มู่เฉียนซีกล่าว “ได้ของแล้ว ข้าจะไปแล้ว ประเดี๋ยวสหายข้าจะเป็นห่วง”
“นี่เจ้าพอบรรลุเป้าหมายก็จะจากไปเลยอย่างนั้นเหรอ” ปรมาจารย์หุ่นเชิดกระวนกระวายใจขึ้น
“จิตใต้สำนึกของท่านยังเหลืออยู่ ต่อให้ข้าจากไปท่านก็ไม่ตายหรอกนะ!” มู่เฉียนซีกล่าว
“จะ เจ้า…” เขาโกรธจนพูดไม่ออกแล้ว
ผลสุดท้ายมู่เฉียนซีก็จากไปอย่างสง่าผ่าเผย
แต่ก่อนที่จะจากไป นางจำได้ว่าต้องถามคำถามสำคัญ “ค่ายกลห้องลับนี้ของท่านเปิดเช่นไรล่ะ?”
“ข้าไม่บอกเจ้าหรอก ข้าจะให้เจ้ารออยู่ในนี้”
“หากข้ารออยู่ในนี้แล้วมรดกของท่านจะมีประโยชนอันใดล่ะ?”
“เจ้ามันช่างเป็นสาวน้อยที่ประหลาดเสียจริง พลังจิตแข็งแกร่งมาก แต่พลังวิญญาณกลับอ่อนแอถึงเพียงนี้ หากเจ้าต้องการออกไป คาดว่ายังไม่ทันได้เอามรดกของข้าไปพัฒนาสืบต่อสิ่งดีงามได้ เจ้าก็คงจะถูกฆ่าตายเสียก่อนแล้ว”
“นี่ท่านกำลังหมายความว่าในนี้ยังมีของดีที่ปกปักษ์รักษาชีวิตอยู่อีกเหรอ?” ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้น
“ข้าไม่ได้พูด”
“ในเมื่อไม่มีก็อย่าได้เสียเวลาอยู่เลย รีบบอกวิธีออกไปจากที่นี่ให้ข้าเถอะ!”
“เอาตำราในชั้นตำราที่เจ็ดที่อยู่ในห้องตำรานี้ออกไป พวกเจ้าก็สามารถออกไปได้แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “ขอบใจท่านมาก”
สติของมู่เฉียนซีฟื้นคืนกลับมาแล้ว จวินโม่ซีกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “สาวน้อย เจ้าได้สติเองแล้ว ไม่มีได้เกิดเรื่องอันใดเกิดขึ้นใช่หรือไม่?”
“เฉียนซี เจ้ารู้สึกไม่สบายตรงไหนบ้าง?” เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวถาม
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ทุกอย่างราบรื่นดี ไม่เพียงแต่ข้าไม่เป็นอะไร แถมยังได้ของดีมาไม่น้อยเลยด้วย”
ยอดปรมาจารย์หุ่นเชิดท่านนี้ได้ทิ้งมรดกวิชาหุ่นเชิดเอาไว้ในระดับที่ไม่ธรรมดา มิเช่นนั้นราชาหุ่นที่ศึกเรียนรู้วิชาหุ่นเชิดได้เพียงน้อยนิดเช่นนี้ก็คงจะสร้างสำนักหุ่นปีศาจที่สามารถทำให้กองกำลังระดับสามเกรงกลัวออกมาไม่ได้
มู่เฉียนซีคิดไม่ถึงเลยว่ามรดกที่ได้รับมามันเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น
แผ่นหนังแกะที่อยู่ในมือ จู่ ๆ ก็กลายเป็นแหวนมิติสีเหลืองวงหนึ่ง แหวนมิติวงนี้เป็นแหวนที่ไม่มีเจ้าของ
มู่เฉียนซีตรวจสอบภายในแหวนมิติว่ามีสิ่งใดอยู่บ้าง สุดท้ายก็ได้เห็นกับหุ่นเชิดแถวหนึ่ง นางเห็นเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปชั่วครู่
ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทดลองในพลังความแข็งแกร่งของพวกมัน แต่มู่เฉียนซีก็รู้ดีว่าพวกมันเป็นหุ่นเชิดที่มีพลังไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน
“เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เจ้าถูกฆ่าตาย หุ่นเชิดเหล่านี้ก็นับว่าให้เจ้ายืมใช้ก็แล้วกัน! รอให้เจ้าสามารถหลอมหุ่นเชิดที่เหมือนกันกับของข้าออกมาได้ ก็หาที่ฝังพวกมันซะ!”
“ลงมือได้ใจกว้างเสียจริง ข้าชอบ!”
ของในนี้หากราชาหุ่นได้มันไปและได้ผ่านการพัฒนาไปในเวลานาน เกรงว่าแดนตะวันออกคงจะไม่ได้มีเพียงแค่ตำหนักตงจี๋ที่เป็นกองกำลังระดับสามแล้วล่ะ
“รีบไปเถอะ! อย่าได้รบกวนความสงบเงียบของข้า”
“ก็ได้”
เสียงของยอดปรมาจารย์หุ่นเชิดท่านนี้ได้หายไปแล้ว มู่เฉียนซีกล่าวกับจวินโม่ซีและพวกว่า “พวกเราออกไปกันเถอะ!”
จวินโม่ซีตกใจผงะไปครู่หนึ่งก่อนจะกล่าวว่า “ออกไป? ยังอ่านตำราเหล่านี้ไม่หมดเลยนะ”
“ตำราเหล่านี้ไม่จำเป็นแล้วล่ะ” เนื่องจากในมรดกของยอดปรมาจารย์หุ่นเชิดท่านนี้มีทุกอย่างแล้ว
มู่เฉียนซีย้ายชั้นตำราชั้นที่เจ็ดออก และปรากฏเส้นทางเส้นหนึ่งจริง ๆ ด้วย
จวินโม่ซียิ้มพลางกล่าวว่า “ที่แท้ทางออกก็อยู่ตรงนี้นี่เอง! ในที่สุดก็สามารถออกไปได้แล้ว”
ในขณะที่คนที่อยู่ด้านนอกกระวนกระวายใจดั่งไฟแผดเผา จู่ ๆ มู่เฉียนซีและพวกก็เดินออกมาแล้ว
ค่ายกลได้ปิดลงอีกครั้ง และไม่ทิ้งร่องรอยใด ๆ เอาไว้เลย
“ท่านผู้นำตระกูล ท่านไม่เป็นอะไร เยี่ยมไปเลย”
“ท่านผู้นำตระกูลออกมาแล้ว”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ข้าทำให้ทุกคนเป็นห่วงแล้ว ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยหรือไม่ ?”
มู่เอ้อร์ตอบ “ท่านผู้นำตระกูลวางใจได้ ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้วขอรับ”
“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็ควรจะออกจากเทือกเขาเมฆามืดได้แล้ว”
“ขอรับ!”
ครั้นแล้วทุกคนก็ได้เดินออกไปจากเทือกเขาเมฆามืด เพียงแต่ว่า ณ ทางออกกลับเจอเรื่องที่ไม่คาดคิด มีคนรอพวกเขาอยู่ด้านนอก
ไป๋อู๋ห่ายยิ้มพลางมองไปที่เฟิงอวิ๋นซิว และกล่าวว่า “อวิ๋นซิว ภารกิจครั้งนี้เป็นเช่นไรบ้าง ?”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ท่านหัวหน้าตำหนักวางใจได้แล้ว! ในตอนนี้สำนักหุ่นปีศาจได้ตายสิ้น ไม่หลงเหลือแม้แต่ผู้เดียว”
“ดี! ดี ๆ! ให้อวิ๋นซิวทำภารกิจ ข้าวางใจมาโดยตลอด”
ทุกคนต่างตกตะลึงกับคำกล่าวนี้ยิ่งนัก เห็น ๆ กันอยู่ว่าการทำลายล้างสำนักหุ่นปีศาจในครั้งนี้ ผู้ที่นำกลุ่มก็คือท่านผู้นำตระกูลมู่กับหอหมอปีศาจ
แต่การที่ไป๋อู๋ห่ายกล่าวเช่นนี้ดูเหมือนว่าจะมอบความดีความชอบให้กับนายน้อยอวิ๋นซิวแต่เพียงผู้เดียวก็มิปาน
นี่ไม่ใช่เป็นการสร้างความขัดแย้งให้กับทั้งสองฝ่ายหรอกเหรอ ?
แต่การที่มู่เฉียนซีไม่ได้สนใจ ก็ไม่ได้หมายความว่าหอหมอปีศาจไม่สนใจ
อย่างไรเสียการรับมือกับสำนักหุ่นปีศาจในครั้งนี้ หอหมอปีศาจก็ได้ทุ่มเททรัพยากรลงไปเป็นจำนวนมาก
ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “ในเมื่อได้ทำลายล้างสำนักหุ่นปีศาจลงไปแล้ว ไม่รู้ว่าวิชาหุ่นเชิดชั่วร้ายของสำนักหุ่นปีศาจนั้น อวิ๋นซิวได้รับมันมาหรือไม่ วิชาชั่วร้ายเช่นนี้ต้องทำลายไปให้สิ้นซากถึงจะเป็นการดี”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ไม่ได้มา!”
ไป๋อู๋ห่ายมาที่นี่ไม่ใช่เพื่อมาลงมือ ที่แท้เป้าหมายก็คือสิ่งนี้นี่เอง “หากอวิ๋นซิวไม่ได้มา นั่นก็น่าจะอยู่ในมือของมู่เฉียนซีใช่หรือไม่? เจ้ามีความสัมพันธ์ที่ดีกับสาวน้อยผู้นี้ ไม่ว่าสิ่งใดก็มอบให้นาง แต่วิชาหุ่นเชิดนี้ไม่ได้เด็ดขาดเชียวนะ!” สายตาของไป๋อู๋ห่ายจ้องมองไปที่มู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีเงยหน้ามองไป๋อู๋ห่าย จากนั้นก็เอ่ยปากกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าตำหนักไป๋ ข้าเป็นผู้นำตระกูลมู่ หนึ่งในเจ้าของหอหมอปีศาจ คราวหน้าคราวหลังโปรดเรียกข้าว่าผู้นำตระกูลมู่ด้วย”
“ที่ท่านพูดก็ถูก ของอยู่ในมือข้า เช่นนั้นก็พูดกันอย่างตรงไปตรงมา เป็นเช่นไร?”
ไป๋อู๋ห่ายกล่าว “วิชาหุ่นเชิดนี้เป็นวิชามารและเหี้ยมโหด หากปล่อยให้อยู่บนโลกใบนี้มันก็มีแต่จะเป็นภัยต่อทุกคน ข้าว่ามิสู้เจ้ามอบมันให้กับตำหนักตงจี๋เสียดีกว่า พวกเราจะทำลายมันให้สิ้นซากเอง”
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “ท่านหัวหน้าตำหนักไป๋ก็กล่าววาจาไร้สาระเกินไปแล้ว! หากตกไปอยู่ในมือตำหนักตงจี๋ของท่าน ข้าว่าพวกท่านคงจะไม่ทำลาย แต่กลับจะเก็บเอาไว้เสียเองมากกว่า!”