เมื่อก่อนเขาไม่เคยเห็นเจ้านี่อยู่ในสายตาเลย แต่ตอนนี้พลังของมันฟื้นฟูมาได้เล็กน้อยแล้ว จำต้องระมัดระวังเอาไว้
หากให้เจ้านี่ลงมือกับหญิงอัปลักษณ์เข้า ด้วยอุบายอันชั่วร้ายของมันแล้ว หญิงอัปลักษณ์จะต้องตายเช่นไรก็ไม่อาจรู้ได้เลย
การปกป้องของอาถิงทำให้คัมภีร์หมื่นคำสาปไม่กล้าผลีผลามลงมือกับมู่เฉียนซี
ศาลานิรันดร์เย่อหยิ่งมาก แต่พลังของเขานั้น ก็ชัดเจนมากเช่นกัน มันจึงทำได้เพียงแค่ทำให้มู่เฉียนซีหลงใหลโดยการกล่าวว่า “เจ้ามนุษย์ เจ้าคิดให้ดี ๆ นะ ข้าเป็นถึงคัมภีร์หมื่นคำสาปเชียวนะ ถ้าข้าเดาไม่ผิด ที่เจ้าอยากได้คัมภีร์หมื่นคำสาปก็เพราะว่ามีคนต้องคำสาปเข้าแล้วกระมัง! และคนผู้นั้นก็คงจะมีความสำคัญต่อเจ้ามาก และก็คงจะมีความสำคัญมากกว่าท่านศาลานิรันดร์ผู้ที่หยิ่งยโสท่านนี้เป็นแน่ หากเจ้ายอมเป็นฝ่ายเดียวกับข้า ข้าจะบอกวิธีช่วยเขาให้กับเจ้า เป็นเช่นไร?”
เนื่องจากมันอยู่ด้วยความอิจฉาริษยา ดังนั้นมันจึงเข้าใจจุดอ่อนของคนอื่นได้เป็นอย่างดี มันหลอกให้มู่เฉียนซีลุ่มหลงทีละขั้นตอน เพื่อที่จะบรรลุเป้าหมายของมัน
สีหน้าของอาถิงในตอนนี้ดูแย่ลงมาก แต่เขากลับไม่ได้เปล่งเสียงกล่าวแต่อย่างใด เพียงแค่มองไปที่มู่เฉียนซีเท่านั้น
มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าวว่า “ข้าว่า เจ้าพูดจาไร้สาระมากเกินไปแล้วล่ะ”
“อาถิง จะจัดการเจ้านี่ยังไงดีล่ะ” มู่เฉียนซีมองไปที่อาถิงพลางกล่าวถาม
มุมปากของอาถิงยกยิ้มขึ้น ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าหมอนี่หลอกให้เจ้าลุ่มหลงถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยังมีจิตใจที่เด็ดเดี่ยวและแน่วแน่ได้อยู่”
“เจ้าคงจะไม่คิดว่าข้าลุ่มหลงไปกับคำพูดของเจ้านี่แล้วกระมัง!”
“มันก็ไม่แน่หรอก ใครจะไปรู้ได้ล่ะว่าเจ้าจะสามารถทำเรื่องอะไรเพื่อจิ่วเยี่ยได้อีก”
“ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะไม่เชื่อใจข้าถึงเพียงนี้ เช่นนั้นข้าจะยอมทำตามคำพูดของมันเดี๋ยวนี้ซะเลย”
มู่เฉียนซีจะเดินไป แต่อาถิงรั้งเอาไว้ เขากล่าว “นี่ หญิงอัปลักษณ์ เจ้ากล้าเหรอ!”
ทั้งสองต่อปากต่อคำกันจนได้เพิกเฉยต่อคัมภีร์หมื่นคำสาปไปแล้ว
ความกดดันของคัมภีร์หมื่นคำสาปยิ่งต่ำลงเรื่อย ๆ ศาลานิรันดร์ในตอนนี้ดูเหมือนว่าจะทำให้มันอิจฉาริษยามากขึ้นกว่าเดิม
มันอยากจะทำลายด้วยวิธีที่ป่าเถื่อนเสียจริง
และแน่นอนว่าอาถิงนั้นรู้ดีว่าเจ้าหมอนี่มีเจตนาร้ายแล้ว เขากล่าว “หญิงอัปลักษณ์ เจ้าออกไปก่อน ข้าจะจัดการกับเจ้านี่ มันกำลังเอาจิตสำนึกของมันออกไป อันตรายมาก ไม่แน่เจ้าหวงจิ่วเยี่ยนั่น…”
“เจ้าจะไม่มีปัญหาใช่หรือไม่?” มู่เฉียนซีเอ่ยถามอย่างเป็นกังวล
ถึงแม้ว่าคัมภีร์หมื่นคำสาปจะไม่สามารถเทียบมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ได้ แต่อย่างไรมันก็ดำรงอยู่มาอย่างยาวนานเหมือนกันกับอาถิง
อาถิงกล่าว “หญิงอัปลักษณ์ หากเจ้าอยู่เกะกะตรงนี้ มีหวังได้เกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแน่ แต่หากเจ้าออกไป ข้าก็สามารถจัดการกับมันได้”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “เจ้าระวังตัวด้วยล่ะ”
ครั้นแล้วมู่เฉียนซีก็พุ่งไปที่ประตูอย่างรวดเร็ว คัมภีร์หมื่นคำสาปตะโกนขึ้นว่า “สาวน้อย เจ้าจะไปไหนไม่ได้นะ!”
คัมภีร์หมื่นคำสาปไม่สามารถขวางมู่เฉียนซีที่อยู่ภายใต้การปกป้องของอาถิงได้ พลังของเขาครอบคลุมไปทั่วทั้งตำหนัก
อาถิงเหลือบมองคัมภีร์หมื่นคำสาป และกล่าวว่า “ข้าจะต้องทำลายจิตใต้สำนึกของเจ้าทิ้งซะ ข้าจะให้โอกาสเจ้าทำลายตัวเองอีกครั้ง แต่หากเจ้าไม่ทำแล้วละก็ เจ้าจะไม่ได้อยู่เป็นสุขแน่”
“ศาลาเรือนรางเก้าชั้น ข้าไม่มีทางทำลายตัวเองเป็นอันขาด เจ้าล้มเลิกความคิดนี้ไปซะเถอะ!” คัมภีร์หมื่นคำสาปกล่าวอย่างดุดัน
“เช่นนั้นข้าก็จะไม่มัวเสียเวลาพูดไร้สาระกับเจ้าอีกต่อไปแล้ว” ในที่สุดอาถิงก็ตัดสินใจลงมือแล้ว
ตูม! คัมภีร์หมื่นคำสาปเพิ่งจะต่อสู้ประมือกับอาถิงก็สังเกตเห็นถึงความผิดปกติของอาถิงแล้ว
คัมภีร์หมื่นคำสาปจึงยิ้มพลางกล่าวว่า “ที่แท้! ที่แท้พลังของเจ้าก็อ่อนแอถึงเพียงนี้นี่เอง ยังมีหน้ามาเกลี้ยกล่อมให้ข้าทำลายจิตใต้สำนึกของตัวเองอีก เจ้าฝันไปเถอะ!”
คัมภีร์หมื่นคำสาปลำพองใจเป็นอย่างยิ่ง การต่อสู้ในครั้งนี้ ผู้ใดจะเป็นฝ่ายแพ้ชนะก็ยังไม่อาจตัดสินได้!
อาถิงกล่าวเย้ยหยันว่า “ถึงแม้ว่าพลังของข้าจะมีเพียงแค่เล็ก ๆ แต่การที่ข้าจะกำจัดเจ้า แรงข้าก็ยังมีเหลือเฟือ”
ตูม! ลำแสงสีเขียวอ่อนกับลำแสงสีดำได้พัวพันกัน ทำให้เกิดการต่อสู้ที่ดุเดือดขึ้น
พวกเขาลงมือโจมตีกันอย่างไร้ซึ่งความปรานี ทำทุกวิถีทางเพื่อที่จะกำจัดฝ่ายตรงข้ามให้ได้!
หลังจากที่ลำแสงทั้งสองได้แยกออกจากกัน คัมภีร์หมื่นคำสาปนั้นก็ได้ตกลงบนพื้น และหมอกควันสีดำนั้นก็เริ่มจางลงเรื่อย ๆ
น้ำเสียงอันแผ่วเบาดังออกมาจากม้วนตำราโบราณนั้น “หึ ๆ ๆ! ข้าแพ้แล้ว แต่ศาลาเรือนรางเก้าชั้น เจ้าก็ไม่ได้ดีไปกว่าข้าสักเท่าไหร่นักหรอก! ต่อให้ต้องพยายามอย่างสุดความสามารถ เจ้าก็ต้องหลับใหลไปหลายสิบปีเหมือนกัน”
อาถิงกล่าว “หึ! เจ้าคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนกันกับเจ้า ไร้เจ้านายเหมือนเจ้าอย่างนั้นเหรอ ถึงแม้ว่าหญิงอัปลักษณ์ผู้นั้นจะมีพลังที่อ่อนแอและน่าสมเพช แต่อย่างน้อยก็ไม่ทำให้ข้าหลับใหลไปนานอย่างที่เจ้าว่าหรอก”
คัมภีร์หมื่นคำสาปกล่าวด้วยความกลัดกลุ้มใจว่า “ขะ ข้า…ข้าลืมนางไปได้ยังไง!”
“เพราะฉะนั้น จิตใต้สำนึกของเจ้าก็ดับสลายหายไปอย่างสบายใจเถอะนะ!” อาถิงก้มลงเก็บคัมภีร์หมื่นคำสาปนั้นขึ้นมา ลำแสงสีเขียวอ่อนได้ห่อหุ้มมันเอาไว้ ทำให้หมอกควันสีดำนั้นอันตรธานหายไปอย่างสมบูรณ์
ครั้นแล้วอาถิงที่ได้คัมภีร์หมื่นคำสาปมา แล้วก็ได้หันหลังเดินออกไป
มู่เฉียนซีเห็นใบหน้าที่งดงามดุจภาพวาดทวยเทพของอาถิงที่เดินออกมาในตอนนี้พลันโปร่งใสขึ้น
นางรีบเดินที่เขาและกล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “อาถิง เจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม!” อาถิงยัดคัมภีร์หมื่นคำสาปใส่ในมือของมู่เฉียนซี ก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าเก็บคัมภีร์หมื่นคำสาปเอาไว้! ในตอนที่ข้าได้ทำลายจิตใต้สำนึกของเจ้านั่นข้าได้ปิดผนึกสิ่งนี้เอาไว้แล้ว รอให้หวงจิ่วเยี่ยอยู่ห่างไกลจากเจ้าเมื่อไหร่ เจ้าค่อยเปิดดู ส่วนเวลาอื่น เจ้าก็เอามันแช่ไว้ในแหวนมังกรเทพวารี มันจะช่วยส่งผลกระทบต่อหวงจิ่วเยี่ยได้น้อยที่สุด”
“ส่วนข้า ข้าจะหลับใหลไปช่วงเวลาหนึ่ง มีเรื่องอะไรก็อย่าได้รบกวนข้าเป็นอันขาด อย่างไรเสียก็มีท่านพี่ข้าคอยปกป้องเจ้าอยู่ เจ้าไม่ตายแน่นอน” อาถิงมองมู่เฉียนซีพลางกล่าวอย่างเกียจคร้าน
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ารีบกลับเข้าไปพักผ่อนเถอะ! วางใจได้ ข้าไม่มีวันรบกวนเจ้าก่อนที่จะเจ้าตื่นขึ้นมาแน่นอน”
ครั้นแล้วอาถิงก็พลันเปล่งลำแสงสีเขียวอ่อนออกมาและได้กลับเข้าไปในมิติพันธสัญญา “ท่านพี่ ต่อไปก็รบกวนท่านพี่ช่วยปกป้องเจ้าหญิงโง่เง่านี้แล้ว คัมภีร์หมื่นคำสาปอยู่กับนางแล้ว นางอยู่ใกล้ชิดกับหวงจิ่วเยี่ยถึงเพียงนี้ ไม่ว่ายังไงข้าก็เป็นกังวลอยู่ดี”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “อาถิง เจ้าวางใจเถอะ! ครั้งนี้เจ้าทำได้ดีมาก”
การสนทนาของสุ่ยจิงอิ๋งกับอาถิง มู่เฉียนซีไม่ได้รับรู้
นางอยู่ในนี้นานเกินไปแล้ว ถึงแม้ว่าจะมีจิ่วเยี่ยเฝ้าอยู่ด้านนอก แต่นางก็ต้องรีบออกไป มิเช่นนั้นนางต้องถูกพวกกลุ่มเทพห้อมล้อมฆ่าสังหารเป็นแน่
ส่วนของล้ำค่าอื่นในคลัง พวกเขามีโอกาส มุมปากของมู่ฉียนซียกยิ้มขึ้น
ตอนที่เข้ามามีอาถิงคอยนำทางจึงได้ราบรื่นมาก และการกลับออกไปก็ไม่ได้มีอันตรายใด ไร้สิ่งกีดขวางตลอดทาง
และเมื่อมู่เฉียนซีก้าวขาออกจากคลังเก็บของล้ำค่า ก็ได้ถูกคว้าตัวเข้าไปในอ้อมกอดอันคุ้นเคยทันที
“ซี!”
น้ำเสียงอันขุ่นมัวดังเข้ามาในหูของนาง
มู่เฉียนซีกล่าว “จิ่วเยี่ย ข้าเอาคัมภีร์หมื่นคำสาปมาได้สำเร็จแล้ว ทุกอย่างเป็นไปด้วยความราบรื่น แต่เจ้า…”
สิ่งที่มู่เฉียนซีเป็นห่วงมากที่สุดก็คือเขา
“เจ้ารู้สึกผิดปกติตรงไหนบ้างหรือไม่!” คัมภีร์หมื่นคำสาปที่สามารถทำให้คำสาปในร่างของจิ่วเยี่ยกำเริบขึ้นได้ตอนนี้อยู่ในร่างนาง และจิ่วเยี่ยอยู่ใกล้ชิดนางเช่นนี้ นางกลัวว่าคำสาปในร่างเขาจะกำเริบขึ้น
จิ่วเยี่ยกล่าว “ไม่ต้องกังวลไป ข้าไม่เป็นไร”
มู่เฉียนซีหายใจออกมาด้วยความโล่งอกไปเปราะหนึ่ง การปิดผนึกของอาถิงได้ผลจริง ๆ มิน่าล่ะว่าเหตุใดพลังของเขาถึงได้สูญเสียไปมากถึงเพียงนั้น แถมสีหน้าก็ดูแย่ลงมาก
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เช่นนั้นก็ดีแล้ว รอให้พวกเราออกไปจากแดนมังกร แล้วเจ้ากลับไปยังแดนนรก ข้าจะเปิดคัมภีร์หมื่นคำสาปหาวิธีแก้คำสาปให้กับเจ้า แต่หากแดนนรกอยู่ห่างกับดินแดนสี่ทิศไม่มากพอแล้วละก็ ทางที่ดีเจ้าต้องไปอยู่ในที่ที่ไกลกว่าให้มาก จนคำสาปนั้นในร่างของเจ้ารับรู้ถึงคัมภีร์หมื่นคำสาปไม่ได้”