มิติได้เปลี่ยนไปอีกครั้ง พวกเขาได้เข้าไปในห้องลับอีกห้องหนึ่ง
เพียงแต่ว่า บริเวณห้องลับห้องนี้ดูเหมือนจะไม่มีอันตรายใด
ในห้องลับห้องนี้มีชั้นตำราอยู่หลายชั้น และชั้นตำราเหล่านี้ก็มีตำราวางอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อมู่เฉียนซีได้เปิดดูตำราเหล่านี้ นางก็อุทานเสียงเบาขึ้นว่า “พื้นฐานการหลอมหุ่นเชิด!”
“พื้นฐานการควบคุมหุ่นเชิด!”
“……”
มีตำราขั้นพื้นฐาน และยังมีตำราในระดับยากด้วย
คนที่เข้ามาในห้องลับในครั้งนี้ นอกจากเฟิงอวิ๋นซิวแล้ว คนอื่นล้วนแต่เป็นคนของนางทั้งสิ้น
มู่เฉียนซีกล่าวกับเฟิงอวิ๋นซิวว่า “ข้าต้องการของเหล่านี้ เจ้าต้องการหรือไม่?”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “สิ่งที่ข้าต้องการมีเพียงอย่างเดียว นั่นก็คือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ สำหรับข้าแล้ว วิชาหุ่นเชิดข้าไม่ได้สนใจอยู่แล้ว หากเฉียนซีต้องการก็เก็บเอาไปให้หมดเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”
นางต้องการเข้าใจรูปแบบของหุ่นเชิด และเรื่องราวต่าง ๆ เช่นนี้นางถึงจะสามารถเข้าใจชิงอิ่งได้มากขึ้น
มู่เฉียนซีต้องการจะเอาตำราเหล่านี้กลับไปอ่านดูอย่างละเอียด แต่ทันทีที่นางจะเอาตำราเหล่านี้เก็บเข้ามิติ ตำราเหล่านี้ก็ถูกทำลายไป
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ดูเหมือนว่าตำราในนี้จะมีข้อต้องห้าม ไม่สามารถเอากลับเข้ามิติได้ และไม่สามารถเอาออกไปได้ ทำได้เพียงแค่อ่านอยู่ที่นี่เท่านั้น”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว ต้องอ่านไปทีละเล่ม ๆ!”
“เจ้า พวกเจ้า ถึงแม้ว่าพวกเจ้าจะไม่มีความสนใจในเรื่องหุ่นเชิด พวกเจ้าก็ต้องอ่าน อ่านมันทั้งหมดและคัดลอกตำราให้ข้า”
“ขอรับ!” มู่อีและพวกรับคำสั่งอย่างเชื่อฟัง
จวินโม่ซียิ้มเจื่อนพลางกล่าว “ข้าสนใจแค่ตำราโอสถเท่านั้นนะ ตำราบ้าบอเหล่านี้ข้าไม่อยากอ่าน”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ข้าดีใจมากที่ช่วยเฉียนซีได้”
ครั้นแล้ว พวกเขาก็เริ่มอ่านตำรา
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ จวินโม่ซีก็ได้เห็นแผ่นหนังแกะแผ่นหนึ่งอยู่ในตำราเล่มหนึ่ง ชั่วครู่หนึ่งจิตของเขาก็ถูกแผ่นหนังแกะแผ่นนั้นดึงดูดเข้าไป
และเขาก็ถูกสะกดจิต!
มู่เฉียนซีพบว่าเขาผิดปกติไป นางจึงรีบพุ่งเข้าไปเขย่าตัวของจวินโม่ซีพลางกล่าว “จวินโม่ซี เจ้าเป็นอะไรไป?”
“จวินโม่ซี…”
เนื่องจากมู่เฉียนซีเขย่าตัวเขาอย่างแรง จวินโม่ซีจึงได้สติกลับมา
“อ๊า! เจ็บนะ เจ็บจะตายอยู่แล้ว” หลังจากที่จวินโม่ซีได้สติกลับมา เขาก็นวดขมับเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
จวินโม่ซีเหลือบมองแผ่นหนังแกะแผ่นนั้นพลางกล่าวว่า “ในตำราเล่มนี้มีแผ่นหนังแกะแผ่นหนึ่ง แต่บนแผ่นหนังแกะก็ไม่ได้เขียนสิ่งใดเอาไว้ ข้าจึงมองด้วยความแปลกใจแต่ก็เหมือนว่าจะโดนโจมตีด้วยพลังจิต ในหัวของข้ามันว่างเปล่าไปหมด!”
“หากสาวน้อยเรียกสติข้าเอาไว้ไม่ทันแล้วละก็ เกรงว่าข้าคงโดนโจมตีทางพลังจิตจนกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปแน่นอน!”
พรึ่บ! เขารีบปิดตำราเล่มนั้นลง เพื่อปกปิดแผ่นหนังแกะอันตรายนั่น
มู่เฉียนซีได้แย่งตำราเล่มนั้นในมือจวินโม่ซีมา นางกล่าว “ให้ข้าดูหน่อย!”
จวินโม่ซีจับข้อมือนางแน่นพลางกล่าว “สาวน้อย เจ้าอย่าได้ทำสิ่งใดสุ่มสี่สุ่มห้านะ นี่มันอันตรายจริง ๆ หากเจ้ากลายเป็นคนโง่เขลาไปข้าก็คงจะไม่ได้กินอาหารอร่อย ๆ ฝีมือเจ้าเป็นแน่”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เฉียนซี ที่ท่านหัวหน้านักปรุงยาจวินพูดมาก็ถูกนะ เจ้าอย่าเสี่ยงอันตรายเลย ให้ข้าลองดูดีหรือไม่ พลังของข้าแข็งแกร่งพอ คงจะไม่มีปัญญาอันใด”
มู่เฉียนซีกล่าว “นายน้อยอวิ๋นซิว เจ้าลืมคำพูดที่ข้าพูดเมื่อครู่อีกแล้ว”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ข้าไม่ได้ลืม ต่อให้เจ้าเป็นมู่เฉียนซี ข้าก็อยากจะทำอะไรเพื่อเจ้าบ้าง ข้าไม่อยากให้เจ้ามีอันตราย”
มู่เฉียนซีกล่าว “ของสิ่งนั้นมันโจมตีพลังจิต ทุกคนที่อยู่ในที่นี้ ข้ามีพลังจิตที่แข็งแกร่งที่สุดแล้ว เฟิงอวิ๋นซิว พลังความแข็งแกร่งของเจ้าเพียงพอ แต่มันใช้ไม่ได้ผล ข้าลงมือเอง!”
จวินโม่ซีโกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว “เจ้าไม่กลัวว่าตัวเองจะกลายเป็นคนปัญญาอ่อนจริง ๆ เหรอ!”
“ไม่มีทาง!”
ขวางไม่ได้ ทำได้เพียงแค่หากเห็นนางผิดปกติไปก็ต้องเรียกสตินางกลับมาเท่านั้น
มู่เฉียนซีมองไปที่แผ่นหนังแกะนั้น และสติของนางก็ได้เข้าไปสู่แผ่นหนังแกะแผ่นนี้จริง ๆ จากนั้นก็ได้เผชิญกับการโจมตีทางพลังจิตที่โจมตีมาทั่วทุกทิศทาง
พลังจิตของมู่เฉียนซีนั้นแข็งแกร่งพอ เมื่อเผชิญกับการโจมตีนี้ การป้องกันหรือการตอบโต้ของนางนั้นไม่เสียเปรียบเลยแม้แต่น้อย
จวินโม่ซีมองมู่เฉียนซี จากนั้นก็มองไปที่เฟิงอวิ๋นซิว
“คงจะไม่เป็นอะไรกระมัง?”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ตอนนี้กลิ่นอายของเฉียนซียังคงที่และปกติอยู่!”
มู่เฉียนซีก็ไม่รู้ว่าตนเองได้ใช้พลังจิตต่อสู้กันแผ่นหนังแกะแผ่นนี้ไปเท่าใดแล้ว ทันใดนั้นเอง เสียงเสียงหนึ่งก็ดังก้องขึ้นในหัวของนาง
“ข้ารอตั้งนาน เจ้าเป็นคนที่ทดสอบผ่านด่านได้ เมื่อก่อน ต่อให้มีคนผ่านด่านการทดสอบของสัตว์หุ่นเชิดศิลาโลหิตได้ แต่ก็ไม่เคยมีผู้ใดผ่านด่านนี้ได้เลย”
“แน่นอน ว่าเมื่อไม่ผ่านด่านสุดท้ายนี้ แต่เขาก็สามารถเรียนรู้ไปได้ไม่น้อยเลย และนึกไม่ถึงว่าสุดท้ายแล้วเขาจะเดินทางผิด ทำให้ตัวเองได้กลายเป็นหุ่นเชิดตัวหนึ่งไปเสียได้”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง คนผู้นั้นคงจะไม่ใช่ราชาหุ่นหรอกกระมัง!
ห้องลับห้องนี้ไม่ใช่คลังที่เก็บของล้ำค่าของสำนักหุ่นปีศาจแต่อย่างใด
แต่เป็นบรรพบุรุษของสำนักหุ่นปีศาจ ราชาหุ่นได้ค้นพบห้องเก็บของล้ำค่านี้และเข้ามา หลังจากนั้นก็เรียนรู้วิชาหุ่นเชิด และก่อตั้งสำนักหุ่นปีศาจขึ้น
“สาวน้อย เจ้าอยากเรียนรู้วิชาหุ่นเชิดหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าอยากเรียนแน่นอน หากไม่อยาก ข้าก็คงไม่เสี่ยงชีวิตเข้ามาในนี้หรอก”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงอยากเรียนวิชาหุ่นเชิดล่ะ?”
“เพราะข้าอยากเข้าใจหุ่นเชิด”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” จู่ ๆ เขาก็หัวเราะขึ้นมา
“บางคนต้องการเรียนวิชาหุ่นเชิดเพื่อที่จะมีพลังความแข็งแกร่งเหนือกว่ามนุษย์ บางคนเรียนรู้วิชาหุ่นเชิดก็เพื่อจะมีเครื่องจักรในการต่อสู้ที่ไม่มีวันทรยศ บางคนก็เพื่อฆ่าสังหารผู้บริสุทธิ์…”
“แต่เจ้า ข้าเพิ่งจะเคยเห็นเป็นครั้งแรกที่จะเรียนรู้วิชาหุ่นเชิดเพื่ออยากจะเข้าใจหุ่นเชิด ข้าจะให้โอกาสเจ้าสักครั้ง เปลี่ยนเหตุผล มิเช่นนั้นข้าจะไม่ถ่ายทอดให้เจ้า”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “ข้าก็แค่พูดความคิดที่แท้จริงออกมาจากก้นบึ้งหัวใจข้า ข้าอยากต้องการเข้าใจทุกอย่างเกี่ยวกับหุ่นเชิด ข้าก็เลยจะเรียนรู้วิชาหุ่นเชิด”
“กำลังในการต่อสู้ของหุ่นเชิดนั้นแข็งแกร่งมาก แต่แค่ขอเวลาให้ข้าสักหน่อย ข้าก็จะทำให้ตัวเองแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมได้”
“ข้าไม่ต้องการเครื่องจักรในการต่อสู้ที่ไม่ทรยศแต่อย่างใด ข้ามีพันธมิตรที่จริงใจที่สุดที่สามารถหักหลังพวกเขาได้หลายคนแล้ว”
“สำหรับการฆ่าอย่างบริสุทธิ์ ข้ามู่เฉียนซี ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่คนดีอะไรนัก แต่ข้าก็ไม่ชอบฆ่าผู้บริสุทธิ์ตามอำเภอใจ”
“ท่านจะให้หรือไม่ให้ก็แล้วแต่ท่านก็แล้วกัน ถึงแม้ว่าในดินแดนสี่ทิศจะมีปรมาจารย์หุ่นเชิดน้อยนัก แต่ก็คงจะไม่ได้มีแค่ท่านเพียงคนเดียวหรอกกระมัง อย่างมากก็แค่พยายามตามหาต่อไป”
“เหอะ เหอะ เหอะ! ช่างเป็นสาวน้อยที่เจ้าอารมณ์เสียจริง เจ้าช่างต่างไปจากคนอื่นจริง ๆ คนพรสวรรค์สูงส่งแถมยังใจดีเช่นเจ้ามันหาได้ยากนัก เจ้าคิดว่าข้าจะยอมปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ?”
ครั้นแล้วเจ้าหมอนี่ก็ยัดเยียดถ่ายทอดมรดกให้กับมู่เฉียนซีแล้ว ในตอนนี้มู่เฉียนซีรู้สึกว่าในหัวของนางมีของบางอย่างปรากฏขึ้นมากมาย
“ท่านก็ช่างใจกว้างเสียจริงเลย!”
“ทำตามเป้าหมายของเจ้าและค่อย ๆ ศึกษาเรียนรู้วิชาหุ่นเชิดเถอะ อย่าทำให้มรดกของข้าเสื่อมเสียเป็นอันขาด”
“นั่นก็ต้องดูสถานการณ์ด้วย หากมันไม่มีประโยชน์ต่อข้า ข้าก็คงจะทำให้มรดกของท่านเสื่อมเสียจนไม่รู้จะต้องเสื่อมเสียเช่นไรแน่นอน”
“เจ้าช่างเป็นเด็กที่เอาเปรียบอีกทั้งยังอวดฉลาดอีก” เขากล่าวอย่างโกรธเคือง