มู่เฉียนซีตอบกลับว่า “คำสาปได้ระเบิดออกถึงที่สุดแล้ว จิ่วเยี่ยไม่สามารถเข้าใกล้คัมภีร์หมื่นคำสาปได้ รอข้าอ่านคัมภีร์หมื่นคำสาปจนจบและหาวิธีแก้พบ แล้วข้าจะบอกวิธีแก้คำสาปของเขา ก่อนอื่นพวกเจ้าต้องผนึกเขาไว้ให้ดี”
ซิงเฉินกล่าวว่า “รับทราบขอรับ เช่นนั้นก็ไม่รบกวนนายหญิงแล้ว”
จื่อโยวก็ไม่ล้อเล่นแล้ว และพาผู้เป็นนายของพวกเขากลับไปยังแดนนรกทันที
จื่อโยวกล่าวขณะที่เดินทางว่า “ใช่แล้ว! ไม่ใช่ว่าสาวน้อยบอกว่าให้พวกเรามาหามของหรอกหรือ? ของสิ่งนั้นที่นางว่า คงจะไม่ใช่เยี่ยกระมัง!”
ซิงเฉินตอบกลับว่า “หรือว่าพวกเรายังต้องเอาอะไรมาจากนายหญิงอีก?”
“พรวด! การบอกว่าเยี่ยนั้นเป็นสิ่งของ ดูเหมือนว่าเยี่ยนั้นจะทำให้สาวน้อยโกรธเข้าจริง ๆ แล้ว” จื่อโยวอดที่จะหัวเราะไม่ได้
ซิงเฉินมองไปที่นายท่านที่ถูกแช่แข็งอย่างสงบนิ่ง และกล่าวกับจื่อโยวว่า “เจ้าแน่ใจหรือว่านายท่านที่ถูกผนึกไว้แล้วจะไม่ได้ยินเสียงรอบนอก?”
ทันใดนั้น เหงื่อเย็น ๆ ก็ผุดขึ้นบนหลังของจื่อโยว
คนอื่นคงเป็นไปไม่ได้ แต่เมื่อเป็นเยี่ยแล้วนั้น อะไรก็เป็นไปได้!
ไม่มีทาง! ถ้าเยี่ยได้ยินเขาหัวเราะเยาะละก็ จะต้องไม่ปล่อยเขาไปแน่
หลังจากจื่อโยวจากไป มู่เฉียนซีก็อัญเชิญเสี่ยวหงและอู๋ตี้ออกมา นางถามขึ้นว่า “เสี่ยวหง อู๋ตี้ พวกเจ้าไม่เป็นไรใช่ไหม!”
เสี่ยวหงและอู๋ตี้กล่าวว่า “นายท่านวางใจได้ อาการบาดเจ็บของพวกเราหายดีแล้ว”
“อืม!” มู่เฉียนซีพยักหน้าเล็กน้อย
“มู่อี!” มู่เฉียนซีตะโกนเรียก
“ผู้นำตระกูล!” เงาสีดำพุ่งเข้ามาและมู่อีก็คุกเข่าลงบนพื้น
“ส่งหุ่นเชิดและองครักษ์เงาทั้งหมดเฝ้าหอหมอปีศาจไว้ วันนี้หอหมอปีศาจปิดทำการและไม่อนุญาตให้ใครเข้าไปใกล้หอหมอปีศาจเด็ดขาด”
คัมภีร์หมื่นคำสาปมีส่วนเกี่ยวข้องสำคัญ แม้ว่าคนของเผ่าเทพจะไม่ได้คาดคิดว่ามันจะมีอยู่ในสถานที่ของดินแดนสี่ทิศเช่นนี้ แต่นางก็ต้องระมัดระวัง
มู่อีกล่าวว่า “ขอรับ!”
ทันใดนั้นหอหมอปีศาจก็ปิดกิจการอย่างกะทันหันและคนที่ต้องการจะซื้อยาก็ต้องผิดหวังกลับไป
นอกจากหัวหน้าปรุงยาและโม่จิ่นแล้ว คนอื่น ๆ ก็ถูกองครักษ์เงาส่งออกไปจากหอหมอปีศาจจนหมดสิ้น
จากนั้น มู่เฉียนซีก็ได้วางยาพิษทุกชนิดกระจายไว้โดยรอบ คาดว่าหอหมอปีศาจในตอนนี้แม้แต่แมลงวันสักตัวก็บินเข้าไปไม่ได้
ไป๋อู๋ห่ายก็ได้ยินข่าวนี้แล้วเช่นกัน เขาพึมพำว่า “หอหมอปีศาจ นี่กำลังทำอะไรอีก?”
เฟิงอวิ๋นซิวสั่งว่า “ซวนอี ส่งเหล่าองครักษ์ซวนไปเฝ้าหอหมอปีศาจ เฉียนซีระมัดระวังมากเช่นนี้ ต้องมีบางสิ่งสำคัญมากที่ต้องทำเป็นแน่”
“ขอรับ!”
หลังจากจัดการทุกอย่างแล้ว มู่เฉียนซีก็นำคัมภีร์หมื่นคำสาปที่ปิดผนึกไว้ออกมาจากมิติ
ทันทีที่พลังทางวิญญาณของนางปกคลุมไปด้านบน ผนึกนี้ก็เปิดขึ้นได้ด้วยตัวของมันเอง
หลังจากชั้นน้ำแข็งสลายหายไป เจ้าสิ่งนี้ก็ดูราวกับม้วนกระดาษธรรมดาทั่ว ๆ ไป
จิตสำนึกของคัมภีร์หมื่นคำสาปได้ถูกมังกรวารีปิดผนึกไว้แล้ว ดังนั้นจึงไม่ต้องได้ยินเสียงพูดเสียงดังของเจ้าหมอนี่แล้ว
มู่เฉียนซีค่อย ๆ เปิดม้วนกระดาษออก พลันนั้นรูปแบบที่ซับซ้อนบางอย่างก็พุ่งเข้าไปในหัวของมู่เฉียนซี
สิบสามคำสาปโบราณ คำสาปแรก…
หลังจากคำสาปแรก ต่อมามันก็แสดงเปลี่ยนเป็นคำสาปอื่น ๆ ที่มีความซับซ้อนอย่างหาที่เปรียบมิได้ แม้ว่าความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีจะแข็งแกร่ง แต่ก็ไม่สามารถรองรับได้ไหวในทันที
“ซีเอ๋อร์!” สุ่ยจิงอิ๋งกังวลมาก
หนึ่งคำสาปเล็ก ๆ ในคัมภีร์หมื่นคำสาป ล้วนต้องให้คนของเผ่าคำสาปใช้เวลาทั้งชีวิตในการฝึกฝน แต่ตอนนี้ซีเอ๋อร์ได้อ่านไปมากถึงขนาดนี้ในเวลาเพียงครู่เดียว นางจะรับไหวได้อย่างไร
เพื่อฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณ ยาเม็ดคุณภาพสูงทุกชนิดที่เพิ่มระดับความแข็งแกร่งทางจิตวิญญาณได้ ล้วนถูกมู่เฉียนซีใช้อย่างไม่ลังเลเลยสักนิด
“ไม่ต้องห่วง ข้าทนไหว”
คำสาปแรกนี้เต็มไปด้วยสิ่งที่มืดมนและเป็นอันตราย ไม่แปลกใจเลยที่เผ่าคำสาปจะกลายเป็นคนร้ายกาจที่ฝีมือดี
แต่คำสาปแรกนี้ ต่างจากคำสาปที่จิ่วเยี่ยถูกกระทำ หรือว่าคำสาปที่สอง…
“ไม่ได้! ซีเอ๋อร์!” สุ่ยจิงอิ๋งรีบหยุดนาง
มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “ตกลง! ข้าจะค่อยเป็นค่อยไป”
นางถอนพลังวิญญาณของนางออก และคัมภีร์หมื่นคำสาปก็ถูกผนึกอีกครั้ง
เมื่อโยนคัมภีร์หมื่นคำสาปเข้าไปในมิติแล้ว มู่เฉียนซีก็หลับไปบนเตียงทันที
อู๋ตี้รีบพุ่งออกไปพบจวินโม่ซีอย่างรวดเร็ว
“เจ้าตะกละจวิน พลังจิตวิญญาณของนายท่านอ่อนแรงมาก เจ้ารีบไปดูเร็วเข้า”
จวินโม่ซีมองไปและต้องตกใจทันที
“นางทำอะไรลงไปกันแน่? ถึงปรุงยาเม็ดระดับสวรรค์ขั้นสูง ก็ยังไม่ถึงกับทำให้นางเป็นเช่นนี้”
เสี่ยวหงกล่าวว่า “เช่นนั้นนายท่านจะเป็นอะไรหรือไม่?”
จวินโม่ซีกล่าวว่า “ถ้าเป็นคนอื่นคาดว่าคงกลายเป็นคนปัญญาอ่อนไปแล้ว แต่นายท่านของเจ้าเป็นผู้วิปริต และตอนนี้พลังจิตวิญญาณกำลังซ่อมแซมตนเอง หลังจากนอนพัก ตื่นขึ้นมากินยาก็ไม่เป็นไรแล้ว”
เสี่ยวหงและอู๋ตี้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แม้ว่ามู่เฉียนซีจะหมดสติ แต่คำสั่งของนางก็ไม่ได้ถูกยกเลิก
โม่จิ่นส่งข่าวออกไปว่ามู่เฉียนซีกำลังศึกษายาเม็ดที่สำคัญมาก ดังนั้นจึงต้องปิดกิจการชั่วคราวและผู้ที่ต้องการซื้อยาสามารถไปที่หอหมอปีศาจสาขาอื่น ๆ เพื่อซื้อยาได้
ไป๋อู๋ห่ายกล่าวว่า “มันก็แค่การหลอมยาเม็ดเท่านั้น กลับต้องทำการใหญ่ถึงเพียงนี้ เสียเวลาข้านัก”
“จะไม่ให้ทำการใหญ่ได้อย่างไร! มู่เฉียนซีเป็นถึงผู้มีพรสวรรค์อันดับหนึ่งของโลกแห่งการปรุงยาในดินแดนตะวันออก!” ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวอย่างแปลก ๆ”
เฟิงอวิ๋นซิวได้ยินว่าด้านของมู่เฉียนซีนั้นเกิดเรื่องขึ้น ในที่สุดเขาก็ไม่สามารถทนได้และรีบมาเยี่ยม
มู่อีหยุดอยู่ตรงหน้าเขาและกล่าวว่า “นายน้อยอวิ๋นซิว ช้าก่อน!”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวว่า “สถานการณ์ของเฉียนซีเป็นอย่างไรบ้าง?”
“พลังจิตอ่อนเพลียและกำลังหลับอยู่ ขอนายน้อยอวิ๋นอย่าเพิ่งรบกวนนายท่านของพวกเรา”
“ถึงกับทำให้ตนเองสูญสิ้นพลังจิตวิญญาณ นางช่างไม่รู้เรื่องเอาเสียเลย”
ดวงตาของมู่อีกระพริบเล็กน้อย สิ่งที่เขาไม่กล้าพูด นายน้อยอวิ๋นซิวกลับพูดออกมาแล้ว
นายท่านของพวกเขาวุ่นวายมากจริง ๆ!
เฟิงอวิ๋นซิวทำได้เพียงกลับไป มู่เฉียนซีไม่ได้สติมาเป็นเวลาเจ็ดวันแล้ว
เพราะเวลาที่นานเกินไป แม้แต่จวินโม่ซีและโม่จิ่นเองก็เป็นกังวล และเฟิงอวิ๋นซิวก็อดไม่ได้ที่จะมาในวันที่เจ็ด
มู่อีขวางเขาไว้อีกครั้ง จวินโม่ซีกล่าวว่า “ให้เขาเข้ามาเถอะ!”
เฟิงอวิ๋นซิวมองไปที่สตรีที่นอนอยู่บนเตียง ผิวของนางขาวใส โครงร่างและลักษณะใบหน้าที่คุ้นเคย แต่ในเวลานี้เขากลับไม่ได้คิดถึงคนอื่นอีกต่อไป
เฉียนซีก็คือเฉียนซี
แค่เพราะนางคือเฉียนซีเขาจึงเป็นห่วงนาง!
จวินโม่ซีกล่าวว่า “นายน้อยอวิ๋นซิว ไม่ทราบว่าในตำหนักตงจี๋มียาเม็ดฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณอะไรบ้าง หอหมอปีศาจของพวกเรายินดีที่จะซื้อมันในราคาสูง”
การสูญเสียพลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีในครั้งนี้นั้นยิ่งใหญ่นัก และแม้ว่านางจะตื่นขึ้นมาก็ต้องบำรุงอย่างมากถึงจะได้
แม้ว่าหอหมอปีศาจจะมียาเม็ดจำนวนมาก แต่ก็ไม่เพียงพอ!
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวว่า “ไม่จำเป็นต้องซื้อในราคาที่สูง เฉียนซีป่วยและในฐานะที่ข้าเป็นเพื่อนของนางย่อมต้องพยายามช่วยเหลืออย่างสุดความสามารถ”
ในคืนวันที่เจ็ด มู่เฉียนซีก็ได้สติตื่นขึ้นมาแล้ว
นางนอนหลับไปเป็นเวลานานและเมื่อตื่นขึ้นมาจึงมีอาการปวดหัว
“สาวน้อย ในที่สุดเจ้าก็ฟื้นแล้ว ทำให้ตัวเองอาการหนักถึงเพียงนี้ ข้านึกว่าเจ้าจะหลับไปครึ่งเดือนเสียแล้ว!”
ความวิปริตทางจิตวิญญาณที่แข็งแกร่งของมู่เฉียนซีไม่เคยสูญสิ้นถึงขั้นนี้มาก่อน
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าหลับไปกี่วันแล้ว?”
“เจ็ดวัน!”
มู่เฉียนซีตะลึงงัน คัมภีร์หมื่นคำสาปช่างน่ากลัวเสียจริง
สิ่งต่าง ๆ ในคำสาปแรกนั้นไร้ประโยชน์ และมู่เฉียนซีก็ไม่ได้คิดจะศึกษามันอีกต่อไป ดังนั้นนางจึงโยนพวกมันทิ้งไปก่อน
แม้ว่าการใช้พลังจิตวิญญาณเพียงครั้งเดียวจะสิ้นเปลืองมากถึงเพียงนี้ แต่นางก็ยังคงต้องอ่านมันให้จบ!
“จวินโม่ซี เตรียมสมุนไพรวิญญาณเพื่อฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณ และรีบปรุงมันให้ข้าเร็วเข้า”
จวินโม่ซีกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “ไม่ต้องให้เจ้าพูด นักปรุงยาอย่างข้าก็เตรียมไว้พร้อมนานแล้ว”
ในเวลานี้เฟิงอวิ๋นซิวก็เข้ามาและกล่าวว่า “ข้าเพิ่งได้กล้วยไม้หมอกหัวใจเมฆามา ข้าไม่รู้ว่ามันจะมีประโยชน์กับเฉียนซีหรือไม่?”