น้ำเสียงของมังกรวารีหยุดลงครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “นายท่านอย่าให้อภัยเขาง่าย ๆ เป็นอันขาด”
มู่เฉียนซีกล่าว “ต่อให้เจ้าไม่บอก ข้าก็ไม่มีทางอภัยให้เขาง่าย ๆ แน่นอน”
มังกรวารีกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “นายท่านเป็นเช่นนี้ ข้ามังกรวารีไม่วางใจเลย!”
“เจ้าวางใจเถอะนะ!”
มังกรวารีส่งมู่เฉียนซีกลับมาที่เผ่ามังกรวารี จากนั้นก็กลับเข้าไปหลับใหลในมิติพันธสัญญาของมู่เฉียนซีอีกครั้ง
“ท่านมู่!”
เมื่อรับรู้ได้ถึงพลังของมังกรวารี สุ่ยอู๋ซินก็รีบมาหานางทันที และยิ่งปฏิบัติต่อมู่เฉียนซีด้วยความเคารพมากขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าว “มังกรวารีใช้พลังของไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์และฟื้นขึ้นมาเพียงแค่ครู่เดียว แต่ตอนนี้เขาได้หลับใหลไปอีกครั้งแล้ว”
สุ่ยอู๋ซินกล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า “ชีวิตนี้ได้มีโอกาสเจอกับท่านมังกรวารี ข้า สุ่ยอู๋ซินก็รู้สึกสุขใจมากแล้ว”
“รอให้มังกรวารีฟื้นฟูพลังกลับมาได้อย่างสมบูรณ์ เจ้ายังมีโอกาสพบกับเขาอีก แต่ในระหว่างนี้เจ้าต้องเฝ้าดูแลเผ่ามังกรให้ดี อย่าให้กลุ่มเทพเข้ามาควบคุมได้”
อย่างไรเสียที่นี่ก็เป็นแดนที่มังกรวารีได้สร้างขึ้นมา จะยอมให้เผ่าเทพเข้ามาสั่งการได้อย่างไรกันล่ะ!
สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ตอนนี้ยอดฝีมือของกลุ่มเทพถูกท่านจิ่วเยี่ยฆ่าตายไปจนสิ้นแล้ว ราชินีมังกรปีศาจก็ล่มสลายลง เผ่าเทพไม่มีทางทำสำเร็จได้แน่นอน”
“เพราะว่าความกรุณาของท่านมังกรวารี พลังวิญญาณของเผ่ามังกรของพวกเราจึงฟื้นฟูกลับมาถึงเพียงนี้ ฉะนั้นพลังของเผ่ามังกรจะแข็งแกร่งขึ้นมาก ไม่มีทางที่จะทำให้พวกกลุ่มเทพทำสำเร็จแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็ดี”
สุ่ยอู๋ซินกล่าวถามว่า “ท่านมู่จะไปจากแดนมังกรแล้วหรือ?”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อีกไม่นานข้าต้องไปจากแดนมังกรแล้ว ข้ามีเรื่องสำคัญกว่าที่ต้องทำ ก่อนไป ข้าจะไปหาเฮยเย้าสักหน่อย!”
“ท่านมู่เชิญทางนี้!” สุ่ยอู๋ซินกล่าว
เฮยเย้าถูกพามาอยู่ที่เผ่ามังกรวารี เมื่อเห็นมู่เฉียนซีกลับมาอย่างปลอดภัย เขาก็รู้สึกดีใจมาก
“ท่านมู่!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เฮยเย้า ที่ข้ามาก็เพื่อจะบอกลาเจ้า ครั้งนี้ข้าสามารถเอาของที่ข้าต้องการมาได้ก็ต้องขอบใจเจ้ามาก”
“ท่านจะไปแล้วอย่างนั้นเหรอ!” อารมณ์ของเฮยเย้าพลันหดหู่ลงทันที
“ต่อไปเจ้าก็เป็นราชาแห่งเผ่ามังกรแล้วนะ ข้าเชื่อว่าเจ้าจะสามารถเผชิญหน้าโดยลำพังได้แน่นอน” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว
เฮยเย้ากล่าว “อืม!”
“ท่านมู่ ท่านจะกลับมาที่แดนมังกรอีกหรือไม่?” เฮยเย้ากล่าวถาม
“หากมีโอกาส ข้ามาแน่นอน”
“รอให้ท่านมู่กลับมาอีกครั้ง ข้าจะทำให้ท่านมู่ได้เห็นแดนมังกรในแบบที่ท่านมู่ไม่เคยเห็นมาก่อน”
“อืม! ข้าจะรอ!”
หลังจากที่ได้กล่าวคำอำลากับเฮยเย้าเสร็จแล้ว มู่เฉียนซีก็กล่าวกับสุ่ยอู๋ซินว่า “สุ่ยอู๋ซิน หวังว่าเจ้าจะช่วยเขาด้วยนะ”
สุ่ยอู๋ซินกล่าว “ท่านมู่วางใจได้ ข้าจะช่วยราชามังกรอย่างสุดความสามารถ”
หลังจากการพูดคุยได้เสร็จสิ้นลง มู่เฉียนซีก็ออกไปจากเกาะมังกรวารี
ในตอนนี้จิ่วเยี่ยได้ถูกมังกรวารีปิดผนึกเอาไว้ จึงมีเพียงแค่สุ่ยจิงอิ๋งผู้เดียวเท่านั้นที่จะสามารถพานางออกไปจากแดนมังกรนี้ได้
“สุ่ยจิงอิ๋ง เรากลับดินแดนสี่ทิศกันเถอะ!”
สุ่ยจิงอิ๋งตอบ “อืม!”
ลำแสงสีฟ้าอ่อนได้ห่อหุ้มร่างของมู่เฉียนซีขึ้น และนางก็อันตรธานหายไปจากแดนมังกรในทันที
เมื่อมู่เฉียนซีลืมตาขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าตนเองได้นอนอยู่บนเตียงนอนในหอหมอปีศาจแล้ว
บนผ้าห่มมีความเศร้าจาง ๆ อยู่ มู่เฉียนซีมีความรู้สึกเหมือนกับอยู่อีกโลกหนึ่ง
ตอนที่เดินทางออกไปจากดินแดนสี่ทิศ มุ่งหน้าไปที่แดนมังกรได้เกิดเรื่องราวมากมายขึ้น จิ่วเยี่ยก็เกือบจะสูญเสียการควบคุมไปอย่างสมบูรณ์
เห็นที ต้องรีบหาวิธีแก้คำสาปนั้นให้เร็วที่สุดแล้ว
“ใครก็ได้ เข้ามาหน่อย…”
มู่เฉียนซีจะกล่าวอะไรบางอย่างต่อ แต่น้ำเสียงอันอ่อนโยนของสุ่ยจิงอิ๋งก็ดังขึ้นมาเสียก่อน
“ซีเอ๋อร์ ตอนนี้อย่าเพิ่งคิด อย่าเพิ่งทำอะไรเลย พักผ่อนสักหน่อยเสียก่อนจะดีหรือไม่?”
นี่ก็เป็นเหตุผลที่สุ่ยจิงอิ๋งได้ส่งมู่เฉียนซีมาที่นี่ เนื่องจากก่อนหน้านี้นางได้รับการรักษาจากมังกรวารี ซีเอ๋อร์จึงดูเหมือนกับว่าไม่ได้รับบาดเจ็บเลย อีกทั้งยังกระปรี้กระเปร่ามากด้วย
“แต่ว่า…”
“ซีเอ๋อร์ หากคราวหน้ามังกรวารีตื่นขึ้นมาแล้วรู้ว่าข้าไม่ได้ดูแลซีเอ๋อร์ให้ดี เขาจะต้องบ่นไม่ยอมเลิกราแน่นอน เจ้าไม่รู้หรอกว่าเจ้าหมอนั่นน่ากลัวมากเพียงใด” น้ำเสียงของสุ่ยจิงอิ๋งแฝงไปด้วยความหวาดกลัว
“ก็แค่นอนพักเพียงครู่เดียวเท่านั้น ผนึกของจิ่วเยี่ยก็ไม่รู้ว่าจะถูกปลดเมื่อไหร่ ต่อให้เจ้ารีบร้อนมันก็ไม่มีประโยชน์หรอก”
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ยอมจำนนแล้ว “ก็ได้ แต่นอนแค่ครู่เดียวนะ”
อยู่ในอาณาเขตของตัวเองเช่นนี้ มู่เฉียนซีนอนพักได้อย่างสบายใจ เพียงแต่ขาดคนข้างกายไปก็เท่านั้น และมักจะรู้สึกว่านางได้ขาดอะไรบางสิ่งบางอย่างไป
หลังจากที่ได้พักผ่อนมาคืนหนึ่ง พลังจิตของมู่เฉียนซีก็ฟื้นฟูกลับมาแข็งแกร่งดังเดิมแล้ว
นางตะโกนออกไปว่า “ใครก็ได้เข้ามานี่หน่อย!”
ร่างในชุดสีม่วงเข้มพรวดพราดเข้ามา เมื่อเห็นหญิงสาวผู้หนึ่งนอนเอนกายอยู่บนเตียงอย่างเกียจคร้าน เขาก็ดีอกดีใจขึ้น “นายท่าน ในที่สุดท่านก็กลับมาแล้ว”
น้ำเสียงอีกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นทันที “สาวน้อยกลับมาแล้วเหรอ เจ้าพ่อค้าหน้าเลือด เจ้าอย่ามาโกหกข้านะ”
ครั้นแล้วจวินโม่ซีก็เดินเข้ามาเช่นกัน เมื่อได้เห็นคนตรงหน้าเขาตัวจริง ตัวเป็น ๆ เช่นนี้ ในที่สุดเขาก็โล่งใจลงแล้ว
“ในที่สุดเจ้าก็กลับมาสักที ขืนเจ้ายังไม่กลับมานะ ระวังหอหมอปีศาจของเจ้าจะเจ๊งเอาได้นะ” จวินโม่ซีกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะดีนัก
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “มีท่านหัวหน้านักปรุงยาจวินกับรองหัวหน้าโม่อยู่ หอหมอปีศาจของข้าจะเจ๊งได้อย่างไรกันล่ะ?”
โม่จิ่นกล่าวถาม “นายท่าน จะสั่งสิ่งใดหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ส่งข่าวไปยังหอปี้ลั่ว บอกให้จื่อโยวหรือว่าซิงเฉินก็ได้ ให้เขามาย้ายสินค้าชิ้นหนึ่งจากข้าไป”
โม่จิ่นกับจวินโม่ซีต่างก็ประหลาดใจขึ้น ตกลงมันเป็นสินค้าอะไรกันแน่ถึงต้องให้สองคนนั้นเป็นคนย้ายไป
แต่โม่จิ่นก็รับคำสั่งแต่โดยดี “ขอรับ!”
หลังจากที่ได้ทราบข่าว จื่อโยวกับซิงเฉินก็ได้เดินทางมาอย่างรวดเร็ว
จื่อโยวยิ้มพลางกล่าวอย่างมีเสน่ห์ว่า “คนงาม เจ้ากลับมาแล้ว แล้วเยี่ยล่ะ?”
จื่อโยวมองซ้ายที ขวาที แต่กลับไม่เห็นเจ้านายของตัวเอง
ตามหลักเหตุผลแล้ว เยี่ยควรจะกลับมาพร้อมกับคนงามสิถึงจะถูก!
“เจ้าต้องการเขาใช่ไหมล่ะ!” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงเบา
“ข้าให้พวกเจ้า!”
ทันทีที่นางลงมือ นางก็ได้โยนตุ๊กตาหิมะผู้นั้นออกไป
ตุ๊กตาหิมะนั้นงดงามและสมบูรณ์แบบมาก ร่างชุดดำที่ถูกแช่แข็งอยู่ด้านในนั้น จื่อโยวคุ้นเคยจนไม่รู้จะคุ้นเคยเช่นไรแล้ว
“เยี่ย!”
“ฝ่าบาท!”
จื่อโยวกับซิงเฉินอุทานขึ้นพร้อมกัน พร้อมกับรีบรับจิ่วเยี่ยเอาไว้
“เยี่ยกลายเป็นเช่นนี้ไปได้ยังไง?”
“ฝ่าบาทเป็นอะไรไป?”
พวกเขารู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าว “ดูแลเจ้านายของพวกเจ้าเอาไว้ให้ดี พากลับไปยังแดนนรก หากผนึกของเขาถูกปลดออกแล้ว บอกเขาว่าหากข้าไม่เป็นฝ่ายที่ต้องการเจอเขาก่อน อย่าให้เขามาหาข้าเด็ดขาด ให้เขาพิจารณาตัวเองให้ดีก่อน!”
ถึงแม้จะรู้ว่าจิ่วเยี่ยถูกคำสาปควบคุม แต่นางก็มีความโกรธอยู่เหมือนกัน ตอนนั้นนางเกือบจะถูกเขาฉีกเนื้อหนังมังสาไปทั้งตัว นางจะไม่คิดโกรธเคืองได้อย่างไรกันล่ะ
อีกอย่าง สุ่ยจิงอิ๋งกับมังกรวารีก็ได้เห็นดีเห็นงามกำชับนางเอาไว้แล้ว ว่าเรื่องนี้ไม่อาจอภัยให้เจ้านั่นได้อย่างง่าย ๆ
จื่อโยวกระพริบตาปริบ ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้คนงามจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ถึงเพียงนี้ หรือว่าเยี่ย เขา…เขาจะเสียบริสุทธิ์ไปแล้ว!
จื่อโยวยิ้มด้วยความลามกเป็นพิเศษ และรีบกล่าวว่า “คนงามวางใจได้ ข้าจะไม่มีทางให้ใครหน้าไหนมาแตะต้องเยี่ยได้แม้แต่ปลายเล็บ แล้วก็จะให้เขาพิจารณาตัวเองให้ดีอย่างที่เจ้าสั่งเอาไว้ด้วย”
ในหัวของจื่อโยวตอนนี้เต็มไปด้วยเรื่องลามกอนาจารเต็มไปหมด สำหรับเจ้านายของตัวเองที่ถูกปิดผนึกเอาไว้เช่นนี้ เขาไม่ได้เอามาใส่ใจเลย ส่วนซิงเฉินนั้นยังนับว่าได้เรื่องหน่อย เขากล่าวถามว่า “นายหญิง ตกลงแล้วผู้ใดกันที่เป็นคนปิดผนึกฝ่าบาท แล้วเกิดอะไรขึ้นกับฝ่าบาทกันแน่”