เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น และได้หยุดการต่อสู้ไปชั่วครู่หนึ่ง จากนั้นก็ได้ต่อสู้กันขึ้นอีกครั้ง
“สุ่ยอู๋ซิน!” ในฐานะที่มู่เฉียนซีเป็นนักปรุงยา นางย่อมรู้ดีว่าสุ่ยอู๋ซินนั้นบาดเจ็บสาหัสมาก
นางรีบฉีดยาให้กับสุ่ยอู๋ซินหลายเข็ม จากนั้นก็เอายาลูกกลอนให้เขารักษาอาการบาดเจ็บ ก่อนจะมองไปที่ร่างชุดดำที่อยู่กลางอากาศนั้นด้วยความกระวนกระวายใจ
การต่อสู้ระหว่างจิ่วเยี่ยกับกู้เสี้ยวเทียนนั้นนางไม่อาจแทรกมือเข้าไปได้ แต่…
หากจิ่วเยี่ยใช้พลังไปมากมายเช่นนี้ จะต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่
สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ท่านมู่ หากท่านสามารถพาท่านจิ่วเยี่ยออกไปได้ก็รีบพาออกไปให้เร็วที่สุดเถอะ! กู้เสี้ยวเทียนนั้นรับมือได้ยากมาก!”
หากพวกนางหนีไป กู้เสี้ยวเทียนต้องโกรธเกรี้ยวมากแน่นอน และคาดว่าคงจะฆ่าล้างทั้งเผ่ามังกรไปจนหมดสิ้น
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึมว่า “พวกเจ้ามีวิธีล่าถอยที่ปลอดภัยหรือไม่?”
“เนื่องจากมีขีดจำกัดของกฎแห่งสวรรค์อยู่ เผ่าเทพไม่สามารถฆ่าล้างเผ่ามังกรได้ อย่างมากก็แค่สูญเสียมังกรไปบางส่วนเท่านั้น ท่านมู่ไม่ต้องเป็นห่วงพวกเรา”
“เผ่าเทพทำไม่ได้ แต่การต่อสู้ภายในของเผ่ามังกรนั้นกลับทำได้!” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม
สุ่ยอู๋ซินเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวว่า “ท่านมู่ บางทีอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีเกิดขึ้นก็ได้”
“อะไรคือการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้น?”
“ท่านได้กำไลมิตินั้นไปแล้ว ข้างในมีไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์อยู่ ท่านเอาไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์ไปใส่ไว้ในแหวนมังกรเทพวารี หากท่านมังกรวารีสามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้ เราก็ไม่จำเป็นต้องกลัวคนพวกนี้แล้ว” สุ่ยอู๋ซินกล่าว
แน่นอนว่าโอกาสนี้มันมีน้อยมาก
ถึงแม้ว่าไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์จะมีประโยชน์ต่อมังกรวารี แต่เขาก็คงไม่สามารถฟื้นฟูกลับมาได้เร็วถึงเพียงนั้น
แต่ต่อให้ความหวังจะมีเพียงน้อยนิดก็ต้องลองดูสักตั้ง!
มู่เฉียนซีกล่าว “ตกลง!”
นางเอากำไลมิตินั้นออกมา แต่ในนี้มีวิญญาณผนึกอยู่ ไม่สามารถเปิดได้
“ข้าจะช่วยท่านมู่กำจัดวิญญาณนี้เอง…ค่อก ค่อก ค่อก…” สุ่ยอู๋ซินพยายามจะใช้พลังกำจัดผนึกวิญญาณนี้แค่เพียงพูดเขาก็ไอค่อกแค่กจนเลือดออก
ยาของมู่เฉียนซีนั้นออกฤทธิ์เร็วและได้ผลดียิ่งนัก แต่เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสมากเกินไปแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “สุ่ยอู๋ซิน เจ้ารักษาอาการบาดเจ็บก่อนเถอะ ข้ากำจัดผนึกวิญญาณนี้เอง”
สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ท่านมู่ ไม่ได้เด็ดขาด! วิญญาณของท่านจะถูกกลืนกิน”
นางกล่าวตอบ “ข้าเป็นนักปรุงยา พลังจิตของข้าแข็งแกร่งกว่าปกติ เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง!”
ว่าแล้วมู่เฉียนซีก็ลงมือกำจัดผนึกวิญญาณของกำไลมิตินี้ และนี่ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากเกินกว่าที่เขาได้จินตนาการเอาไว้ สุ่ยอู๋ซินเห็นเช่นนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น
“สมกับที่เป็นผู้ทำพันธสัญญากับท่านมังกรวารีจริง ๆ !”
และในขณะเดียวกันนั้นเอง นายน้อยมังกรปีศาจก็รู้สึกว่าตนเองได้สูญเสียความสัมพันธ์กับกำไลมิติของตนเองแล้ว และกู้เสี้ยวเทียนเองก็รู้สึกได้เช่นกันว่าผนึกวิญญาณของตนเองนั้นถูกกำจัดไปแล้ว
นี่มัน เป็นไปได้ยังไง?
ในที่แห่งนี้ นอกจากองค์ชายจิ่วเยี่ยแล้ว ยังมีผู้ใดที่มีความสามารถในการกำจัดผนึกวิญญาณของเขาได้อีก
ในตอนนี้องค์ชายจิ่วเยี่ยกำลังต่อสู้รับมืออยู่กับเขา เช่นนั้นแล้วยังมีผู้ใด…
เขามองไปยังทิศทางที่ผนึกวิญญาณสูญหายไป ทันใดนั้นพลังอันน่าสะพรึงกลัวของจิ่วเยี่ยก็พุ่งเข้ามาครอบคลุมเขาเอาไว้
พลังแห่งความตายอันมืดมิดซึ่งเป็นพลังที่แปลกประหลาดที่สุดในโลกนี้ได้โจมตีไปที่กู้เสี้ยวเทียน สีหน้าของเขาก็พลันเปลี่ยนไปโดยพลัน
ตูม! การโจมตีนี้ได้ตกลงไปบนใบหน้าข้างซ้ายของกู้เสี้ยวเทียน
ใบหน้าอันหล่อเหลานั้นราวกับถูกหลุมดำกลืนกินไปก็มิปาน นอกจากเลือดเนื้อจะสูญสลายหายไปแล้ว แม้แต่กระดูกขาวก็ไม่เหลือ
กู้เสี้ยวเทียนตัวแข็งทื่อด้วยความเจ็บปวดทรมาน เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า “องค์ชายจิ่วเยี่ยยังเป็นคนที่โหดเหี้ยมเหมือนเดิมไม่เคยเปลี่ยนไปเลย เย็นชาไร้ความปรานี! โชคดีที่พลังของท่านในตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน มิเช่นนั้นการโจมตีนี้ ข้าก็คงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!”
“ข้าจะไม่ให้โอกาสองค์ชายจิ่วเยี่ยทำให้ข้าบาดเจ็บได้อีกแล้ว!”
กู้เสี้ยวเทียนที่ถูกโจมตีจนได้รับบาดเจ็บสาหัสก็เริ่มโหดเหี้ยมขึ้นแล้ว แต่จิ่วเยี่ยไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่มู่เฉียนซีกำจัดผนึกวิญญาณสำเร็จ นางก็ได้กลายเป็นเจ้าของกำไลมิตินี้ จากนั้นนางก็หาไข่มุกสีฟ้าอ่อนเม็ดหนึ่งเจอ
นี่ต้องเป็นไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ในฐานะที่เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวารี นางรู้สึกได้ถึงพลังธาตุวารีอันยิ่งใหญ่นั้นอย่างชัดเจน
สุ่ยอู๋ซินกล่าว “นี่คือไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ ด้วย”
มู่เฉียนซีเอาไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์ไปไว้ในแหวนมังกรเทพวารี หลังจากที่ไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์ได้เข้าไปแล้ว พลังธาตุวารีในแหวนมังกรเทพวารีก็พลันเข้มข้นขึ้น
ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะรู้สึกถึงพันธสัญญาระหว่างนางกับมังกรวารีได้ชัดเจนขึ้นไม่น้อยเลย นางกล่าว “มังกรวารี หวังว่าไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์เม็ดนี้จะสามารถช่วยเจ้าได้นะ”
มู่เฉียนซีกล่าว “สุ่ยจิงอิ๋ง จิ่วเยี่ยเป็นเช่นไรแล้วบ้าง!”
การต่อสู้ระดับนั้น ต่อให้นางใช้พลังจิตตรวจสอบก็ต้องได้รับบาดเจ็บอยู่ดี สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “ซีเอ๋อร์ บุรุษที่เจ้าเลือกนั้นน่าเกรงกลัวและแข็งแกร่งกว่าที่เจ้าได้จินตนาการเอาไว้มาก เจ้าคนของเผ่าเทพนั่นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเยี่ยหรอก! อีกอย่างอาถิงก็ได้ทุ่มเทพลังไปไม่น้อยเพื่อปิดผนึกคัมภีร์หมื่นคำสาปเอาไว้ และคัมภีร์หมื่นคำสาปก็ถูกแช่อยู่ในแหวนมังกรเทพวารี ถูกมหาวัตถุศักดิ์เทพนิรันดร์ถึงสองอย่างยับยั้งเอาไว้เช่นนั้น มันไม่มีทางมารบกวนเยี่ยได้หรอก”
“วางใจเถอะนะ!”
น้ำเสียงอันอ่อนโยนของสุ่ยจิงอิ๋งนั้นทำให้มู่เฉียนซีสบายใจขึ้นไม่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “หากเกิดความผิดปกติขึ้นกับจิ่วเยี่ย เจ้าสามารถพาเราสองคนออกไปจากที่นี่ได้หรือไม่!”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าว “ได้!”
สุ่ยจิงอิ๋งเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ที่แข็งแกร่งที่สุด นางดูออกว่าจิ่วเยี่ยนั้นมีโอกาสที่จะชนะมาก และแน่นอนว่าไม่มีอันใดให้ต้องพะวงใจ
กู้เสี้ยวเทียนนั้นจนตรอกมาก ร่างของเขาในตอนนี้กำลังร่วงลงมาจากกลางอากาศ
นายน้อยมังกรปีศาจเบิกตากว้างด้วยความตกใจ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เห็นท่านพ่อผู้แข็งแกร่งของตนเองต้องจนตรอกเช่นนี้
ทั่วทั้งร่างกายของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลไม่มีชิ้นดีเลย
ส่วนชายชุดดำที่ยืนอย่างสง่าผ่าเผยอยู่กลางอากาศผู้นั้นดูแล้วดุจดั่งเป็นเทพแห่งสงครามผู้ที่ไม่มีวันพ่ายแพ้ก็มิปาน ใต้หล้านี้ไม่มีผู้ใดจะสามารถสู้เขาได้
พรวด! กู้เสี้ยวเทียนกระอักเลือดคำโตออกมา
“บัดซบ! เหตุใดแดนมังกรต้องระงับพลังด้วย หากพลังไม่ถูกระงับ ข้า…ข้าเอาชนะท่านได้แน่นอน” กู้เสี้ยวเทียนกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างยิ่ง
แต่เขากลับไม่คิดเลยว่าหากไม่ใช่เพราะพลังวิญญาณในแดนมังกรเบาบาง และไม่มีการระงับพลัง อาศัยเพียงเขา ก็คงจะถูกเผ่ามังกรโจมตีทรมานจนตายไปแล้ว คงไม่มีโอกาสมากำเริบเสิบสานเช่นนี้หรอก
เมื่อกู้เสี้ยวเทียนพ่ายแพ้ลง ขวัญกำลังใจของฝ่ายกลุ่มเทพก็ลดลงทันที
และในขณะที่จิ่วเยี่ยกำลังจะลงมือทำให้กู้เสี้ยวเทียนหายสาบสูญไปอย่างสมบูรณ์นั้น จู่ ๆ น้ำเสียงอันโหดร้ายเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“ฝ่าบาทได้เตรียมการมานานถึงเพียงนี้แล้ว เจ้าไม่เพียงแต่จะเอาคัมภีร์หมื่นคำสาปมาไม่ได้ แถมยังทำให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพนี้อีก ช่างเป็นสวะที่ไร้ประโยชน์จริง ๆ”
จู่ ๆ ร่างของคนผู้หนึ่งในชุดคลุมยาวสีดำก็ได้ปรากฏขึ้นกลางอากาศ ทั่วทั้งร่างกายของเขาถูกห่อหุ้มไปด้วยหมอกควันสีดำ ทำให้มองเห็นรูปร่างหน้าตาของคนผู้นั้นไม่ชัดเจน
กู้เสี้ยวเทียนกล่าว “หากข้าไม่เจอกับหายนะผู้นี้ ข้าก็คงจะไม่เจอกับจุดจบเช่นนี้หรอก”
คนผู้นั้นเผยสีหน้าตกใจขึ้นมาเล็กน้อย จากนั้นมุมปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้น “อ๋อ! ที่แท้ก็เป็นองค์ชายจิ่วเยี่ยนี่เอง!”
“คารวะองค์ชายจิ่วเยี่ย!”
เขามองไปที่จิ่วเยี่ยและก้มคำนับลง ท่าทางดูเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง
“องค์ชายจิ่วเยี่ยช่างเป็นคนที่ลงมืออย่างโหดเหี้ยมไม่เปลี่ยนเลยจริง ๆ ถูกเผ่าคำสาปของข้าสาปคำสาปใส่เช่นนั้นแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่ายังจะสามารถควบคุมมันได้มาเป็นสิบกว่าปี โลกนี้ คาดว่าคงจะมีเพียงแค่องค์ชายจิ่วเยี่ยเท่านั้นแล้วที่สามารถทำได้”
“ท่านยิ่งแข็งแกร่งไร้เทียมทานเช่นนี้ ข้าก็ยิ่งอยากจะทำลายท่าน…”
ตูม! เขายังพูดไม่ทันจบก็ถูกจิ่วเยี่ยโจมตีใส่เข้าแล้ว
พูดจาไร้สาระมากเกินไปแล้ว!
คนที่สาปคำสาปจิ่วเยี่ยก็คือเผ่าคำสาปนั่นกระมัง! มู่เฉียนซีเคยเจอคนเช่นนี้มาก่อนที่เมืองเฮยตู นึกไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะปรากฏตัวมากระทำความชั่วอีกครั้ง แล้วก็นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้ากลุ่มคนประหลาดและน่ากลัวกลุ่มนี้คิดจะพยายามทำลายจิ่วเยี่ย หากต่อไปนางได้พบกับรังของคนชั่วเหล่านี้แล้วละก็ นางจะใช้พิษสารพัดพิษมาเล่นงานเผ่าคำสาปนี้ทั้งเผ่า และฝังพวกมันแน่นอน!
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ทำได้เยี่ยมเลย!”