มู่เฉียนซีพุ่งผ่านเทือกเขาชีชงอย่างรวดเร็วราวกับปีศาจ นางสัมผัสได้ถึงตําแหน่งของนักผจญภัยกลุ่มสุดท้ายของหลางเทียน
แสงเย็นยะเยือกวาบผ่าน เข็มยาพุ่งผ่านอากาศออกไป
แน่นอนว่าการรวมพลังของพวกเขาเป็นสิ่งที่แข็งแกร่งที่สุดของคนกลุ่มนี้ ทำให้มู่เฉียนซีลอบโจมตีแต่ก็มิอาจถูกเป้าหมาย
— ตูม! —
พวกเขาตอบโต้มู่เฉียนซีในชั่วอึดใจต่อมา “เหอะ ๆ เจ้าหนู พวกข้ายังไม่ทันได้ตามหาเจ้า เจ้ากลับกล้ามาหาพวกข้าก่อน ช่างกล้านัก”
“เหอะ! คิดจริง ๆ รึว่าพวกข้าจะเป็นขยะของพวกฮุยหลาง ? พวกข้าจะไม่ถูกฆ่าอย่างง่ายดายเช่นนั้นแน่”
“มาถึงที่เช่นนี้ก็ดี พวกข้าจะได้ไม่ต้องลำบากตามหาเจ้า”
— ตูม! ตูม! —
เมื่อถูกโจมตีโดยราชาแห่งภูตทั้งสามคน มู่เฉียนซีจึงได้ใช้กระบวนท่าพันเงาเพื่อหลบหลีก
การโจมตีของระดับราชาทําให้รอบ ๆ เป็นหลุมบ่อ แต่มู่เฉียนซียังคงหลบหลีกอยู่ได้ และแน่นอนว่ามู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พวกเขากัดฟันกรอดด้วยความโกรธ “เจ้าเด็กหนุ่มนี่หลบเก่งเกินไปแล้ว!”
“ใช่! เจ้าเด็กนี่มีก้าวย่างที่เหนือชั้นมาก เขาเป็นสิ่งล้ำค่า!”
สายตาของพวกเขามองไปที่มู่เฉียนซีด้วยความโลภ มู่เฉียนซีรีบยกมือขึ้น กล่าวว่า “จัดการมันซะ!”
ผงพิษ กระสุนพิษ สิ่งมีพิษและยาพิษ ทั้งหมดทั้งมวลนี้มู่เฉียนซีโยนออกไปอย่างไม่เสียดายเงินเพื่อโจมตีพวกเขา การรับมือกับยอดฝีมือระดับราชาทั้งสามคนย่อมไม่สามารถใช้พลังวิญญาณอย่างสุดกำลังเพื่อสู้กับพวกเขาได้ นี่จะไม่ใช่การรนหาที่ตายรึ ?
“แค่ก ๆ ๆ”
“บัดซบเอ๊ย! เจ้าเด็กหนุ่มนี่ปล่อยยาพิษ ร้ายกาจเกินไปแล้ว”
“เจ้าหมอนี่เป็นสิ่งที่มีพิษโดยสมบูรณ์ ข้ารู้สึกราวกับว่าเขามีพิษไม่จำกัดพร้อมที่จะโปรยได้ทั่วผืนแผ่นพสุธา!”
มู่เฉียนซีฉวยโอกาสตอนที่พวกเขากําลังง่วนอยู่กับการต่อต้านพิษ ถอยออกจากวงล้อมของพวกเขาไป นางหมายใจจะฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาเจ็บ และเอาชีวิตพวกเขา
กระบี่มังกรเพลิงปลดปล่อยพลังอันบ้าคลั่งพุ่งเข้าใส่ทั้งสามคนนั้น
“มังกรเพลิงสังหาร!”
— ปัง! —
แสงสีแดงเข้มพุ่งเข้าไปในวงสิ่งมีพิษ การโจมตีทําลายล้างใกล้เข้ามาแล้ว สําหรับทั้งสามคน ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่เป็นหายนะอันใหญ่หลวง
— ปัง! ปัง! ปัง! —
พวกเขาทั้งสามคนลอยกระเด็นออกไป และยังไม่ทันที่จะลุกขึ้นมาก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเย็นยะเยือกที่ทิ่มแทงถึงกระดูก
“มังกรวารีพิฆาต!”
“พรวด! พรวด!”
พวกเขากระอักเลือดอย่างหนัก น่าทึ่งดีแท้! ชีวิตนี้พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าปรมาจารย์ภูตระดับสองจะบีบบังคับให้พวกเขามาถึงขั้นนี้ได้
แน่นอนว่าระดับราชานั้นก็ไม่ง่ายเลยที่จะต่อกรด้วย หลังจากได้รับบาดเจ็บสาหัสจากสองกระบวนท่า พวกเขาก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วและสู้ต่อไป
ทว่าผลลัพธ์ที่ได้…
พลังของพวกเขาลดลงอย่างรวดเร็ว ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงไปเป็นปรมาจารย์ภูตระดับห้า พวกเขาเบิกตากว้าง จ้องมองมู่เฉียนซีอย่างตกตะลึงไม่อยากจะเชื่อ
มู่เฉียนซียิ้มเย้ย กล่าวว่า “อื้ม! ข้ารู้ว่าพวกเจ้ากลัวพิษของข้ามาก ไม่ต้องกังวลไป ต่อไปข้าจะไม่ใช้พิษกับพวกเจ้าแล้ว ฮ่า ๆ ๆ”
“เจ้า… เจ้า…” พวกเขาโกรธจนกล่าวอะไรไม่ออก
“ผนึกมังกรวารี!” พวกเขางุนงงไม่ทันได้ลงมือ มู่เฉียนซีก็ชิงโจมตีก่อนแล้ว
นี่คือการปรับความแข็งแกร่งของพวกเขาให้อยู่ในระดับเดียวกัน จากระดับราชาเปลี่ยนไปเป็นปรมาจารย์ภูต พวกเขาไม่สามารถปรับตัวได้เลย ก่อนหน้านี้เขายังหัวเราะเยาะเจ้าเด็กหนุ่มผู้นี้ที่เป็นระดับปรมาจารย์ภูตความแข็งแกร่งต่ำ ใครเลยจะคิดว่าในชั่วพริบตาจะเป็นพวกเขาเองที่ต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์อับจนหนทาง
แม้ว่าระดับจะลดลง แต่พวกเขาก็มีประสบการณ์การต่อสู้ของระดับราชา ความแข็งแกร่งของพวกเขายังสูงกว่าเจ้าหนุ่มมู่ซีถึงสามขั้น ทั้งจํานวนคนก็ยังมากกว่าเขาถึงสามเท่า พวกเขาคงไม่สามารถทําตัวเหมือนเจ้าเด็กหนุ่มนี่ได้
เห็นได้ชัดว่าพวกเขานั้นคิดง่ายเกินไป ความเป็นจริงมีเพียงการนองเลือด เห็นได้ชัดว่าความเร็วของพวกเขาไม่เพียงพอ มันไม่สามารถไล่ตามมู่เฉียนซีได้!
และกระบี่ในมือของมู่เฉียนซี ก็อันตรายอย่างหาที่เปรียบมิได้!
สามต่อหนึ่ง แต่ฝ่ายกระทำกลับตกอยู่ในมือของมู่เฉียนซี แม้ว่าพวกเขาจะมีจิตสังหารเต็มที่ แต่พวกเขาก็ไม่สามารถทําร้ายมู่เฉียนซีได้และกลายมาเป็นคู่ฝึกซ้อมของมู่เฉียนซีในที่สุด
มู่เฉียนซีรู้สึกว่ากลิ่นอายของระดับราชาที่แข็งแกร่งที่สุดกําลังเข้ามาใกล้ ดวงตานางส่องประกายเย็นยะเยือกขณะกล่าวหยอกล้อ “ข้าจะบอกข่าวดีหนึ่งเรื่องกับพวกเจ้า ผู้นำกลุ่มของพวกเจ้ามาที่นี่แล้ว”
“ผู้นำกลุ่มของพวกข้ามาแล้ว เจ้าหนู เจ้าต้องตายแน่ ๆ!”
“ผู้นำของพวกข้าจะต้องแก้แค้นให้พวกข้า หึ ๆ ๆเตรียมตัวเตรียมใจได้เลยเจ้าเด็กบ้า!” พวกเขากัดฟันกล่าวด้วยความโกรธ แต่สิ่งที่ทําให้พวกเขาประหลาดใจคือ… เด็กหนุ่มผู้นี้บอกว่าผู้นำกลุ่มของพวกเขามาแล้ว เหตุใดจึงยังคงก่อกวนพวกเขาอยู่
เวลานี้พวกเขารู้สึกถึงถึงกลิ่นอายของหลางเทียน ความปีติยินดีผุดขึ้นในใจ ท่านผูนำกลุ่มมาแล้ว มาแล้วจริง ๆ ดีเหลือเกิน!
“ต่อไปข้าคงจะต้องบอกข่าวร้ายกับพวกเจ้าว่าในเมื่อหลางเทียนมาที่นี่แล้ว เช่นนั้นข้าก็จะไม่เล่นกับพวกเจ้าแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นมา
“มังกรวารีพิฆาต!”
มังกรวารีเย็นเยือกตัวหนึ่งโอบล้อมพวกเขาไว้ ทําให้โลหิตในกายของพวกเขาถูกแช่แข็ง
“มังกรเพลิงสังหาร!”
มังกรเพลิงสีแดงเข้มพุ่งเข้ามาหมายจะทําลายพวกเขาอย่างไร้ความปราณี กระบี่มังกรเพลิงลอยออกมาและกลืนกินมันลงไป
เดิมทีหลางเทียนรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของมู่เฉียนซีที่พุ่งตรงมาทางนี้อย่างบ้าคลั่ง เมื่อเขาได้ยินเสียงสั่นสะเทือนนี้ เขาก็เร่งความเร็วขึ้น เมื่อเขามาถึง เขาก็ได้เห็นศพของสมาชิกในกลุ่มทั้งสามคนนอนแอ้งแม้งไร้ชีวิต
หลางเทียนโกรธจนแทบลมจับ ระดับราชาทั้งหมดนอกจากเขา ก็ได้ตายไปหมดแล้ว
เหลือเพียงหลางเทียนที่เป็นระดับราชาเพียงคนเดียว จากนักผจญภัยกลุ่มย่อยอันดับหนึ่งของเมืองฉู่ คงต้องกลายเป็นนักผจญภัยกลุ่มย่อยลำดับสุดท้ายอย่างแน่นอน นี่ไม่ใช่เรื่องที่สามารถอภัยให้ได้เลย
แต่ผู้ริเริ่มผู้นั้นกลับกล่าวทักทายเขาอย่างใจเย็นว่า “เฮ้! ผู้นำกลุ่มนักผจญภัยหลางเทียน เจ้ามาเร็วมาก ฮ่า ๆ ๆ”
เจ้าหนุ่มผู้นี้ยังหัวเราะออกมาได้ แต่ใบหน้าของหลางเทียนได้เปลี่ยนเป็นสีเขียวแล้ว
— ตูม! —
พลังวิญญาณที่ชั่วร้ายแผ่กระจายออกมา หลางเทียนหมายจะฆ่ามู่ซี ‘มู่ซี! อย่างไรวันนี้เจ้าต้องตาย’
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิงราวกับจะสู้กันให้ตายไปข้างหนึ่ง!
หลางเทียนคิดไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีเพียงแค่แสร้งทำเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับการโจมตีของมู่เฉียนซีเขาหลบและหนีไปในทันที
เมื่อครู่นี้นางได้ต่อสู้กับระดับราชาทั้งสามคน แม้ว่านางจะยังมีพิษเพียงพอ แต่นางก็ไม่โง่พอที่จะสู้กับหลางเทียนต่อไป
นางยังไม่จากไป ยังคงเลือกที่จะอยู่ต่อก่อน จากนั้นก็รอให้เขาเริ่มไล่ล่า หากไม่เกิดเรื่องที่ไม่คาดคิดขึ้นเสียก่อน ต่อไปหลางเทียนจะไล่ตามมาอย่างไม่ลดละ
ไม่ใช่ว่าหลางเทียนไม่เคยตามล่าผู้ใดมาก่อน แต่นั่นเป็นภารกิจที่ยากจะทําให้สําเร็จ
แต่การไล่ล่าเจ้าหนุ่มมู่ซี สําหรับหลางเทียนแล้วเป็นการทรมานอย่างไม่ต้องสงสัย เขารู้สึกเหมือนถูกเล่นตลก
ระหว่างทางนี้ ไม่รู้ว่าเจ้าเด็กนั่นวางกับดักไปมากน้อยเพียงใด หากไม่ใช่เพราะประสบการณ์ที่หลากหลายและความแข็งแกร่งของเขา เกรงว่ายังไม่ทันได้เจอกับเสื้อผ้าของเจ้าเด็กนั่นก็คงได้ถูกพิษจนตายระหว่างทางที่ไล่ล่าไปนานแล้ว
การไล่ล่าที่ยาวนานทําให้พลังและความตั้งใจในการต่อสู้ของหลางเทียนที่พยายามสังหารมู่เฉียนซีค่อย ๆ หมดไป ยิ่งไล่ตามไปมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งอารมณ์เสียมากขึ้นเท่านั้น
สำหรับมู่เฉียนซี แม้ว่านางจะอยู่ในบรรยากาศที่ตึงเครียดจากการถูกไล่ล่า แต่นางก็สงบนิ่งอย่างผิดปกติ
มู่เฉียนซีหยุดฝีเท้าลง ปล่อยให้หลางเทียนไล่ตามมา
เขาไล่ตามมาอย่างโหดเหี้ยม ปากก็ตะโกนกล่าวไปด้วยว่า “เจ้าหนู ในที่สุดเจ้าก็หนีไม่ไหวแล้วสิ หึ ๆ”
เจ้าหนุ่มผู้นี้ใช้พลังกายหลบหนีโดยไม่กลัวว่าจะใช้พลังวิญญาณหมด แต่พลังวิญญาณของปรมาจารย์ภูตนั้น อาจจะสิ้นเปลืองทีละเล็กละน้อยแต่ก็ยังถือเป็นการสิ้นเปลือง
ทว่าแม้มู่เฉียนซีจะใช้พลังวิญญาณจนหมด นางก็ยังมียาเม็ดเพื่อฟื้นฟูพลังวิญญาณ เช่นนั้นแล้วไม่ว่าจะใช้กระบวนท่าเพื่อหลบหนีอย่างไรก็ไม่อาจทำให้พลังวิญญาณหมดลงได้
มู่เฉียนซียิ้ม กล่าวว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าหนีไม่ไหว แต่กําลังรอเจ้าอยู่ต่างหากเล่าเจ้าโง่!”
.
Related