ระหว่างทางที่กลับไปเมืองหมอกพิรุณ จิ่วเยี่ยได้พบกับทะเลสาบที่ใสสะอาดแห่งหนึ่ง อุณหภูมิของน้ำนั้นเย็นสบายมาก และหลังจากที่ได้ปล้นตัวมู่เฉียนซีมาแล้ว เขาก็พานางไปที่นั่น
“ไม่ต้อง ตอนนี้ข้าแค่ต้องการนอนคนเดียว” มู่เฉียนซีกล่าวปฏิเสธ
“ซีนอนตอนนี้ก็ถูกแล้ว แช่น้ำก็นอนได้”
มู่เฉียนซีกรอกตามองบน ก็ใช่น่ะสิ ไม่ใช่ตัวเองไม่รู้หรอกว่ามันเป็นเช่นไร!
หากลงไปอาบน้ำจริง ๆ แล้วนางสามารถหลับได้นางก็คงจะขึ้นสวรรค์ได้แล้วล่ะ
“ข้าว่าเรากลับกันเถอะ!”
ร่างของพวกเขาทั้งสองเคลื่อนไหวพุ่งผ่านป่าดงพงไพรไปอย่างรวดเร็ว และมู่เฉียนซีก็ได้ยินเสียงน้ำไหลซ่าแล้ว
“ข้าต้องการจะปรนนิบัติซี ซีก็ให้โอกาสข้าเถอะนะ!”
“ไม่ต้อง ๆ! ข้าเป็นเพียงแค่สาวน้อยคนหนึ่งจะให้องค์ชายจิ่วเยี่ยมาปรนนิบัติได้อย่างไรกันเล่า! ตอนนั้นข้าแค่พูดจาขำ ๆ เจ้าอย่าได้จริงจังเลย!”
“เช่นนั้นซีก็ปรนนิบัติข้าเถอะ!”
สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำขึ้นทันที นี่มัน…
“ข้าปฏิเสธ!”
“ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าปฏิเสธ!”
“ข้าไม่ยอม!”
“แค่ข้ายอมคนเดียวก็เพียงพอแล้ว!”
“……”
มู่เฉียนซียังไม่ทันต่อสู้คัดค้านสำเร็จพวกเขาทั้งสองก็ได้มาถึงสถานที่ที่จะอาบน้ำแล้ว
พวกเขายืนอยู่บนพื้นหญ้าริมทะเลสาบ มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย ข้าว่าให้ข้าอาบคนเดียวดีกว่า ส่วนเจ้าไปเดินชมนกชมไม้อยู่บริเวณรอบ ๆ ก็แล้วกัน นี่เป็นถึงทะเลสาบกลางป่าที่เปิดโล่ง ต่อให้ไม่มีคนมา แต่ก็อาจจะมีมังกรหรือสัตว์วิญญาณอื่นมาก็ได้นะ!”
จากนั้น จิ่วเยี่ยก็ได้แผ่ซ่านพลังของตนเองออกมา
พลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นอย่าว่าแต่มังกร และสัตว์วิญญาณเลย แม้แต่สัตว์ตัวเล็ก ๆ ที่ไร้สติปัญญาธรรมดา ๆ ตัวหนึ่งก็ไม่มีทางย่างกรายเข้ามาได้แน่นอน และคงไม่มีผู้ใดกล้าย่างกรายเข้ามาทำลายเรื่องดี ๆ ขององค์ชายจิ่วเยี่ยแน่นอน
“ซีวางใจได้ ไม่มีสัตว์ใดกล้าเข้ามาหรอก”
มู่เฉียนซีมองร่างเพรียวบางในชุดดำที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้อย่างพิจารณา นางกล่าวเย้ยหยันว่า “ไม่มีสัตว์ใดกล้าเข้ามา เจ้าช่างกล้าพูดจริง ๆ เลยนะ!”
“ผู้ที่อยู่ตรงหน้าข้าในตอนนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์ร้ายที่สุดตัวหนึ่งที่พร้อมจะกลืนกินเลือดเนื้อและกระดูกจนไม่เหลือซาก อย่าคิดว่ารูปร่างหน้าตาของเจ้ารูปงามเช่นนี้แล้วข้าจะหลงใหลนะ นี่ เจ้า ถอยไปห่าง ๆ ข้าหน่อย…”
ฉึก! ผลสุดท้ายจิ่วเยี่ยไม่เพียงแต่จะไม่ถอยห่างมู่เฉียนซีเท่านั้น แต่ยังลงมือฉีกเสื้อผ้าของมู่เฉียนซีอีกด้วย
“ซีพูดถูก ข้าเป็นสัตว์ร้าย และแน่นอนว่าต้องทำเรื่องที่สัตว์ร้ายควรจะทำ”
ตูม! จิ่วเยี่ยอุ้มมู่เฉียนซีกระโดดลงทะเลสาบ
ทะเลสาบอันเย็นยะเยือกนั้นกลับไม่สามารถทำให้จิ่วเยี่ยสงบลงได้เลย และยังทำให้เขายิ่งอันตรายมากขึ้นอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าวเตือนว่า “เจ้า นี่เจ้าบอกว่าจะช่วยข้าอาบน้ำไม่ใช่เหรอ นี่เจ้าจะผิดคำพูดไม่ได้นะ”
จิ่วเยี่ยกัดคอที่เรียวยาวดั่งหยกของมู่เฉียนซีก่อนจะกล่าวว่า “รอให้สัตว์ร้ายอย่างข้ากินอิ่มเสียก่อน จากนั้นจะช่วยซีอาบแน่นอน ซีไม่ต้องรีบร้อน”
นางไม่ได้รีบร้อน แต่เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง!
ทะเลสาบอันเงียบสงบในตอนนี้ได้เกิดระลอกคลื่นกระเพื่อมอย่างต่อเนื่อง
ดวงจันทราสว่างไสวอยู่บนท้องฟ้า และบนพื้นน้ำก็เคลือบด้วยแสงสีเงินชั้นหนึ่ง
สองคนที่อยู่ในทะเลสาบ ในตอนนี้เส้นผมสีดำหนาดุจแพรไหมนั้นได้พัวพันเข้าด้วยกันจนยากที่แยกออกจากกันได้
ภายใต้ผิวขาวนวลผ่องที่สาดแสงจันทรานั้น ช่างบอบบางและเรียบเนียนยิ่งกว่าหยกขาวเสียอีก
มู่เฉียนซีนอนในอ้อมกอดของจิ่วเยี่ย และจิ่วเยี่ยก็ไม่ได้ลืมคำพูดที่เคยให้ไว้ เขาก็เริ่มปรนนิบัติ เริ่มอาบน้ำให้กับนาง
หลังจากที่อาบน้ำให้นางเสร็จ เขาก็สวมเสื้อผ้าอาภรณ์ให้กับมู่เฉียนซี จากนั้นก็ออกไปจากสถานที่แห่งนี้อย่างรวดเร็ว
เขามองผู้ที่นอนหลับอยู่นั้น และกล่าวว่า “วันนี้ข้าได้ปรนนิบัติซี ซีรู้สึกพึงพอใจหรือไม่?”
“ซีไม่ตอบ นั่นก็หมายความว่าซีพอใจ! พรุ่งนี้ค่อยต่ออีก!”
มู่เฉียนซียังไม่รู้ว่าจิ่วเยี่ยจะคิดเองเออเองตัดสินใจเองเช่นนี้แล้ว
วันต่อมา มู่เฉียนซีนอนหลับพักผ่อนอิ่มแล้ว ทันทีที่นางตื่นมาก็มองจิ่วเยี่ยด้วยสายตาอาฆาตแค้นอยากจะฆ่าเขายิ่งนัก
องค์ชายจิ่วเยี่ยคุ้นชินไปแล้วหรือว่าเป็นหมูตายที่ไม่กลัวน้ำร้อนลวกกันแน่
“ข้าไม่อยากจะคุยกับเจ้าตอนนี้!”
หลังจากลุกขึ้นมา นางก็ไปดูอาการของเฮยเย้า หลังจากที่ทุกอย่างคงที่แล้ว นางกับจิ่วเยี่ยก็ไปหาท่านเจ้าเมืองอวิ๋นเพื่อปรึกษาเรื่องบางอย่าง
มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ท่านเจ้าเมืองอวิ๋น ต้องการจะแย่งเกาะลอยฟ้าที่เรียกตนเองว่าฝ่ายเทพนั้นกลับมาหรือไม่?”
“ท่านมังกรวารี นี่ท่าน นี่ท่านว่าอะไรนะ?” ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นแทบไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง
จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้ากับซีไม่พูดสิ่งใดซ้ำสองครั้ง!”
ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นสงบจิตใจลงและกล่าวว่า “ต้องการ ข้าต้องการแน่นอน! ฝ่ายเทพเป็นศัตรูของพวกเรา ข้าต้องอยากกำจัดพวกมันอยู่แล้ว หากเกาะลอยฟ้าไม่มีฝ่ายเทพคอยกำเริบเสิบสานอยู่อีกต่อไป พวกเราก็จะอยู่อย่างสงบไปแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านเจ้าเมืองอวิ๋น ข้ากับจิ่วเยี่ยจะช่วยพวกเจ้าเอาเกาะลอยฟ้ากลับมา แต่ข้าต้องการให้เจ้ารับปากข้าเรื่องหนึ่ง”
ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นตกใจผงะขึ้น เรื่องเดียว หรือว่าพวกเขาต้องการเป็นผู้ควบคุมเกาะลอยฟ้าทั้งหมด
นี่ก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ อย่างไรเสียฐานะของท่านมังกรวารีนั้นสูงศักดิ์มาก การที่นางเห็นเกาะลอยฟ้าอยู่ในสายตาเช่นนี้ นั่นก็นับว่าเป็นเกียรติอย่างยิ่งสำหรับพวกเขา
เขากล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านมังกรวารีเชิญเอ่ยมาได้”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากได้เกาะลอยฟ้าทั้งหมดมาแล้ว ข้าหวังว่าท่านเจ้าเมืองอวิ๋นจะสามารถส่งเหล่ามังกรออกไปเก็บสมุนไพรวิญญาณทั่วทั้งเกาะลอยฟ้ามาให้ข้า ข้าเป็นนักปรุงยาคนหนึ่ง นักปรุงยาล้วนแต่ชื่นชอบในสมุนไพรวิญญาณด้วยกันทั้งสิ้น ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นเองก็น่าจะรู้ดี”
ในตอนนี้ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นรู้สึกไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่ได้ยินเลย นึกไม่ถึงเลยว่าคำขอของท่านมังกรวารีจะง่ายดายเพียงนี้
เมื่อกล่าวถึงสมุนไพรวิญญาณ สมุนไพรวิญญาณอันล้ำค่า เกาะลอยฟ้าของพวกเขาไฉนเลยจะเทียบกับเกาะที่ตั้งของเผ่ามังกรวารีได้
ท่านมังกรวารีต้องจงใจกล่าวเช่นนี้แน่ แต่เพียงแค่ทำให้พวกเขาสบายใจเท่านั้น
เป็นเพราะท่านมังกรวารีไม่ชอบฝ่ายเทพเป็นแน่ถึงได้ทำประโยชน์เป็นวิทยาทานให้แก่พวกเขาเช่นนี้
“เรื่องเล็กแค่นี้ พวกเราสามารถจัดการให้ท่านมังกรวารีได้แน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าว “ถึงแม้ว่าเกาะลอยฟ้าจะเป็นเพียงเกาะเล็ก ๆ ในแดนมังกร แต่ก็มีเมืองอยู่จำนวนไม่น้อย เรื่องต่อไปนี้มอบให้เป็นหน้าที่ข้าจัดการ ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นคงจะไม่มีปัญหากระมัง!”
ท่านเจ้าเมืองอวิ๋นกล่าว “ไม่มีปัญหาแน่นอน!”
ภายใต้การแนะนำของมู่เฉียนซี ฝ่ายมังกรของเกาะลอยฟ้าก็เริ่มตอบโต้กลับแล้ว
ในที่สุดพวกเขาก็มีวันที่ไม่ต้องถูกกดขี่ข่มเหงแล้ว
คนของเมืองหมอกเมฆาคิดว่าท่านมังกรวารีเป็นคนที่จิตใจดี มีเมตตาและอ่อนโยน จากนั้นพวกเขาก็ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ว่าท่านมังกรวารียังเป็นมังกรที่ฉลาดหลักแหลม และไม่มีมังกรใดจะเทียบได้
หลังจากที่ได้รับการรักษาและปรับสภาพช่วงหนึ่งแล้ว อาการของเฮยเย้าก็ดีขึ้น พิษก็ค่อย ๆ ถูกกำจัดออกไป
เมื่อมู่เฉียนซีมาเยี่ยมเขาอีกครั้ง เฮยเย้าก็กล่าวว่า “ท่านมังกรวารี ข้า ข้าสามารถฝึกบำเพ็ญได้หรือไม่?”
เขารู้ตัวดีว่าตนเองไม่สามารถขอสิ่งนี้ได้ และไม่อยากจะขอมากเกินไป แต่…
เขาอยากจะทำมันให้ได้!
มู่เฉียนซีกล่าว “รอให้รักษาอาการบกพร่องทางร่างกายที่มีมาตั้งแต่กำเนิดและกำจัดพิษให้หายดีก่อน เจ้าก็สามารถฝึกบำเพ็ญได้แน่นอน เพียงแต่ว่าทักษะวิชาที่เจ้าอ่านมาจากตำราที่หอตำราเหล่านั้นมันไม่เหมาะกับเจ้า ข้าจะหาทักษะวิชาที่เหมาะกับเจ้าให้เจ้าสักเล่ม”
มู่เฉียนซีมีตำราที่จะให้เฮยเย้าจริง ๆ
อย่างไรเสียผู้อาวุโสมังกรดำท่านนั้นก็ได้มอบของล้ำค่าที่อยู่ในกุญแจเทพเผ่ามังกรให้นางไม่น้อย
มู่เฉียนซีตัดสินใจไม่เพียงแค่มอบตำราฝึกวิชาให้เขาเท่านั้น แต่ทั้งยังจะมอบของเหล่านั้นที่อยู่ในกุญแจเทพเผ่ามังกรเพื่อเสริมการฝึกฝนให้กับเขาด้วย อย่างไรเสียนี่ก็เป็นสมบัติของล้ำค่าของบรรพบุรุษเขา
“จริง ๆ เหรอขอรับ!” เฮยเย้าตื่นเเต้นเป็นอย่างยิ่ง
“ยอดเยี่ยมที่สุดเลย!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ดังนั้น เจ้าต้องรีบรักษาตัวให้หายไว ๆ!”
“ขอรับ!” เฮยเย้าพยักหน้าพลางตอบรับ
จู่ ๆ เมืองหมอกเมฆาก็ตอบโต้กลับมาอย่างดุเดือด ทำให้ฝ่ายเทพเหล่านั้นถูกโจมตีจนรับมือตั้งรับไม่ทัน
บัดนี้ เมืองหมอกเมฆาได้กลายเป็นกองกำลังที่ห้อมล้อมพวกเขาแล้ว พวกเขาได้ห้อมล้อมเมืองฝูอวิ๋นที่อยู่ใจกลางเกาะลอยฟ้าเอาไว้แล้ว “ท่านมังกรวารี พวกเราจะลงมือกับเมืองฝูอวิ๋นจริง ๆ เหรอ?”
การต่อสู้ครั้งสุดท้ายกำลังจะเริ่มขึ้น ในใจของท่านเจ้าเมืองอวิ๋นก็รู้สึกประหม่าเป็นอย่างยิ่ง
.