พวกเขาเห็นชายชุดเขียวไม่สามารถขยับตัวได้ก็รู้ว่าผลลัพธ์ของการต่อสู้นี้ได้ออกมาแล้ว
“หนามปีศาจดำ หุ่นเชิดเป็นเครื่องจักรในการต่อสู้มาโดยธรรมชาติ ไร้ซึ่งความรู้สึกเจ็บปวด กำลังในการป้องกันก็แข็งแกร่งมาก นึกไม่ถึงเลยยังมีดาวมฤตยูที่สามารถรับมือกับหุ่นเชิดได้ชนิดนี้อยู่!”
“แต่นึกไม่ถึงเลยว่ารูปร่างหน้าตาที่งดงามอย่างสมบูรณ์แบบของชายชุดเขียวผู้นั้นจะถูกสร้างออกมาเป็นหุ่นเชิด”
“……”
มู่เฉียนซีจ้องมองฉากสุดท้ายนั้นตาเขม็ง และได้ยินคำคำนั้นที่ชิงอิ่งกล่าวออกมาเสียงเบา!
“เฉียน!”
นางทั้งรู้สึกเจ็บปวดใจ ทั้งรู้สึกโกรธเกรี้ยว!
เฟิงอวิ๋นซิวก็ตกใจผงะไปเช่นกัน นั่นเป็นหุ่นเชิดจริง ๆ เหรอ
เพียงคำพูดแค่คำเดียว เขากลับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกอันรุนแรงจากคำคำนั้น
ทว่า หุ่นเชิดมีความรู้สึกด้วยอย่างนั้นเหรอ? เขาคิดมากเกินไปแล้ว
เมื่อม่านแสงได้อันตรธานจางหายไป อาถิงก็เดินมาข้างกายมู่เฉียนซี และกล่าวว่า “เจ้าวางใจเถอะ! ด้วยระดับของชายชุดดำผู้นั้นแล้ว จะสามารถมองเจ้าท่อนไม้ผู้นั้นออกได้อย่างไร แม้แต่ข้าก็ยังมองไม่ออกเลย ไม่แน่อาจจะถูกจับไปแค่สองสามวันก็กลับมาแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “ชิงอิ่งเองก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน แต่ข้าจะปล่อยให้เขาถูกจับตัวไปโดยที่ไม่สนใจอะไรเลยได้อย่างไรกันล่ะ”
ดวงตาของมู่เฉียนซีเย็นชาขึ้น “คนผู้นั้นมันคือราชาหุ่น! นึกไม่ถึงว่ามันจะกล้าออกมาจากเทือกเขาเมฆามืดเพื่อมาจับคนของข้า”
เฟิงอวิ๋นซิวเองก็ดูออกเช่นกันว่ามันคือราชาหุ่น เขาจึงกล่าวขึ้นว่า “เป็นเพราะว่าข้ากับเจ้าไปทำลายล้างสำนักหุ่นปีศาจในคราก่อน ราชาหุ่นนั่นก็เลยเห็นชิงอิ่งเข้า หากเฉียนซีจะลงมือช่วยเขา ข้าก็จะนำกำลังคนไปทำลายล้างสำนักหุ่นปีศาจครั้งที่สอง!”
“ถึงแม้ว่าสำนักหุ่นปีศาจจะซ่อนตัวอยู่ในเทือกเขาเมฆามืด ข้าก็จะทำลายพวกมันจนไม่เหลือชิ้นดี”
มู่เฉียนซีแผ่ซ่านความเย็นยะเยือกออกมา สำนักหุ่นปีศาจกระตุกหนวดนางถึงเพียงนี้แล้ว
ไป๋อู๋ห่ายยิ้มเยาะ เขารู้สึกว่าสาวน้อยผู้นี้ช่างหยิ่งยโสและโอหังอย่างไม่เกรงกลัวสิ่งใดมากเกินไปแล้ว
ทว่า…
พวกเขามองไปที่ชายหนุ่มชุดสีเขียวผู้นั้น เพียงโบกมือก็สามารถเปิดม่านแสงย้อนดูเรื่องราวที่ผ่านมาได้ นี่มันความสามารถต้านสวรรค์อันใดกัน
เดิมทีทุกคนเพียงแค่กลัวในฝีมือการปรุงยาของหมอปีศาจ แต่ตอนนี้กลับยิ่งกลัวในพลังความแข็งแกร่งของเขาด้วย
อาถิงกล่าว “หากเจ้าต้องการลงมือก็ลงมือเถอะ! ข้าเองก็ไม่ได้ยืดเส้นยืดสายมานานแล้ว”
มีอาถิงอยู่ด้วยเช่นนี้ ต่อให้นางต้องบุกเข้าไปในเทือกเขาเมฆามืดแต่เพียงลำพัง นางก็มีความมั่นใจว่าจะสามารถทำลายสำนักหุ่นปีศาจได้
ทว่า พลังความแข็งแกร่งของอาถิงนั้นกว่าจะฟื้นฟูกลับมาได้ไม่ง่ายเลย นางไม่มีทางผลีผลามเข้าไปไล่ฆ่าในขณะที่ไม่ได้วางแผนเอาไว้อย่างแน่นอน เมื่อถึงตอนนั้นเกรงว่าจะทำให้อาถิงเสียพลังไปโดยเปล่าประโยชน์และยังทำให้เขาต้องหลับใหลไปอีก
ชิงอิ่งสำคัญมาก อาถิงก็สำคัญมากเช่นกัน
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าตะกละ กลับหอหมอปีศาจ!”
มู่เฉียนซีกลับมาถึงหอหมอปีศาจก็ได้จัดการเรื่องราวทุกอย่างเสร็จสิ้นอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็เปิดรับสมัครยอดฝีมือเพื่อจะทำลายสำนักหุ่นปีศาจ
และค่าตอบแทนที่หอหมอปีศาจจะตอบแทนให้นั้น ช่างยั่วยวนชวนน้ำลายไหลเลยทีเดียว
การเปิดรับสมัครเหล่าบรรดายอดฝีมือต้องทำให้เสร็จก่อนฟ้ามืด ผู้คนจำนวนมากเข้ามาแออัดกันอยู่ ณ ที่แห่งนี้แล้ว!
อะไรนะ! เทือกเขาเมฆามืดมีอากาศพิษ ไปทำภารกิจนี้ ก็เป็นการรนหาที่ตายน่ะสิ!
ฝีมือการปรุงยาของหมอปีศาจนั้นต้านสวรรค์มาก ยังต้องกลัวอากาศพิษนั่นอีกเหรอ?
อะไรนะ! หุ่นเชิดของสำนักหุ่นปีศาจแข็งแกร่งปานนั้น การที่พวกเราไปต่อกรกับสำนักหุ่นปีศาจก็เท่ากับเป็นการรนหาที่ตายน่ะสิ!
ไม่เป็นไรหรอก มีหมอปีศาจผู้แข็งแกร่งนำทัพไปด้วยตัวเอง จะต้องกลัวสิ่งใดอีก ต่อให้สู้พวกมันไม่ได้ พวกเราก็รุมพวกมันได้นี่!
พวกเขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าตกลงแล้วพวกเขาคนเยอะกว่าหรือว่าหุ่นเชิดเยอะกว่ากัน!
เนื่องจากการประลองการปรุงยาเพิ่งจะสิ้นสุดลง ชื่อเสียงของหมอปีศาจจึงเพียงพอที่จะทำให้มู่เฉียนซีเรียกยอดฝีมือมาได้ไม่น้อยเลย
จากนั้นมู่เฉียนซีก็พรวดเข้าไปในห้องปรุงยา!
จวินโม่ซีเอามือลูบจมูกและกล่าวว่า “สาวน้อยพรวดพราดเข้าห้องปรุงยาด้วยจิตสังหารอันแรงกล้าเช่นนี้ ข้าชักจะสงสัยแล้วสิ ว่าสาวน้อยจะปรุงยาพิษทำลายล้างดินแดนสี่ทิศ”
โม่จิ่นกล่าว “ทำให้นายท่านโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้ สำนักหุ่นปีศาจจะต้องเสียใจที่ทำเช่นนั้น!”
ราชาหุ่นซ่อนตัวออกมาอย่างระแวดระวัง เมื่อออกมาก็พุ่งเป้าไปที่ชิงอิ่ง เขาคงไม่เคยได้ยินชื่อเสียงของหมอปีศาจมาก่อนแน่นอน
ดังนั้น ตอนนี้เขาจึงไม่รู้ว่าตนเองได้สร้างปัญหายิ่งใหญ่เพียงใดขึ้น
ฟ้ามืดลงแล้ว การรับสมัครก็เสร็จสิ้นลง!
ตอนนี้พวกเขามียอดฝีมือทั้งหมดหลายพันคน หลายพันคนเป็นยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิ นี่ยังไม่รวมผู้แข็งแกร่งที่หมอปีศาจอบรมเลี้ยงดูมาด้วยตัวเองอีกนะ
นี่มันแข็งแกร่งเกินไปแล้ว พวกเขาล้วนแต่รู้สึกว่ากองกำลังนี้เพียงพอที่จะต่อกรกับตำหนักตงจี๋ได้เลย
หลังจากที่ไป๋อู๋ห่ายได้รู้เรื่องกองกำลังที่แข็งแกร่งของหอหมอปีศาจ เขาก็รู้สึกตกใจจนพูดไม่ออก
หอโอสถที่เพิ่งจะก่อตั้งได้เพียงแค่ครึ่งปี นึกไม่ถึงว่าหอโอสถที่เขาไม่เคยเห็นอยู่ในสายตานี้ มาวันนี้จะมีกองกำลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ได้
แต่ถึงกระนั้น ตำหนักตงจี๋ของพวกเขาก็ไม่ใช่จะรับมือได้ง่ายถึงเพียงนั้น! มู่เฉียนซีเองก็ไม่ได้คิดจะลงมือกับตำหนักตงจี๋ในตอนนี้ ยอดฝีมือที่รับมาล้วนแต่หลงใหลในยาลูกกลอน จึงได้ยอมช่วยนางรับมือกับสำนักหุ่นปีศาจ แต่ก็ใช่ว่าจะยอมช่วยนางรับมือกับกองกำลังระดับสามอย่างตำหนักตงจี๋นี่
ยิ่งไปกว่านั้นก็คือ เบื้องหลังของตำหนักตงจี๋ เกรงว่าจะมีคนคอยหนุนหลังอยู่!
มู่เฉียนซีมองกองกำลังอันแข็งแกร่งนี้ และกล่าวขึ้นว่า “ออกเดินทาง!”
“ขอรับ!”
ภารกิจการช่วยเหลือและการทำลายล้างสำนักหุ่นปีศาจในครั้งนี้ มู่เฉียนซีได้ทุ่มยาลูกกลอนไปเป็นจำนวนมาก
สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาที่ซื้อมานั้น แน่นอนว่าต้องรวดเร็วที่สุด และดีที่สุด
หลังจากที่พวกเขาได้ออกเดินทาง กองกำลังที่แข็งแกร่งอีกกองกำลังหนึ่งก็ออกเดินทางเช่นกัน ร่างในชุดดำแดงร่างหนึ่งก็ตามสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาของมู่เฉียนซีไป
คนผู้นี้ก็คือเฟิงอวิ๋นซิว!
“เฉียนซี เจ้าเคลื่อนไหวเร็วมาก ข้าเกือบตามไม่ทันเจ้าแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “อวิ๋นซิว จำนวนคนที่ข้ามีอยู่ก็เพียงพอแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องตามข้ามาก็ได้”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “การทำลายล้างสำนักหุ่นปีศาจ มันก็เป็นภารกิจของข้าเหมือนกัน”
“ข้าสามารถทำให้สำนักหุ่นปีศาจหายสาบสูญไปได้ เจ้าอย่าได้แย่งข้าเชียวล่ะ” มู่เฉียนซีขมวดคิ้วพลางกล่าว
เฟิงอวิ๋นซิวยิ้มพลางกล่าวว่า “ตกลง! ข้าไม่แย่งเจ้า ข้าจะตามหลังเจ้า แล้วค่อยชิงเอาความดีความชอบทีหลัง เป็นเช่นไร เฉียนซีคงจะไม่ปฏิเสธข้านะ เมื่อถึงตอนนั้นจะมีคนพูดว่านายน้อยอวิ๋นซิวได้ทำลายล้างสำนักหุ่นปีศาจได้สำเร็จแล้ว และข้าก็จะสำเร็จภารกิจใหญ่ไปอีกเรื่อง”
ซวนอีที่อยู่ข้าง ๆ ก็ตกตะลึงขึ้นพลางมองไปที่เฟิงอวิ๋นซิวที่อยู่ข้างกาย นี่ไม่ใช่นายน้อยที่เขาเคยรู้จักหรือ?
นายน้อยสนใจเรื่องพวกนี้ตั้งแต่เมื่อใดกัน!
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจะเป็นคนลงมือฆ่ามันเอง หากเจ้าอยากได้ความดีความชอบก็เอาไปเถอะ!”
มู่เฉียนซีก็ดูออกว่าเจ้าหมอนี่จงใจจะกล่าวออกมาเช่นนี้ ต่อให้นางปฏิเสธก็ใช่ว่าเขาจะยอมกลับไป
เมื่อมาถึงเทือกเขาเมฆามืด มู่เฉียนซีกลับไม่ได้สั่งให้พวกเขาบุกเข้าไปเลยทันที แต่นางกล่าวว่า “ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัคคีออกมา”
“ขอรับ!”
มู่เฉียนซีเอาผงยาออกมาหลายห่อ และกล่าวว่า “ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุอัคคีเอาผงยานี้ไปเผาให้ข้าในบริเวณรอบนอก ออกแรงเผาให้แรง ๆ ล่ะ”
“ขอรับ!”
“รีบลงมือเร็วเข้า!”
“ขอรับ!”
จื่อโยวและพวกได้ตามหาไปทั่วทั้งเทือกเขาเมฆามืดมานานมาก แต่ก็ยังหาที่ซ่อนตัวของคนผู้นั้นไม่เจอ แทนที่จะออกแรงตามหาอย่างช้า ๆ มิสู้เริ่มลงมือหาตั้งแต่แรกเลยดีกว่า
อากาศพิษของเทือกเขาเมฆามืดนั้นกระจายอยู่ทั่วทุกซอกทุกมุม และผงยาที่แผดเผานั้นก็สามารถแผ่กระจายออกไปในทุกซอกทุกมุมของเทือกเขาเมฆามืดเช่นกัน
ผงยากับอากาศพิษได้ผสมรวมกัน และได้กลายเป็นพิษชนิดใหม่ขึ้น
นางกล้ารับประกันเลยว่าคนของสำนักหุ่นปีศาจไม่สามารถต้านทานได้แน่นอน หลังจากที่เผาผงยาเหล่านั้นเสร็จ มู่เฉียนซีก็ได้แบ่งยาลูกกลอนให้เหล่าบรรดายอดฝีมือของตน และได้แบ่งให้คนของเฟิงอวิ๋นซิวด้วย จากนั้นนางก็กล่าวขึ้นว่า “ออกเดินทางเข้าเทือกเขาเมฆามืดได้”