ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นเองก็เพิ่งจะเห็นสถานการณ์เช่นนี้เป็นครั้งแรก สายตาของเขาจ้องมองไปที่ท่าทางการเคลื่อนไหวอันงดงามสมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติของคนผู้นั้น เขารู้สึกว่าบริเวณรอบ ๆ ได้ก่อตัวขึ้นเป็นทุ่งสมุนไพร พร้อมกันนั้นเขาก็คิดว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้ล้วนแต่สมเหตุสมผลแล้ว
ถึงแม้ว่าผู้บำเพ็ญภูตคนอื่น ๆ จะไม่รู้ว่าเหตุใดนักปรุงยาเหล่านี้ถึงได้กลายเป็นเช่นนี้ แต่พวกเขาก็รับรู้ได้จริง ๆ ว่าหมอปีศาจผู้นี้แข็งแกร่งและเก่งกาจมาก!
แม้แต่มู่เฉียนซีเองก็อดที่จะพึมพำไม่ได้ “ปีศาจชัด ๆ!”
นิรันดร์เป็นปีศาจผู้หนึ่งจริง ๆ!
แทบทุกคนล้วนตกอยู่ในความตื่นตะลึงนี้ มีเพียงคนเดียวที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในตอนนี้ก็คือนิรันดร์
หลังเวลาได้ผ่านไปครู่หนึ่ง จู่ ๆ ท้องฟ้าพลันมืดครึ้มขึ้นทำให้ทุกคนได้สติกลับมา
ตูม! เสียงสะท้านฟ้าสะเทือนดินดังขึ้น มังกรสีเงินพุ่งลงมาจากท้องฟ้า
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “อัสนีภัย! นี่…ยาลูกกลอนที่เขาหลอมทำให้เกิดอัสนีภัยขึ้น!”
“ทำให้เกิดอัสนีภัยได้ อย่างน้อยก็เป็นยาขั้นสวรรค์ระดับเก้า!”
“ยาระดับเก้า มันต้องเป็นยาระดับเก้าที่ไม่ธรรมดาแน่!”
ตูม! เสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น
มังกรสีเงินพุ่งลงมาอย่างรุนแรงและรวดเร็ว นิรันดร์ให้มังกรสีเงินนี้กลืนกินเม็ดยาลูกกลอนนี้ไปโดยไม่แม้แต่จะกระพริบตา
อัสนีเล็ก ๆ นี้ยังอยากทำลายยาลูกกลอนที่เขาหลอม ช่างประเมินเขาต่ำเกินไปแล้ว
นิรันดร์นิ่งและสงบเป็นอย่างมาก ส่วนคนอื่น ๆ นั้นล้วนแต่ตึงเครียดขึ้นแล้ว!
ในดินแดนสี่ทิศ น้อยคนนักที่จะหลอมยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับเก้าออกมาได้ และต่อให้หลอมออกมาได้ก็ยังไม่ถึงขั้นเรียกอัสนีภัยเช่นนี้ได้!
หลังจากที่สิ้นเสียงอัสนีภัย ยาลูกกลอนสีขาวที่อยู่ภายในหม้อหลอมยานั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นยาลูกกลอนที่มีลักษณะราวกับไข่มุกหยกขาวผลึกใสก็มิปาน
กลิ่นหอมอันบริสุทธิ์สดชื่นนั้นได้ส่งกลิ่นหอมหวนไปทั่วทั้งเมืองตงจี๋
ในตอนนี้ผู้คนทั่วทั้งเมืองตงจี๋ต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “นี่มัน…นี่มันหอมกลิ่นอันใดกัน ได้สูดดมกลิ่นนี้แล้วมันทำให้ข้ารู้สึกสดชื่นและสงบลง และทำให้ข้ามีจิตใจอยากที่จะฝึกบำเพ็ญเสียเหลือเกิน”
“นี่มันเป็นกลิ่นหอมของยาลูกกลอนนี่ กลิ่นหอมของยา วันนี้เป็นการประลองการปรุงยาครั้งใหญ่ คาดว่าคงจะมีท่านนักปรุงยาท่านหนึ่งหลอมยาลูกกลอนอันล้ำค่าออกมาได้! ถึงแม้ว่าพวกเราจะไม่มีคุณสมบัติเข้ารับชมการประลอง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเราที่อยู่ข้างนอกก็ได้ประโยชน์ด้วย”
“ช่างมหัศจรรย์เกินไปแล้ว! ในประวัติศาสตร์ของดินแดนสี่ทิศ ข้าไม่เคยได้ยินว่ามีนักปรุงยาท่านใดที่สามารถสร้างความมหัศจรรย์เช่นนี้มาก่อนเลย”
กลิ่นหอมของยานั้นทำให้พวกเขาจ่อมจมอยู่กับความมหัศจรรย์ที่หาดูได้ยากอีกครั้ง
นิรันดร์กวาดสายตามองทุกคนและกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งว่า “ข้าหลอมเสร็จแล้ว”
นักปรุงยาเหล่านั้นมองไปที่ร่างนั้น จู่ ๆ พวกเขาก็เกิดความรู้สึกต้องการคุกเข่าลงเพื่อคารวะผู้เป็นราชา
ทว่า พวกเขายังไม่ทันได้เคลื่อนไหว นิรันดร์ก็กล่าวขึ้นว่า “ยอดดวงใจ ที่เหลือก็มอบให้เป็นหน้าที่เจ้าแล้ว ข้ารู้สึกเหนื่อยแล้ว”
ดวงตาของมู่เฉียนซีก็ร้อนแรงมาก ทุกครั้งที่นิรันดร์ลงมือหลอมยามันทำให้นางเลื่อมใสและศรัทธาเป็นอย่างยิ่ง
นางรู้ดีว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นไม่ได้มีเพียงเท่านี้แน่นอน นางอยากรู้มากว่าจุดสูงสุดของเขานั้นจะถึงขั้นใด
นิรันดร์ยิ้มพลางกล่าว “ยอดดวงใจมองข้าเช่นนี้ ข้าดีใจมาก! ยอดดวงใจรักข้าเข้าแล้วใช่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าชอบเวลาที่เจ้าหลอมยา ส่วนเวลาที่เจ้าชอบพูดจาลวนลามข้าไม่ชอบ นิรันดร์ เจ้าเป็นคู่หูของข้า แล้วก็เป็นอาจารย์ที่มีฝีมือแข็งแกร่งของข้าท่านนึงด้วย”
นางชอบการหลอมยา ชอบราชาแห่งการหลอมยาผู้นั้น ไม่ใช่ชอบแบบความสัมพันธ์หนุ่มสาว
นิรันดร์ก้มหน้าลงเล็กน้อย เขาหรี่ตายิ้มพลางกล่าว “ความรักแบบศิษย์กับอาจารย์ก็ไม่เลวเลย!”
สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำขึ้นด้วยความไม่พอใจ “ข้าขอถอนคำพูดเมื่อครู่ เจ้ากับข้ามีพันธสัญญาต่อกัน และข้าก็เป็นเจ้านายของเจ้า”
“นายท่านช่างไร้ความเมตตาปรานีจริง ๆ!” นิรันดร์กล่าว
“เจ้าเสียพลังไปมากแล้ว พักผ่อนก่อนเถอะ อย่ามัวแต่พูดมากอยู่เลย!”
มู่เฉียนซีกลับมาควบคุมร่างกายตัวเองอีกครั้ง และทิ้งนิรันดร์กลับไปในมิติพันธสัญญา
นิรันดร์กล่าวด้วยความโศกเศร้าเสียใจว่า “เจ้านายยอดดวงใจของข้า ใช้ข้าเสร็จแล้วก็ทิ้ง นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเป็นเจ้านายเช่นนี้”
“แล้วเจ้าคิดว่าข้าเป็นเจ้านายเช่นไรกันล่ะ?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าว
มู่เฉียนซีกลับมา และพลังอันกดขี่ข่มเหงนั้นของนิรันดร์ก็ได้หายไป คนตรงหน้าเหล่านี้จึงไม่ได้คุกเข่าลง
มู่เฉียนซีเอาขวดหยกออกมาขวดหนึ่งเตรียมพร้อมที่จะบรรจุยาลูกกลอนใส่ลงไป ทว่า เมื่อได้เห็นยาลูกกลอนที่อยู่ในหม้อ มู่เฉียนซีก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น!
มากถึงเพียงนี้เลยเหรอ!
อย่างน้อยก็หลายร้อยเม็ด!
นางกล้ารับประกันได้เลยว่า ถ้าหากสมุนไพรวิญญาณของนางมีเพียงพอแล้วละก็ นิรันดร์คงต้องหลอมออกมาหลายหมื่นเม็ดแน่นอน
นี่เป็นยาลูกกลอนที่สามารถทำให้จิตใจของจิ่วเยี่ยสงบลงเมื่อคำสาปของจิ่วเยี่ยกำเริบ! เขาหลอมออกมามากเช่นนี้จะให้จิ่วเยี่ยกินแทนข้าวเลยหรือย่างไร?
หากกินไปมากมายเพียงนี้ไม่รู้ว่าจะมีผลข้างเคียงอันใดบ้าง
ไหน ๆ ก็หลอมออกมาแล้ว มู่เฉียนซีทำได้เพียงแค่เก็บเอาไว้เท่านั้น!
ทุกคนต่างเบิกตากว้างจ้องมองมู่เฉียนซีเอายาลูกกลอนเหล่านี้บรรจุใส่ขวดแต่ละขวดด้วยความตกตะลึงพรึงเพริดจนดวงตาแทบจะถลนออกมา
พระเจ้า! นี่หลอมออกมาเท่าใดกัน?
พวกเขาหลอมยาลูกกลอนธรรมดาออกมาแต่ละครั้งก็ได้น้อยมากเพียงแค่สิบกว่าเม็ดเท่านั้น
หลอมยาลูกกลอนขั้นสูงระดับสูงเช่นนี้ ภายในครั้งเดียวสามารถหลอมออกมาได้สำเร็จเพียงแค่หนึ่งเม็ดพวกเขาก็ต้องจุดธูปภาวนาขอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ครั้งแล้วครั้งเล่า นึกไม่ถึงว่าคนผู้นี้จะหลอมออกมาได้เต็มหม้อเช่นนี้
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองพวกเขาพลางกล่าวว่า “ทุกท่านยังไม่หลอมยาต่ออีกเหรอ เวลาเหลือน้อยเต็มทีแล้วนะ”
นักปรุงยาที่ทำหม้อยาระเบิดในตอนนี้ก็ได้สติกลับมา และนึกขึ้นได้ว่าตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในการประลอง!
เหลือเวลาอยู่เพียงแค่สองชั่วยามเท่านั้นแล้ว หากหลอมยาลูกกลอนออกมาไม่ได้แม้แต่เม็ดเดียว พวกเขาคงต้องคว้าอันดับสุดท้ายไปเป็นแน่
ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะเป็นผู้ก่อเรื่องทั้งหมด แต่พวกเขาก็ไม่โกรธเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังมองมู่เฉียนซีด้วยความรู้สึกขอบคุณอีกด้วย
“ขอบคุณหมอปีศาจที่เตือน!”
“ขอบคุณหมอปีศาจมาก!”
“……”
นักปรุงยาคนอื่น ๆ ต่างก็เริ่มปรุงยาด้วยจิตใจที่ร้อนรนราวกับถูกไฟจี้ ส่วนมู่เฉียนซีที่ทำสำเร็จแล้วก็ได้เดินลงมาจากแท่นปรุงยา
ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นเอ่ยปากกล่าวว่า “ท่านหมอปีศาจ!”
แรกเริ่มเขาพบว่ามู่เฉียนซีอายุยังน้อย จึงเรียกนางว่าเจ้าเด็กน้อยมาตลอด
ทว่า หลังจากที่ได้รู้ถึงความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีแล้ว เขาก็ไม่กล้าเรียกเช่นนั้นแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านผู้ตัดสิน มีเรื่องอันใด?”
ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋น “ท่านหมอปีศาจคงจะไม่ใช่คนในดินแดนสี่ทิศ ถึงแม้ว่าจะเป็นข้าที่ได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ ก็ไม่สามารถมีความแข็งแกร่งเทียบเท่าท่านหมอปีศาจได้”
“ท่านจะคิดเช่นไรก็คิดไปเถอะ” มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง
“เพียงแต่ว่า ที่ที่ท่านอยู่นั้นคือที่ใดกัน?”
การประลองการปรุงยาในครั้งนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นการรวมตัวของนักปรุงยาในดินแดนสี่ทิศ แต่ก็ยังมีนักปรุงยาจากที่อื่นมาร่วมด้วยเช่นกัน มิน่าล่ะถึงสามารถเอาหญ้าจิ่วหยวนมาเป็นรางวัลได้
“ข้ามาจากสำนักโอสถแดนซวนเทียน แต่พวกเราเป็นเพียงแค่สำนักโอสถสำนักเล็ก ๆ เท่านั้น ไม่ควรค่าพอที่จะอยู่ในสายตาของท่านหมอปีศาจหรอก”
มู่เฉียนซีตกใจผงะไปครู่หนึ่ง “สำนักโอสถ หญ้าจิ่วอินหยวน เป็นสำนักโอสถของท่านใช่หรือไม่ที่เป็นคนเอารางวัลเช่นนี้ออกมา?”
“ถูกต้อง!” ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นยิ้มพลางกล่าว
“เช่นนั้น พวกท่านรู้หรือไม่ว่าสำนักโอสถมีผลจิ่วหยางซวนหรือไม่?”
กองกำลังของเขานั้นไม่ใช่เล็ก ๆ เลย นางจึงฉวยโอกาสนี้สอบถามเรื่องราวบางอย่าง!
ปรมาจารย์ไป๋อวิ๋นยิ้มด้วยความขมขื่นก่อนจะกล่าวว่า “ท่านหมอปีศาจก็รู้ดีว่าตัวหญ้าจิ่วอินหยวนมันมีพิษร้ายแรงมาก คนธรรมดาทั่วไปไม่อาจแตะต้องได้แม้แต่น้อย ถึงแม้ว่ามันจะเป็นสมุนไพรขั้นสวรรค์ระดับดีที่สุดชนิดหนึ่ง แต่กลับนำมาใช้ประโยชน์จริงได้ไม่มากนัก”
“แต่หากมีผลจิ่วหยางซวนด้วยแล้ว มันก็จะแตกต่างกันไป แต่ผลจิ่วหยางซวนนั้นได้สูญพันธุ์ไปจากโลกนี้แล้ว ไม่ว่าจะเสาะหาเช่นไรก็หาไม่เจอ หญ้าจิ่วอินหยวนที่ใช้ประโยชน์ไม่ได้เช่นนี้ก็เลยถูกนำมาเป็นรางวัลในการประลอง”
มิเช่นนั้น พวกเขาก็คงจะไม่เอาสมุนไพรขั้นสวรรค์อันล้ำค่าเช่นนี้ออกมาเป็นรางวัลได้หรอก
มู่เฉียนซีตกใจผงะไป “สูญพันธุ์ไปแล้ว!” เดิมทีคิดว่าหากสามารถหาหญ้าจิ่วอินหยวนมาได้ ก็น่าจะหาผลจิ่วหยางซวนได้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้รับข่าวร้ายว่ามันสูญพันธุ์ไปแล้วเช่นนี้!