“ไม่เช่นไร สุ่ยจิงอิ๋ง ข้าคิดว่าส่งจิ่วเยี่ยกลับไปจะดีกว่า เจ้าว่าถูกหรือไม่ ?” มู่เฉียนซียิ้มพลางหันไปมองสุ่ยจิงอิ๋ง
เผ่ามังกรเทพในแดนมังกร ไม่รู้เพราะเหตุใดนางถึงได้รู้สึกว่าไม่ได้แข็งแกร่งเหมือนดั่งที่นางได้จินตนาการเอาไว้
อีกทั้งนางยังสามารถปลอมตัวเป็นคนของเผ่ามังกรวารีเผ่าที่ได้รับความเคารพนับถือเช่นนี้ มันจึงไม่ได้อันตรายมากเช่นนั้น
ทว่า จิ่วเยี่ยนั้นไม่เหมือนกัน แดนมังกรมีคัมภีร์หมื่นคำสาปที่ทำให้คำสาปในร่างจิ่วเยี่ยกำเริบขึ้นได้ หากมีคนจับได้ ได้เกิดเรื่องใหญ่กับพวกเขาทั้งสองคนแน่
จิ่วเยี่ยเข้าไปใกล้มู่เฉียนซีและกอดนางไว้ในอ้อมกอดแน่น
เขากล่าวเสียงต่ำว่า “ซี เจ้าอย่าแม้แต่จะคิด!”
“ข้าไม่อยากกลับไป พลังอันน้อยนิดนั้นของสุ่ยจิงอิ๋งไม่เพียงพอหรอก”
สุ่ยจิงอิ๋งอยากจะช่วยแต่ก็ช่วยไม่ได้เนื่องจากขาดความสามารถ นางกล่าว “ซีเอ๋อร์ จิ่วเยี่ยพูดถูก ดูเหมือนว่าพวกเราจะฝืนเขาไม่ได้”
“หากเป็นเช่นนั้นก็อยู่ด้วยกันก็ได้” มู่เฉียนซีตัดสินใจและกล่าวออกมา
จิ่วเยี่ยยิ่งขยับเข้าใกล้มู่เฉียนซีมากขึ้น ริมฝีปากของเขาขยับชิดใบหูของนาง
“นึกไม่ถึงเลยว่าซีจะกล้าฝืนข้า ช่างกล้าหาญไม่น้อยเลย ข้าควรจะให้รางวัลซีสักหน่อยแล้วใช่หรือไม่?”
มู่เฉียนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายอันตรายจากวาจาที่น่าหลงใหลนี้ ส่งผลให้ร่างกายของนางแข็งทื่อขึ้นทันใด
นางกล่าวด้วยหน้าตาเหยเกว่า “รางวัลไม่จำเป็นหรอก ข้ากล้าหาญมาตลอด เจ้าก็ใช่ว่าจะไม่รู้”
“ร้อนจริง ๆ จะ เจ้า ปล่อยข้าหน่อยได้หรือไม่!”
มู่เฉียนซีรู้สึกราวกับว่าตนเองถูกเปลวไฟห้อมล้อมอยู่ก็มิปาน ร้อนราวกับกำลังถูกแผดเผา แม้แต่กระดูกก็ไม่มีเหลือ
จิ่วเยี่ยจะยอมปล่อยนางง่าย ๆ เช่นนั้นได้อย่างไรกันเล่า จากนั้นก็เป็นการประลองฝีมือกัน
ทุกครั้งที่มู่เฉียนซีจะฉวยโอกาสให้จิ่วเยี่ยกินยาหัวใจโพธิ์ก็จะถูกจิ่วเยี่ยมองออก ในที่สุดก็ไม่สำเร็จ
สุดท้ายมู่เฉียนซีก็หมดแรงและผล็อยหลับไป จิ่วเยี่ยจึงโอบกอดนางเอาไว้ในอ้อมแขน
ในตอนนี้มีเบาะแสของคัมภีร์หมื่นคำสาปแล้ว แต่เรื่องราวข้างหน้าต่อไปจากนี้เป็นเรื่องที่เขาไม่สามารถควบคุมได้ เขาไม่มีทางให้ซีต้องตกอยู่ในอันตรายเด็ดขาด
เขาเอากลีบดอกบัวหงส์สีฟ้าอ่อนออกมากลีบหนึ่ง และกล่าวเสียงขรึมว่า “สุ่ยจิงอิ๋ง เรามาทำข้าตกลงกัน!”
“หากเกิดความผิดปกติขึ้นกับข้า ต้องให้ซีกลับไปที่ดินแดนสี่ทิศ”
กลีบดอกกลีบนี้ของสุ่ยจิงอิ๋งได้เปล่งแสงสีฟ้าอ่อนระยิบระยับขึ้น
“ทุกอย่างข้าฟังคำสั่งของซี เพราะซีเป็นเจ้านายของข้า”
สุ่ยจิงอิ๋งมีปณิธานที่แข็งแกร่งมาก ไม่ว่าผู้ใดก็ไม่สามารถโน้มน้าวนางได้
“แต่ว่าซีเป็นเจ้านายของผู้พิทักษ์นิรันดร์ ไม่ควรให้ซีอยู่ห่างจากอันตรายหรอกเหรอ?”
“เมื่อถึงตอนนั้น ข้าจะตัดสินเองว่าจะทำให้ซีปลอดภัยและสบายใจเช่นไร ไม่จำเป็นต้องให้องค์ชายจิ่วเยี่ยมาทำข้อตกลงเช่นนี้ด้วย”
ในตอนนี้ สุ่ยจิงอิ๋งไม่ได้อ่อนโยนเหมือนที่พูดกับมู่เฉียนซีแล้ว น้ำเสียงของนางนั้นเฉยเมยมาก
“เจ้าไม่เชื่อใช่หรือไม่ว่าข้าจะทำลายเจ้าได้!”
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาสีฟ้าคู่นั้น พลังอันแข็งแกร่งในมือเขาคล้ายกับว่าจะลงมือแล้วจริง ๆ
“ไม่มีสิ่งใดที่จะสำคัญไปกว่าซี ต่อให้เจ้าเอาชีวิตข้ามาขู่ คำตอบของข้าก็ยังคงเหมือนเดิม”
นี่คือผู้พิทักษ์นิรันดร์ ดอกบัวหงส์เก้ากลีบ หากยอมรับเจ้านายแล้ว เจ้านายก็จะเป็นสิ่งทุกอย่าง
และความไว้ใจนี้ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้จิ่วเยี่ยมอบนางให้มู่เฉียนซีทำพันธสัญญา
หากซีประสบกับอันตราย สุ่ยจิงอิ๋งก็จะปกป้องซีอย่างสุดความสามารถ
จิ่วเยี่ยรู้ดีว่าพูดไปมันก็เปล่าประโยชน์ เขาจึงเก็บกลีบดอกบัวหงส์กลีบนั้นของสุ่ยจิงอิ๋งไว้ และกอดมู่เฉียนซีหลับไป
ในจวนท่านเจ้าเมืองเมืองหมอกเมฆา มู่เฉียนซีได้อยู่สืบหาข่าวต่อ รอหลังจากที่รวบรวมข่าวต่าง ๆ มาได้พอสมควรแล้ว พวกเขาก็สามารถดำเนินการในขั้นตอนต่อไปได้
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! มู่เฉียนซียังไม่ทันได้รวบรวมข่าวได้ครบ เกาะหมอกเมฆาก็เกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน
เกิดเสียงดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นราวกับเมืองหมอกเมฆาจะพังทลายลงก็มิปาน
เมืองหมอกเมฆาได้เข้าสู่การเตรียมการต่อสู้ อวิ๋นเทียนจ้านกล่าว “ทุกคน เตรียมป้องกันศัตรู!”
“บัดซบ! นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะมาอีกแล้ว”
“ไม่ว่ายังไงก็ต้องปกป้องเมืองหมอกเมฆาเอาไว้ให้ได้!”
“ส่งคนไปปกป้องท่านมังกรวารี ท่านมังกรวารีเพิ่งจะโตเป็นผู้ใหญ่ พลังยังไม่แข็งแกร่ง จะเกิดข้อผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด หากท่านมังกรวารีผู้สูงศักดิ์มาตายในเมืองหมอกเมฆาของข้าแล้วละก็ ข้าก็จะเป็นบาปอันใหญ่หลวง” ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นออกคำสั่ง
“ขอรับ!”
ตูม ตูม ตูม!
เสียงต่อสู้ดังสนั่นหวั่นไหวอยู่นอกเมืองหมอกเมฆา และพวกเขาก็กลายร่างเป็นกายแท้ เป็นมังกรต่อสู้อยู่กลางอากาศ
มังกรที่ถูกส่งมาปกป้องมู่เฉียนซีในตอนนี้ก็มาถึงแล้ว พวกเขากล่าว “ท่านมู่ เชิญตามพวกเราไปที่ที่ปลอดภัยก่อนเถอะขอรับ ตอนนี้เมืองหมอกเมฆาไม่ปลอดภัย”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “นี่มันเกิดอันใดขึ้น เมืองหมอกเมฆาเกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นได้อย่างไร?”
คนผู้นั้นตอบ “ท่านมู่ ท่านคงจะยังไม่รู้ ตอนนี้ไม่เพียงแต่เมืองหมอกเมฆาของพวกเราเท่านั้นที่ไม่สงบ ทั่วทั้งแดนมังกรก็ไม่สงบเช่นกัน เผ่ามังกรวารีของท่านเก็บตัวอยู่มานานหลายปี ท่านก็เพิ่งจะโตเป็นผู้ใหญ่ ไม่แปลกหรอกขอรับที่จะไม่รู้เรื่องนี้”
“เหตุใดถึงได้เป็นเช่นนี้ เผ่ามังกรถูกแยกออกจากโลก เผ่ามังกรเทพก็มีต้นกำเนิดเหมือนกัน แล้วเหตุใดเผ่ามังกรถึงไม่สงบล่ะ?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“เรื่องนี้ หากจะพูดก็ต้องพูดตั้งแต่เมื่อหลายปีนานมาแล้ว” คนผู้นี้กล่าวอย่างทอดถอนใจ
“เมื่อครั้งนั้นนายน้อยของเผ่ามังกรดำได้ขโมยเอากุญแจเทพของเผ่ามังกรไป การขโมยในสิ่งที่ตนดูแลไปนี้ ทำให้บรรดาเผ่ามังกรแต่ละเผ่าโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สุดท้ายเผ่าเทพจึงได้ลงโทษเผ่ามังกรของพวกเราทั้งเผ่า ต่อให้มีปราการป้องกันแดนมังกรอยู่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย!”
“การลงโทษนี้ทำให้เผ่ามังกรของเราถูกกักขัง พลังวิญญาณนับวันก็ยิ่งน้อยลงทุกที เดิมทีเด็ก ๆ ในเผ่ามังกรเมื่อกำเนิดออกมาก็อยู่ในขั้นสัตว์เทพแล้ว แต่ว่าตอนนี้สามารถเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหนึ่งได้ก็นับว่ายอดเยี่ยมแล้ว”
“ไม่เพียงแค่มังกรน้อยที่เพิ่งกำเนิดออกมา เผ่ามังกรอื่น ๆ ก็ไม่สามารถเพิ่งความแข็งแกร่งได้ก็เพราะว่าพลังวิญญาณที่น้อยลงทุกวันนี่แหละ เวลายิ่งผ่านมานานขึ้นเรื่อย ๆ เผ่ามังกรของพวกเราก็ขาดการสืบทอด”
“ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ก็มีมังกรกลุ่มหนึ่งต้องการจะควบคุมเผ่ามังกรทั้งหมด และยอมสวามิภักดิ์ต่อเผ่าเทพ ให้เผ่ามังกรตกเป็นของเผ่าเทพ พวกเราเผ่ามังกรเทพมีความภาคภูมิใจในฐานะที่เป็นเผ่าสัตว์เทพ ไม่ยอมให้เรื่องเช่นนั้นเกิดขึ้นอย่างแน่นอน และเนื่องจากความคิดเห็นที่ไม่ตรงกันนี้ จึงทำให้สองฝ่ายเกิดการต่อสู้ขึ้น!”
“ช่วงสิบปีที่ผ่านมานี้การต่อสู้ก็เริ่มรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ เกาะลอยฟ้าที่เขตแดนนี้ เมืองหมอกเมฆาของพวกเราเป็นเมืองสุดท้ายของเผ่ามังกรที่ยังเป็นแดนสุขาวดีอยู่ ส่วนเมืองอื่น ๆ นั้นถูกเผ่าเทพส่งคนมายึดครองแล้ว”
กดดันมานานหลายปี เผ่ามังกรที่แข็งแกร่งจึงโหยหาพลัง
เพื่อพลังแล้ว พวกเขายอมทรยศฐานะอันสูงส่งของเผ่า และในฐานะที่พวกเขาคือเผ่ามังกร พวกเขารู้สึกละอายใจเป็นอย่างมาก
“ท่านมังกรวารีวางใจได้ สาเหตุที่เมืองหมอกเมฆาของพวกเรายืนหยัดมาได้นานเช่นนี้ก็เพราะว่าเมืองหมอกเมฆาของพวกเรามีค่ายกลป้องกันที่แข็งแกร่งพอ เวลาชั่วยามครึ่งพวกมันไม่มีทางทำลายเข้ามาได้แน่นอน”
ทว่า ค่ายกลป้องกันนี้จะสามารถยืนหยัดได้นานเพียงใดกันล่ะ! ในใจมังกรตนนี้เริ่มตื่นตระหนกบ้างแล้ว
“ท่านมังกรวารี เรารีบไปที่ที่ปลอดภัยกันเถอะ! มิเช่นนั้นเกรงว่าท่านจะมีอันตรายได้”
มู่เฉียนซีส่ายหน้าและกล่าวว่า “เจ้าไปช่วยท่านเจ้าเมืองของเจ้าเถอะ! ไม่ต้องสนใจพวกข้าหรอก!”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไรกันขอรับ ท่านมังกรวารีเป็นแขกสำคัญ”
จิ่วเยี่ยโอบไหล่มู่เฉียนซีพลางกล่าว “ผู้หญิงของข้า ผู้ใดจะกล้าแตะต้อง พวกมันก็แค่มดปลวกเท่านั้น” ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถลงมืออย่างตามใจกับผู้แข็งแกร่งที่สุดของเผ่ามังกรได้ แต่เผ่ามังกรธรรมดา ๆ เหล่านี้ หากอยู่ต่อหน้าจิ่วเยี่ยแล้วก็เปรียบเสมือนมดปลวกเท่านั้น