จวินโม่ซีรู้สึกว่าจิตสังหารของเจ้าหนูหน้าตุ๊กตาผู้นี้ที่ออกมาช่างแปลกประหลาดนัก เขาจึงได้เผยอาการที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมเสียยิ่งกว่าโต้วเอ๋อร์แล้วกล่าวขึ้น “ข้าดูแคลนสาวน้อย? เป็นนางที่ดูแคลนข้าสิยังพอว่า”
“ความดูแคลนทางคำพูดก็เป็นการดูแคลน”
“ทางคำพูด!” จวินโม่ซีนั้นไม่รู้ว่าได้พูดผิดไปประโยคไหน
“เจ้าว่าให้เจ้าได้กินอิ่มสักมื้อหนึ่ง ในตอนที่จื่อโยวกำลังดูแคลนสตรีเพศก็มักจะกล่าวเช่นนี้ เจ้ากล้าที่จะไม่ยอมรับหรือ?”
จวินโม่ซีแทบจะกระอักเลือดออกมาในทันที นี่มันเรื่องอะไรกับอะไรกัน
“พรวด!” มู่เฉียนซีกลั้นเอาไว้ไม่อยู่แล้วจริง ๆ
โลกของเจ้าตะกละนั้นไม่เหมือนกันกับโลกของพวกผีหื่น ปรากฏว่าซิงเฉินที่น่ารักกลับ…
บัดนี้จื่อโยวที่อยู่ด้านข้างนั้นมีสีหน้าที่มืดครึ้ม “ซิงเฉิน สรุปแล้วเจ้าไปลอบฟังเรื่องที่ไม่ควรจะได้ยินที่มุมกำแพงมีมากน้อยเท่าไรแล้ว?”
ซิงเฉินกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้เดียงสา “อันนี้ก็นับไม่ค่อยจะถูกแล้ว ใครใช้ให้เจ้าไม่ตั้งใจทำอะไรให้ดีมาแต่ไหนแต่ไรเล่าจื่อโยว ก็แค่ชอบสตรีเพศ ถ้าหากว่าข้าไม่คอยเฝ้าดูเจ้าเอาไว้เจ้าจะยิ่งทำอะไรให้มันมากเกินไปกว่านั้นเป็นแน่”
จื่อโยวนั้นแทบจะระเบิดออกมาแล้ว “เป็นใครกันแน่ที่มันจะมากเกินไปแล้ว ซิงเฉิน ข้าคิดว่าข้าควรจะต้องคุยกับเจ้าให้ดีเสียหน่อยแล้ว!”
เมื่อนึกถึงตอนที่ทำธุระอยู่แล้วซิงเฉินนั้นอาจจะมาแอบมองดู ในใจของจื่อโยวก็แทบที่จะแหลกสลาย
พวกเขาทั้งสองได้ถอนตัวออกไปอย่างรวดเร็ว แน่นอนว่ามู่เฉียนซีก็ต้องคว้าตัวจวินโม่ซีเอาไว้ไต่ถามเรื่องราว “เรื่องการกินนั้นไม่มีปัญหา รีบบอกข่าวมาเร็วเข้าเถอะ!”
จวินโม่ซีกล่าวอย่างตื่นเต้น “เจ้าตอบรับแล้วจะคืนคำไม่ได้ เช่นนั้นข้าจะไม่เอาด้วยอย่างแน่นอน!”
“เจ้ารีบบอกข้าเร็ว!” มู่เฉียนซีโกรธเกรี้ยวเข้าแล้ว
“เรื่องมันเป็นเช่นนี้ แดนตะวันออกจะจัดงานประชุมนักปรุงยาที่ร้อยปีจะจัดขึ้นครั้งหนึ่ง หญ้าจิ่วอินหยวนก็คือรางวัลสำหรับอันดับหนึ่งของงานประชุมครั้งนี้”
“เอาสมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์มาเป็นรางวัล ดูทีแล้วผู้จัดงานประชุมนักปรุงยาในครั้งนี้จะใจกว้างเป็นอย่างมาก”
จวินโม่ซีกล่าว “มันไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น เจ้าฟังข้าพูดให้จบก่อนเถอะ!”
“เจ้าพูดต่อ” มู่เฉียนซีกล่าว
“งานประชุมนักปรุงยาในครั้งนี้จะแบ่งเป็นสองสนาม สนามแรกคืออายุภายในหนึ่งร้อยปี ส่วนอีกสนามหนึ่งจะเป็นอายุภายในหนึ่งหมื่นปี”
“เจ้าจะบอกว่าหญ้าจิ่วอินหยวนนั้นผู้ที่ได้อันดับหนึ่งในรอบอายุหมื่นปีถึงจะได้ไป?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“ใช่!” จวินโม่ซีพยักหน้า
พวกเขาทั้งสองนั้นมีทักษะอย่างสูงสุดสำหรับผู้ที่มีอายุรุ่นเดียวกัน
แต่ถ้าหากต้องสู้กับพวกตัวประหลาดเฒ่าเหล่านั้น เช่นนั้นมันก็ไม่ง่ายดายเสียแล้ว
“ถึงต่อให้มีพลังจิตที่เพียงพอ แต่พลังวิญญาณนั้นก็ไม่เพียงพอ!” มู่เฉียนซีค่อนข้างที่จะปวดหัว
หากต้องการชนะ ต้องการได้ที่หนึ่ง ของสูงค่าดั่งขั้นสวรรค์นั้นจะขาดไม่ได้
ด้วยพลังความสามารถของนางในตอนนี้ที่เป็นจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หก แม้ให้กินยาเข้าไปจนอิ่มตายก็ยังไม่สามารถที่จะสกัดออกมาได้
จวินโม่ซีกล่าว “สาวน้อย หรือไม่ก็ให้ข้าไป ตระกูลจวินยังมีวิชาลับที่สามารถจะทำได้”
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางเขาแล้วกล่าว “ตระกูลจวินมีวิชาลับที่สามารถจะเบิกพลังวิญญาณของเจ้าได้ เจ้าแน่ใจว่ามันจะไม่มีผลร้ายอะไรกับเจ้า? ถึงต่อให้มี เจ้าแน่ใจหรือว่ามันจะไม่ถูกผู้อื่นมองออก?”
จวินโม่ซีกล่าว “มีอันตรายก็ไม่ใช่ว่ายังมีเจ้าอยู่มิใช่หรือสาวน้อย? ข้าเชื่อว่าเจ้าสามารถที่จะรักษาข้าให้หายได้ เจ้านั้นเป็นถึงผู้เป็นนายของหม้อเทพนิรันดร์”
“ส่วนการถูกไล่ฆ่านั้นข้าได้ถูกไล่ฆ่าจนเคยชินแล้ว วันคืนที่มั่นคงอยู่ไปก็ไม่ได้มีรสชาติอะไรมากนัก ข้าอยากที่จะถูกตามไล่ฆ่าอีกสักครั้งหนึ่ง”
กลับมีผู้ที่ยังคิดอยากจะถูกตามไล่ฆ่าอีกครั้งหนึ่ง สมองมีปัญหาใช่หรือไม่! มู่เฉียนซีอยากที่จะตบเขาให้ตายไปในทันที
เขากล่าวต่อ “ในเมื่อรู้ข่าวที่อยู่ของหญ้าจิ่วอินหยวนก็จะต้องเอามาให้ได้ เพื่อไม่ให้วันวันเจ้าเอาแต่นึกถึงเจ้าเซี่ยคนงามนั่น”
“ยังเหลือเวลาอีกมากน้อยเท่าใด?” มู่เฉียนซีถามขึ้น
“เจ็ดวัน มีเวลาไม่มากแล้วจริง ๆ” จวินโม่ซีกล่าวตอบ
มู่เฉียนซีกล่าว “ทางที่ดีที่สุดคือเจ้าอยู่ให้มันสงบ ๆ หน่อย อย่าได้ทำอะไรบุ่มบ่าม ข้าไม่รังเกียจที่จะวางยาแล้วจับเจ้ามัดเอาไว้สักหนึ่งเดือน พร้อมกันนั้นก็อนุญาตให้เจ้ากินได้แต่ยาเท่านั้น ส่วนวิธีการที่จะเอาชนะนั้นข้าจะคิดหาหนทางอื่น”
หลังจากพูดจบ มู่เฉียนซีก็ได้พุ่งเข้าไปในห้องปรุงยาของตน
จวินโม่ซีกล่าว “ข้าใช้วิชาลับอย่างน้อยก็มีความมั่นใจที่จะเอาชนะได้ถึงเจ็ดในสิบส่วน นี่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดแล้วสาวน้อย”
มู่เฉียนซีได้อัญเชิญชิงมู่ออกมาเพื่อปรึกษา “ชิงมู่ เจ้ามีหนทางหรือไม่?”
ชิงมู่กล่าว “นายท่านยังมียาโชคลาภตี้หลินเม็ดสุดท้ายอีกเม็ดหนึ่ง กินยาโชคลาภตี้หลินเข้าไปพลังความสามารถก็จะไปถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งได้ แต่ถึงต่อให้เป็นพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งก็ยังไม่เพียงพอที่จะสกัดยาเม็ดขั้นสวรรค์ที่มีคุณภาพสูงและสมบูรณ์ออกมาได้”
“ถึงแม้ว่าพลังวิญญาณในโลกทั้งสี่ทิศจะไม่เพียงพอ แต่พลังความสามารถของนักปรุงยาที่นี่ก็ไม่สูงนัก ทว่าระยะเวลาหมื่นปี ผู้ที่สามารถจะสกัดยาเม็ดขั้นสวรรค์ที่มีคุณภาพสูงออกมาได้ก็มีอยู่ไม่น้อย
ภายใต้สถานการณ์ปกติพวกเจ้าเฒ่าเช่นนั้นจะไม่ออกไปร่วมการแข่งขันปรุงยาครั้งใหญ่เช่นนี้
แต่ทันทีที่ข่าวของสมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์ถูกปล่อยออกไป พวกเจ้าเฒ่าประหลาดพวกนั้นที่เหลือแค่เพียงลมหายใจอึดเดียวก็ล้วนแต่จะมาเข้าร่วมการแข่งขัน
การแข่งขันจะดุเดือดยิ่งนัก!
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยความผิดหวังอยู่บ้าง “ไม่มีหนทางอื่นแล้วจริง ๆ เหรอ?”
“แน่นอนว่าสำหรับผู้อื่นคงไร้ซึ่งหนทาง แต่ถ้าหากเป็นนายท่านละก็…”
ยังไม่ทันที่ชิงมู่จะกล่าวจบ เสียงคนผู้หนึ่งที่เมื่อได้ฟังแล้วก็รู้สึกเหมือนจะตั้งครรภ์และแฝงไปด้วยความมืดมิดนั้นก็ได้ลอยมา
“ที่รัก เจ้าคิดถึงข้าใช่หรือไม่? ข้าเองก็คิดถึงเจ้าเป็นอย่างมาก คิดถึงเสียจนหัวใจของข้าชักกระตุก กินไม่ได้นอนไม่หลับ…”
เมื่อนายท่านของตนตื่นขึ้นมาแล้ว ชิงมู่ก็ได้ถอยออกไปโดยไม่พูดกล่าวอะไร
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้น “นิรันดร์ ข้าดูแล้วเจ้าจะหลับไปได้ดีนัก นานเช่นนี้เพิ่งจะตื่นขึ้นมา”
เมื่อหม้อศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ตื่นขึ้นมามู่เฉียนซีเองก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง ในด้านอื่น ๆ เจ้าหมอนี่ไม่ค่อยจะน่าเชื่อถือนัก แต่ในเรื่องของการปรุงยาก็ยังนับว่าพึ่งพาได้
“หัวใจดวงน้อย เหตุใดเจ้าจึงสงสัยในรักที่ข้ามีต่อเจ้า! ความรักที่ข้ามีต่อเจ้านั้นฟ้าดินสามารถรับรู้ได้…”
ใบหน้าของมู่เฉียนซีมืดครึ้ม นางทนฟังต่อไปไม่ไหวแล้วจริง ๆ
“สำนวนคำหวานเหล่านี้ของเจ้า เก็บเอาไว้ใช้ตอนที่เจ้าได้ฟื้นร่างเป็นมนุษย์และฟื้นพลังความสามารถแล้วไปหาผู้ที่เจ้ารู้จักกันเมื่อก่อนหน้าแล้วพูดเอาเถอะ! เจ้ามาพูดต่อหน้าข้า ข้าแทบจะอ้วกออกมาแล้ว”
“ฮือฮือฮือ หวานใจตัวน้อย เจ้าทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร ข้านั้นจริงใจนะ” เสียงอันไพเราะนั้นแฝงไปด้วยการร้องไห้บาง ๆ
มู่เฉียนซีกล่าว “เลิกไร้สาระได้แล้ว เข้าร่วมการแข่งขันนักปรุงยาขั้นอายุในหมื่นปี อีกทั้งยังต้องคว้าอันดับหนึ่ง เจ้ามีหนทางหรือไม่?”
“สาวน้อย ปีนี้เจ้าเพิ่งอายุสิบเจ็ดปี ต้องการที่จะไปแข่งการปรุงยากับเจ้าพวกที่อายุเป็นพันจวนใกล้หมื่นปีนั้นช่างยากที่จะเอาชนะได้จริง ๆ ข้านั้นปวดใจนัก หรือเจ้าจะไปเข้าร่วมการแข่งขั้นนักปรุงยาครั้งใหญ่ในรอบอายุร้อยปี เจ้าคนงามเซี่ยนั่นหลับไหลต่อไปอีกสองสามพันปีก็ไม่ตายหรอก”
“สวะเซี่ยตื่นขึ้นมาได้เร็วข้าก็ยิ่งสบายใจได้เร็ว ข้าจะไม่ปล่อยมือจากหญ้าจิ่วอินหยวนไปอย่างแน่นอน” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างมุ่งมั่น
ลำแสงสีขาวลำแสงหนึ่งปรากฏขึ้นที่ด้านหน้าของมู่เฉียนซี ตรงหน้านั้นมีเงาร่างที่ดูเลือนรางอยู่เงาหนึ่ง
มู่เฉียนซีรู้สึกถึงคลื่นความเย็นที่มาสัมผัสยังปลายจมูกของนาง แล้วเสียงของนิรันดร์ก็ได้กรูเข้าไปในหูของนาง
“คำร้องขอของที่รักตัวน้อยข้าจะไม่ตอบรับได้อย่างไรเล่า! ที่รักตัวน้อยไปเข้าร่วมการแข่งขันเถอะ!”
“พลังวิญญาณไม่เพียงพอข้าจะมอบให้เจ้า พลังจิตไม่เพียงพอข้าก็จะแบ่งพลังจิตของข้าให้เจ้า ประสบการณ์ในการสกัดยาเม็ดขั้นสวรรค์ไม่เพียงพอข้าจะคอยชี้แนะอยู่ข้างกายเจ้า จะไม่ให้เจ้าทำผิดพลาดไปแม้แต่นิดเดียวอย่างแน่นอน”
“ไม่ว่าเจ้าจะเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งเพียงใด มีข้าอยู่ หากเจ้าต้องการเป็นที่หนึ่งเช่นนั้นที่หนึ่งก็จะเป็นของเจ้าอย่างแน่นอน เจ้าเป็นนายของข้าผู้เป็นหม้อศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ แล้วก็เป็นผู้ที่ข้ารักยิ่ง”
การฟังเสียงของนิรันดร์นั้นเป็นความเพลิดเพลินชนิดหนึ่ง มันทั้งบ้าอำนาจและแฝงไปด้วยความรู้สึกอันลึกซึ้ง
นิรันดร์ถอนหายใจแล้วกล่าว “ที่รักตัวน้อย ข้าอยากที่จะกอดเจ้านัก ร่างกายของเจ้าจะต้องทั้งหอมและทั่งนุ่มอย่างแน่นอน…”