สำหรับความสัมพันธ์ของมู่เฉียนซีกับหอปี้ลั่วนั้น เฟิงอวิ๋นซิวก็ไม่ได้ถามอะไรมากนัก
เขาเอ่ยปากกล่าวขอบคุณ “ครั้งนี้ข้าต้องขอบคุณเจ้ามากจริง ๆ มิเช่นนั้นพวกข้าคงเป็นอันตรายไปแล้ว”
“ตราบใดที่ยังกลับไปไม่ถึงตำหนักตงจี๋ก็ยังไม่นับว่าเราจะปลอดภัย รีบเดินทางเถอะ อาการบาดเจ็บของท่านผู้อาวุโสสูงสุดยังต้องการการพักฟื้น!”
พวกเขาออกมาจากเทือกเขาเมฆามืดได้อย่างปลอดภัย และไม่ได้พบกับการลอบโจมตีอีกแต่อย่างใด
ก็ไม่รู้เป็นเพราะว่าจื่อโยวจัดการไปราบคาบแล้วหรือว่าไป๋อู๋ห่ายจะมั่นใจว่าตนเองชนะแน่นอนก็เลยไม่ได้ส่งคนมาเพิ่ม
เนื่องจากคนที่ได้รับบาดเจ็บนั้นมีจำนวนเยอะมาก มู่เฉียนซีจึงให้พวกเขาเข้าไปรักษาในหอหมอปีศาจ
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “นายน้อยอวิ๋นซิว ถึงแม้ว่าพวกเราจะต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กัน แต่ค่ารักษานี้ข้าก็ต้องเก็บนะ”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ไม่มีปัญหา ขอเพียงแค่หอหมอปีศาจรักษาพวกเขาให้หายก็พอ”
อย่างน้อยพวกเขาก็ได้เรื่องกว่าหัวหน้านักปรุงยาของตำหนักตงจี๋มาก
“เจ้าว่ายังไงนะ! เฟิงอวิ๋นซิวกลับเมืองตงจี๋ได้อย่างปลอดภัยอย่างนั้นเหรอ มันจะเป็นไปได้ยังไง?” เมื่อไป๋อู๋ห่ายรู้ข่าวนี้ก็โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านหัวหน้าตำหนัก ข่าวนี้ไม่ผิดแน่นอน นายน้อยอวิ๋นซิวกลับมาแล้วจริง ๆ ขอรับ”
“นึกไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสอู้ซานก็ทำอะไรพวกมันไม่ได้!”
ผู้อาวุโสอู้ซานไม่ใช่คนของเขา ทว่า ความสามารถของผู้อาวุโสอู้ซานนั้น เขารู้ดีว่าเก่งกาจเพียงใด
“แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ใด?” ในเมืองตงจี๋นั้นไม่ง่ายเลยที่จะลงมือ แต่เขาก็ไม่อยากพลาดโอกาสดี ๆ เช่นนี้ไป
“อยู่ที่หอหมอปีศาจขอรับ!”
“หอหมอปีศาจ หอยาเล็ก ๆ หอหนึ่ง นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าตั้งตนเป็นศัตรูกับข้า เช่นนั้นก็ทำลายพวกมันไปพร้อมกันนั่นแหละ”
“ขอรับ!”
เฟิงอวิ๋นซิวก็รู้ดี ต่อให้พวกเขาจะกลับมาได้อย่างปลอดภัย แต่ไป๋อู๋ห่ายก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน เขาจึงให้ซวนอีเตรียมพร้อมรับมือการต่อสู้
มู่เฉียนซีกล่าว “ซวนอี เจ้านั่งลงเดี๋ยวนี้ แผลเจ้ายังไม่หายดีเลย! เจ้าจะกระโดดโลดเต้นไปทำไม?”
“แต่นายน้อยมีคำสั่ง!” ซวนอีกล่าว
“ต่อให้มือของไป๋อู๋ห่ายจะยาวแค่ไหน ก็ไม่มีทางยื่นมาถึงหอหมอปีศาจของข้าได้หรอก รอให้อาการของเจ้าดีขึ้นก่อนแล้วค่อยฟังคำสั่งของนายน้อยเจ้า แต่ตอนนี้เจ้าเป็นคนป่วย ต้องฟังท่านหมอเท่านั้น”
“ตำหนักตงจี๋เป็นกองกำลังระดับสาม แต่หอยาของเจ้าไม่ใช่กองกำลังแต่อย่างใด”
“วางใจเถอะ! หากว่าเขากล้าส่งคนมาจริง ๆ ข้าก็จะทำให้พวกมันจากไปอย่างไม่มีวันได้หวนกลับคืน”
ในคืนเดียวกันที่พวกเขากลับมาถึงหอหมอปีศาจ ก็มีกลิ่นอายแห่งจิตสังหารพุ่งเข้ามา แม้แต่เฟิงอวิ๋นซิวและพวกที่ได้รับบาดเจ็บไม่น้อยก็มีการเตรียมพร้อมป้องกันเอาไว้แล้ว
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เมื่อมีคนบุกเข้ามา อาวุธลับของหอหมอปีศาจก็เริ่มต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญเหล่านี้อย่างรุนแรง
ปัง ปัง ตุบ! ผู้ที่พลังวิญญาณไม่ถึงขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงล้วนแต่ถูกอาวุธลับเหล่านี้โจมตีจนร่างล้มลงไปกับพื้น
ส่วนมหาจักรพรรดิระดับสูง ไม่ใช่ได้รับบาดเจ็บแต่ตกใจจนเผ่นกลับไปแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นพิษกับอาวุธลับที่ร้ายกาจถึงเพียงนี้ ช่างทำให้พวกเขาป้องกันไม่อยู่จริง ๆ
ไม่นานนัก ร่างชุดดำหลายร่างก็บุกเข้ามา ในขณะที่เหล่าองครักษ์ซวนเตรียมพร้อมที่จะลงมือ พวกเขากลับคุกเข่าลงตรงหน้ามู่เฉียนซี “ท่านผู้นำตระกูล คนเหล่านั้นถอยหนีไปหมดแล้วขอรับ ส่วนพวกที่เหลือทั้งหมดได้นำตัวไปขังในคุกใต้ดินแล้วขอรับ”
มู่เฉียนซีกล่าว “อวิ๋นซิว เจ้าจะไปดูสักหน่อยหรือไม่?”
ซวนอีกับเฟิงอวิ๋นซิวล้วนแต่ตกตะลึงพรึงเพริด ไป๋อู๋ห่ายส่งนักฆ่ามาแล้วนางก็จัดการไปได้อย่างง่ายดายเช่นนี้เลยเหรอ
ถึงแม้ว่าหอหมอปีศาจจะไม่ได้เป็นกองกำลังที่มีระดับ แต่ก็สามารถทำให้ผู้คนหวาดกลัวได้
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ไม่เป็นไร รอให้ข้าหายดีแล้ว ข้าจะนำตัวพวกเขากลับไปได้หรือไม่?”
มู่เฉียนซีตอบ “ได้สิ! แต่ทุกคนก็ต้องจ่ายเงินนะ”
“ไม่มีปัญหา” เห็นได้ชัดว่านายน้อยอวิ๋นซิวนั้นใจกว้างมาก
ซวนอีพึมพำ “ในสายตาของเจ้าก็มีแต่เรื่องเงิน”
“ต่อไปหากไป๋อู๋ห่ายส่งคนเหล่านี้มาอีกก็ดี”
มุมปากของเฟิงอวิ๋นซิวกระตุกขึ้น หากไป๋อู๋ห่ายรู้ความคิดของนาง เกรงว่าคงจะโกรธจนกระอักเลือดเป็นแน่
“ว่ายังไงนะ พ่ายแพ้อย่างนั้นเหรอ!” เมื่อไป๋อู๋ห่ายรู้เข้าก็ตกตะลึงขึ้น
เป็นแค่หอยาที่ไม่ได้มีอันดับอะไรหอหนึ่ง นึกไม่ถึงว่าจะขวางกลุ่มนักฆ่ายอดมือสังหารของเขาได้ ช่างน่ากลัวยิ่งนัก
“ท่านหัวหน้าตำหนัก ภายในหอหมอปีศาจได้ติดตั้งอาวุธลับและพิษเอาไว้ขอรับ เข้าไปโจมตีได้ยากมาก พวกเราพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วขอรับ”
ถึงแม้ว่าจะหนีรอดกลับมาได้ แต่สีหน้าของพวกเขากลับยิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ
“ท่านหัวหน้าตำหนัก หอหมอปีศาจนี้ เกรงว่าจะให้พวกมันพัฒนาต่อไปไม่ได้อีกแล้วละขอรับ มิเช่นนั้นมันต้องรับมือได้ยากยิ่งกว่าสำนักหุ่นปีศาจเป็นแน่” ผู้อาวุโสท่านหนึ่งที่อยู่ในตำหนักกล่าวขึ้น
“ข้าจะไปที่หอหมอปีศาจด้วยตัวข้าเองสักครั้ง ข้าก็อยากจะรู้นักว่าหอหมอปีศาจมันจะเก่งกาจสักเพียงใด”
พลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าแผ่ซ่านออกไปทั่วทั้งเมืองตงจี๋
คนส่วนใหญ่ในเมืองตงจี๋นั้นล้วนแต่คุ้นเคยกับพลังนี้มาก “พลังของท่านหัวหน้าตำหนักตงจี๋!”
“ผู้ใดกันที่ทำให้ท่านหัวหน้าหนักโกรธเกรี้ยวได้ถึงเพียงนี้!”
“……”
ครั้นแล้ว ไป๋อู๋ห่ายก็พรวดพราดมาที่หอหมอปีศาจเช่นนี้ เฟิงอวิ๋นซิวและมู่เฉียนซีก็รับรู้ได้แล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ข้านึกว่าไป๋อู๋ห่ายจะทำเงินให้ข้าได้อีกสักหน่อย นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาด้วยตัวเองเช่นนี้ ถึงแม้ว่าเขาจะเจ้าเล่ห์ เล่ห์เหลี่ยมแพรวพราว แต่ก็ไม่ได้จับตัวยากถึงเพียงนั้น”
“ชิงอิ่ง ต้องกวนเจ้าอีกครั้งแล้ว”
ความจริงแล้วหอหมอปีศาจของพวกเขานั้นไม่มียอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิระดับเก้าอยู่เลย แต่ก็มีชิงอิ่งอยู่ไม่ใช่หรือ!
ร่างของชิงอิ่งเคลื่อนไหวไป หลังจากที่ชิงอิ่งพรวดออกไปก็ได้สู้รบปรบมือกับไป๋อู๋ห่ายทันที
อู๋ไป๋ห่ายถูกโจมตีจนตั้งตัวรับไม่ทัน เขาขมวดคิ้วพลางกล่าว “นี่คือมารยาทในการต้อนรับแขกของหอหมอปีศาจหรอกรึ ไปตามหัวหน้าหอของพวกเจ้าออกมาพบข้าเดี๋ยวนี้!”
“ไสหัวไปซะ!” ชิงอิ่งพ่นคำพูดนี้ออกมาอย่างแน่นิ่งไร้ซึ่งความหวาดกลัวใด ๆ จากนั้นก็ลงมือโจมตีไป๋อู๋ห่ายอีกครั้ง
ไป๋อู๋ห่ายโกรธเกรี้ยวขึ้น “ในเมื่อพวกเจ้าไร้เหตุผล เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจล่ะ!”
ตูม! กลางอากาศที่อยู่เหนือหอหมอปีศาจในตอนนี้ได้เกิดเสียงระเบิดตูมตามขึ้นจากการต่อสู้ของทั้งสอง!
“นึกไม่ถึงเลยว่าหอหมอปีศาจจะล่วงเกินตำหนักตงจี๋เข้าแล้ว!”
“แถมยังเกิดการสู้รบขึ้นแล้วด้วย นั่น ดูนั่น คนชุดเขียวผู้นั้นที่ต่อสู้กับท่านหัวหน้าตำหนัก ช่างเก่งกาจยิ่งนัก!”
“ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยว่าในแดนตะวันออกจะมียอดฝีมือเช่นนี้ด้วย”
“หอหมอปีศาจต้องซวยเป็นแน่”
การต่อสู้ของทั้งสองนั้นได้ดึงดูดความสนใจของคนในเมืองตงจี๋ไม่น้อยเลย
ไป๋อู๋ห่ายเองก็ตกใจเช่นกัน ก่อนหน้านี้ที่เขายังไม่ได้ใช้ไพ่เด็ดทั้งหมดของเขานั้น เขารับมือกับคนผู้นี้ไม่ได้เลย
ทว่า เพื่อหอหมอปีศาจหอยาเล็ก ๆ เช่นนี้ เขาไม่อยากจะใช้ไพ่เด็ดของเขาเลย
“ข้าไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใด ข้าก็แค่อยากเจอหัวหน้าหอหมอปีศาจเท่านั้น หรือว่าหมอปีศาจไม่กล้าเผชิญหน้าเจอผู้คนอย่างนั้นเหรอ?”
ชิงอิ่งยังคงโจมตีเขาอย่างไม่เลิกราราวกับไม่ได้ยินคำพูดของเขาก็มิปาน!
ไป๋อู๋ห่ายโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก เจ้าหมอนี่หูหนวกหรืออย่างไร!
การต่อสู้ยังคงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง หากพวกเขายังต่อสู้ต่อไปเช่นนี้ เกรงว่าต่อสู้ไปจนฟ้าสางก็คงไม่รู้ผล
มู่เฉียนซีเดินไปถึงชั้นบนสุดของหอหมอปีศาจ จวินโม่ซีกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “สาวน้อยอย่างเจ้านี่นะ ช่างหาเรื่องวุ่นวายได้ไม่หยุดไม่หย่อนจริง ๆ! แล้วนี่คิดจะทำเช่นไรล่ะ จะแปลงกายเป็นเจ้านั่นแล้วออกไปเจอเขาหรือไม่ ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่จำเป็น ยิ่งลึกลับมากเท่าไหร่ก็ยิ่งดี! เขาอยากเจอข้า ข้าไม่มีทางให้เขาเจอหรอก”
มู่เฉียนซีเริ่มรวบรวมพลังวิญญาณทั้งหมดของตัวเองขึ้น พลังวิญญาณอันกดขี่ข่มเหงนั้นทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าของจวินโม่ซีแข็งทื่อขึ้น เขากล่าว “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าสาวน้อยอย่างเจ้ามันกินสิ่งใดเข้าไปถึงได้เติบโตมาเช่นนี้ พลังวิญญาณถึงได้วิปริตถึงเพียงนี้”