มู่เฉียนซีกล่าว “เรื่องนี้ไม่อาจชักช้าได้ พาข้าไปตอนนี้เลย!”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าว “ข้าจะเป็นคนพาพวกเจ้าไปเอง”
มู่เฉียนซีกล่าวกับเฮยเย้าว่า “เฮยเย้า เจ้าพักผ่อนเถอะ กินให้อิ่มพักผ่อนให้พอ รอพวกข้ากลับมา”
เฮยเย้าพยักหน้าพลางกล่าว “อืม!”
เผ่ามังกรชอบเก็บสะสมของล้ำค่า โดยเฉพาะทองและอัญมณีทุกชนิดเกือบจะเต็มคลังเก็บของล้ำค่า
ต่อให้เป็นสมุนไพรวิญญาณก็ล้วนแต่สวยงามทั้งสิ้น
แต่พวกมันก็ไม่ได้สวยแต่ภายนอกเท่านั้น ประสิทธิภาพก็ไม่เลวเลย ดังนั้น…
มู่เฉียนซีจึงกวาดเรียบ แม้แต่สมุนไพรวิญญาณสักต้นก็ไม่เหลือไว้ให้เผ่ามังกรอัคคีแล้ว
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีเริ่มเจ็บปวดใจขึ้นแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่า…จะเอาไปทั้งหมดไม่มีเหลือเช่นนี้!
สาวน้อยผู้นี้มาเพื่อรีดไถพวกเขาจริง ๆ เลย!
ผู้ที่รู้จักความผิดของตัวเองอย่าพวกเขากล้าโกรธแต่ไม่กล้าออกปากออกเสียง อย่างไรเสียพวกเขาก็รับปากตอบตกลงไปแล้ว ไม่สามารถกลับคำได้
มู่เฉียนซีนึกไม่ถึงเลยว่า การที่นางแค่คิดอยากรีดไถเผ่ามังกรอัคคีเล็ก ๆ น้อย ๆ แต่เผ่ามังกรอัคคีกลับมีแต่ของที่นางต้องการมากมายถึงเพียงนี้
แผ่นเหล็กชิ้นหนึ่งถูกโยนไปไว้ในมุมมุมหนึ่งที่เต็มไปด้วยฝุ่น
แผ่นเหล็กชิ้นนี้ไม่ได้มีสีสันแวววาวและไม่ได้เป็นสีทองอร่ามแต่อย่างใด ไม่เหมาะกับรสนิยมของเผ่ามังกรเลย แต่กลับเข้ามาอยู่ในคลังเก็บของล้ำค่าของเผ่ามังกรอัคคีเช่นนี้ ช่างให้ความรู้สึกไม่ยากเชื่อจริง ๆ
มู่เฉียนซีหยิบแผ่นเหล็กชิ้นนั้นมาและปัดฝุ่นออก กลิ่นอายที่คุ้นเคยอย่างไม่ต้องสงสัยนั้นคือหนึ่งในแผ่นเหล็กเหล่านั้นที่เก็บซ่อนความลับของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อยู่
นางหาชิ้นที่สามเจอแล้ว!
มู่เฉียนซีกล่าวกับหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีว่า “แผ่นเหล็กนี้ข้าก็ต้องการ”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีมองไปที่แผ่นเหล็กแผ่นนั้น แผ่นเหล็กน่าเกลียดเช่นนี้นึกไม่ถึงเลยว่าจะมาปรากฏอยู่ในคลังเก็บของล้ำค่าของพวกเขาได้ ผู้ใดกันนะที่เอาเข้ามา
เพียงแต่ว่า…
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีก็ไม่ใช่ผู้ที่ยอมเสียเปรียบง่าย ๆ ถูกมู่เฉียนซีกวาดสมุนไพรวิญญาณอันล้ำค่าไปมากมายถึงเพียงนี้เขาก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจมากเช่นกัน
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าวว่า “แม่นางมู่ สิ่งที่ข้ารับปากเจ้าก็คือให้เจ้าเอาสมุนไพรวิญญาณที่สามารถช่วยรักษาอาการของฝ่าบาทเฮยเย้าไปได้เท่านั้น ส่วนของอย่างอื่นข้าไม่ได้รับปาก”
“เจ้าไม่อยากจะให้ใช่หรือไม่?” จิ่วเยี่ยที่เฝ้าอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีอย่างเงียบสงบมาโดยตลอดเห็นมู่เฉียนซีเก็บกวาดของอย่างมีความสุขในตอนนี้เขาก็ได้ปริปากเอ่ยขึ้นแล้ว
น้ำเสียงนี้แฝงไปด้วยความเย็นชาที่ไม่ยอมให้ผู้ใดปฏิเสธได้ ทำให้หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีตกใจสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย
พวกเขารับมือได้ยากจริง ๆ แต่ว่า…
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าว “ของสิ่งนี้มีความสำคัญต่อเผ่ามังกรอัคคีของพวกข้ามาก พวกเจ้านับว่าเป็นสหายกับเผ่ามังกรอัคคี คงไม่คิดจะแย่งไปหรอกกระมัง!”
มู่เฉียนซีด่าในใจว่า ‘เจ้าหมาป่าเจ้าเล่ห์!’
บอกว่าสำคัญมาก จะมีใครเชื่อกันเล่า! ถูกโยนอยู่ในมุมจนฝุ่นเกาะหนาถึงเพียงนั้นแล้ว!
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเอาของแลกแทนได้หรือไม่?”
“แม่นางมู่ก็เห็นแล้วนี่ว่าเผ่ามังกรอัคคีของข้าไม่ได้ขาดแคลนสิ่งใดเลย ของล้ำค่าก็มีมากโขปานนี้ เกรงว่าเจ้าคงไม่มีสิ่งใดจะเอามาแลกให้ข้าใจเต้นแรงได้หรอก”
ลำแสงสีแดงเพลิงแสงหนึ่งส่องสว่างขึ้น มู่เฉียนซีเอาของสิ่งหนึ่งออกมา และกล่าวกับหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีว่า “แล้วหากว่าเป็นสิ่งนี้ล่ะ!”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีตกตะลึงขึ้น “นะ นี่ นี่มันต้นวิญญาณเพลิง ต้นวิญญาณเพลิงจริง ๆ ด้วย!”
“ข้า…ต้นวิญญาณเพลิง! เจ้ามีสิ่งนี้ได้อย่างไร?”
หากไม่มีจิ่วเยี่ยอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี เกรงว่าหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีคงจะพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคี ตกลงเจ้าจะแลกหรือไม่แลก?”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าว “แลก! แลกแน่นอน!”
เอาแผ่นเหล็กไร้ประโยชน์มาแลกกับต้นวิญญาณเพลิง มันช่างคุ้มค่ายิ่งนัก
ถึงแม้ว่าต้นวิญญาณเพลิงนี้จะเป็นแค่ต้นเล็ก ๆ แต่พลังธาตุอัคคีบนเกาะของพวกเขานั้นสามารถเร่งให้มันเจริญเติบโตเร็วได้
มู่เฉียนซีกล่าว “หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคี ข้าไม่ได้หมายความว่าจะแลกกับแผ่นเหล็กธรรมดา ๆ นี้แค่แผ่นเดียว แต่ข้าจะแลกกับเงื่อนไขหนึ่งข้อ”
“เงื่อนไขอะไร?” หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีมองมู่เฉียนซีด้วยความระแวดระวัง เขารู้สึกว่าสาวน้อยผู้นี้กำลังจะบ้าคลั่งขึ้นอีกครั้งแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “ในคลังเก็บของล้ำค่านี้ สิ่งใดที่ข้าถูกใจข้าสามารถเอามันไปได้ และเผ่ามังกรอัคคีของพวกเจ้าก็ได้รับต้นวิญญาณเพลิงต้นนี้ไป”
ได้คืบจะเอาศอกจริง ๆ!
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีกล่าว “ไม่มีทาง! ข้าไม่ตกลง! ถึงแม้ว่าต้นวิญญาณเพลิงนี้จะล้ำค่ามาก แต่ในคลังเก็บของล้ำค่าของเผ่ามังกรอัคคีข้าก็มีของล้ำค่ามากมายที่ล้ำค่ากว่าสิ่งนี้เช่นกัน มันไม่คุ้มเลยสักนิด!”
เขารับประกันได้เลยว่าหากเขาตอบตกลงไป สาวน้อยผู้นี้จะกวาดของล้ำค่าในคลังเขาไปจนหมดสิ้นแน่นอน
ต่อให้ต้นวิญญาณเพลิงจะดึงดูดใจมากเพียงใด เขาก็ไม่สามารถเอาคลังเก็บของล้ำค่าทั้งคลังของเผ่ามังกรอัคคีไปแลกได้
การที่หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีไม่ตอบตกลงนั้น มู่เฉียนซีได้คาดเดาเอาไว้แล้ว
มู่เฉียนซีเอาศิลาสีเพลิงขนาดเท่าหัวแม่มือออกมาชิ้นหนึ่ง เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังธาตุอัคคีอันบริสุทธิ์ของศิลานั้นเข้า หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีก็อุทานขึ้นด้วยความตกใจ
“นี่มัน นี่มันผลึกราชาอัคคี! พระเจ้า! ผลึกราชาอัคคี”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาก็ตื่นเต้นจนแทบจะเป็นลมหมดสติไป
ของสิ่งนี้ ร้อยล้านปีก็ยากที่จะเจอ! นึกไม่ถึงเลยว่าเขาจะโชคดีถึงเพียงนี้ที่ได้เห็นมัน
สาวน้อยผู้นี้โชคดีเกินไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่านางจะมีของล้ำค่าพลังธาตุอัคคีเช่นนี้อยู่ ช่างน่าอิจฉายิ่งนัก
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ต้นวิญญาณเพลิง กับของสิ่งนี้ ตกลงเจ้าจะแลกหรือไม่?”
ผลึกราชาอัคคีนี้ก็แค่แบ่งออกมาเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ได้มีผลกระทบใด
อีกอย่างก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกับวิญญาณกระบี่ แบ่งออกมาเล็กน้อยเพื่อแลกกับของล้ำค่าก่อนก็ไม่เลวเลย
เมื่อเห็นผลึกราชาอัคคีเช่นนี้ หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีก็ได้สูญเสียความรู้สึกครุ่นคิดไปแล้ว เขาพยักหน้าพลางกล่าว “แลก ๆ ๆ!”
“เอามาให้ข้า…เอามา ๆ!”
เขาอดใจรอไม่ไหวแล้ว
มู่เฉียนซีมอบผลึกราชาอัคคีให้ในมือเขา ท่าทางที่ดีใจจนเกินจริงนี้ของหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีทำให้นางรู้สึกตกใจเล็กน้อย
“ให้เจ้า!”
เมื่อผลึกราชาอัคคีมาอยู่ในมือ หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีก็แทบจะเป็นลมหมดสติไป
“เป็นผลึกราชาอัคคีจริง ๆ ด้วย นี่ข้าไม่ได้ฝันไป! ข้าไม่ได้ฝันไป!”
เขากล่าวกับมู่เฉียนซีว่า “ของในนี้ เจ้าต้องการสิ่งใดก็เอามันไปได้เลย! ขะ ข้า ข้าขอตัวก่อน”
“ผู้อาวุโสสูงสุด! ผู้อาวุโสสูงสุด พวกเราจะทะลวงพลังได้แล้ว”
“ผู้อาวุโสสูงสุด…”
หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีวิ่งออกไปพลางตะโกนเรียกผู้อาวุโสสูงสุดราวกับคนบ้าก็มิปาน
หากไม่ใช่เพราะฝีมือการรักษาของมู่เฉียนซียอดเยี่ยมแล้วล่ะก็ นางก็คงจะคิดว่าเจ้าหมอนี่เป็นบ้าไปแล้วเป็นแน่
พรึ่บ! อู๋ตี้กลั้นหัวเราะเอาไว้ไม่อยู่
“นายท่าน นี่มันเป็นของศักดิ์สิทธิ์พลังธาตุอัคคีเชียวนะ! วิญญาณศักดิ์สิทธิ์ทั้งหมดที่มีพลังธาตุอัคคีได้รับมันไปแล้วจะมีประโยชน์มากเชียวนะขอรับ! แต่หากเจ้ามังกรอัคคีตัวนั้นรู้ว่าในมิติของนายท่านยังมีชิ้นใหญ่กว่านี้ คาดว่าคงต้องตกใจจนเป็นลมเป็นแน่”
“นั่นเป็นถึงของล้ำค่าที่สามารถฟื้นฟูวิญญาณกระบี่ได้เลยนะ ข้าให้ไปเท่านั้นก็นับว่ามากแล้ว”
อู๋ตี้กล่าว “นายท่าน ให้ไปเท่านั้นเขาก็ใช้พอแล้วล่ะขอรับ”
มู่เฉียนซีกวาดสายตามองไปที่ของล้ำค่าเหล่านั้น มุมปากก็ยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ในเมื่อหัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีใจกว้างถึงเพียงนี้ ข้าก็ไม่เกรงใจแล้ว อู๋ตี้ ไปหาอาหารของเจ้าเถอะ!”
อู๋ตี้ได้ยินเช่นนี้ก็ดีอกดีใจเป็นอย่างมาก มันกล่าว “นายท่าน ข้ารักนายท่านที่สุดเลย”
ทันทีที่คำพูดนี้ออกไปจากปาก จิตสังหารอันน่าสะพรึงกลัวก็พัดกระโชกมาทันที และร่างของอูตี้ก็กระเด็นลอยออกไปจากคลังเก็บของล้ำค่าแล้ว
รักสนุกจะทุกข์ถนัด!
นึกไม่ถึงเลยว่าจะบอกรักซีต่อหน้าจิ่วเยี่ยเช่นนี้ หากไม่พูดก็คงจะไม่ตาย
เสี่ยวหงเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกมีความสุขกับความทุกข์ของอู๋ตี้ “สมน้ำหน้า!”
ดวงตาของจิ่วเยี่ยมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างลึกซึ้ง และกล่าวว่า “ซี ทำเจ้าแมวตัวผู้นั้นให้เป็นขันทีซะ!”
.