู้ตายได้!
พิษที่นักปรุงยาวางใส่พวกเขานั้นเป็นพิษที่มู่เฉียนซีปรุงขึ้นมา ทันใดนั้นจึงทำให้พวกผู้อาวุโสอู้ซานได้รับความลำบากไปอยู่ไม่น้อย
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น คนอื่น ๆ ที่ป้องกันได้ทันมันก็ไม่ได้ผล!
ปัก ปัก ปัก!
แม้จะลดความกดดันไปได้ส่วนหนึ่ง แต่เท่านั้นมันก็ยังไม่เพียงพอเลยแม้แต่น้อย!
เฟิงอวิ๋นซิวตกอยู่ในการต่อสู้อันเลวร้าย ส่วนคนอื่น ๆ ก็ได้ฝ่าทะลุวงป้องกันของอู๋ตี้กับเสี่ยวหงเข้ามาและลงมือกับมู่เฉียนซี!
“บัวแดงพิฆาต!” ดอกบัวสีแดงฉานได้ระเบิดออก
ทักษะวิญญาณอันแข็งแกร่งนี้ทำให้คนอื่น ๆ สังเกตเข้าแล้ว ต่อจากนี้ผู้ที่มาเยือนเหล่านั้นจะไม่ดูแคลนมู่เฉียนซีอีกต่อไปแล้ว ซึ่งมันก็ทำให้ความกดดันของมู่เฉียนซีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
ยาโชคลาภตี้หลินเหลือแค่เพียงหนึ่งเม็ดสุดท้ายแล้ว นางมีโอกาสที่จะเพิ่มพลังขึ้นเป็นระดับมหาจักรพรรดิเพียงครั้งเดียวเท่านั้น
พลังความสามารถของผู้อาวุโสอู้ซานนั้นยังด้อยกว่าผู้อาวุโสสูงสุดอยู่เล็กน้อย แม้ว่าชิงอิ่งจะสิ้นเปลืองพลังไปกับราชาหุ่นไม่น้อย แต่ก็ยังคงสามารถกดดันเขาเอาไว้ได้ดั่งเคย
เขาสบถออกมา “บุรุษชุดสีเขียวที่ใส่หน้ากากผู้นี้มันเป็นตัวประหลาดอะไรกัน”
เขาไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าที่แดนตะวันออกนั้นมีผู้แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่
“ก็ทำได้เพียงเช่นนี้แหละ!” เขากัดฟันกล่าวกับตนเอง ทันใดนั้นพลังสีดำพลังหนึ่งได้ไหลออกมาจากร่างของเขา พลังนี้มันไม่เหมือนกับพลังวิญญาณ
พลังอันมืดมิดนั้นได้ห่อหุ้มชิงอิ่งเอาไว้!
บึ้ม! ไม่ว่าชิงอิ่งจะใช้พลังระเบิดมันอย่างไรก็กลับไม่สามารถระเบิดมันออกได้
ผู้อาวุโสอู้ซานกล่าว “ข้าจะไปจัดการกับไอ้หนูเฟิงอวิ๋นซิวก่อน จากนั้นค่อยกลับมาจัดการกับเจ้า!”
เฟิงอวิ๋นซิวนั่นสิถึงจะเป็นเป้าหมายในภารกิจของพวกเขา จัดการให้เสร็จสิ้นให้ไวเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาไปมากกว่านี้
ผู้อาวุโสอู้ซานได้เข้ามาใกล้เฟิงอวิ๋นซิว ทันทีที่เขาออกกระบวนท่ามันก็เป็นการโจมตีที่ถึงแก่ชีวิต!
“นายน้อย!” ซวนอีได้ยิงลูกศรออกไปหนึ่งดอก มุ่งพิฆาตฆ่าไปทางผู้อาวุโสอู้ซาน ส่วนเฟิงอวิ๋นซิวนั้นก็ยังคงถูกทำให้บาดเจ็บอย่างหนักไปอยู่ดี!
“ไสหัวไป!” ผู้อาวุโสอู้ซานได้ตบซวนอีที่ขวางทางออกไปในฝ่ามือเดียว
ปัง! ร่างของซวนอีกระเด็นออกไปหลายสิบมี่ ส่วนผู้อาวุโสอู้ซานก็ได้ไล่ติดตามเฟิงอวิ๋นซิวไป
เงาร่างสีม่วงเงาหนึ่งได้พุ่งตัดผ่านกลางอากาศมา พลังวิญญาณธาตุน้ำได้โคจรอยู่รอบเงาร่างนั้นอย่างบ้าคลั่ง มันได้ก่อตัวเป็นวังน้ำวน
“ทักษะโยวหลัว!”
ตูม! การโจมตีนี้ของมู่เฉียนซีตกลงบนที่ร่างกายของผู้อาวุโสอู้ซาน
สำหรับผู้บำเพ็ญภูตที่ต่ำกว่าระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หกนั้นนางสามารถที่จะทำให้ถึงขั้นบาดเจ็บสาหัสได้ แต่เจ้าหมอนี่กลับเป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เก้าเต็มขั้น
การโจมตีนี้จึงทำได้แต่เพียงทำให้ผู้อาวุโสอู้ซานหยุดชะงักไปครู่หนึ่งก็แค่เท่านั้น
สีหน้าของเขาได้เปลี่ยนเป็นเย็นชาอย่างหาสิ่งใดเปรียบมิได้ “สาวน้อยจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งกลับกล้าที่จะเข้ามาขัดขวาง ไปตายเสียเถอะ!”