มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “มันมีประโยชน์มาก! ขอบคุณเจ้ามาก ข้าไม่เกรงใจแล้วนะ”
สิ่งนี้มีประสิทธิภาพมากสำหรับการฟื้นฟูพลังจิตวิญญาณ!
“ถ้ามีประโยชน์ก็ดีเลย”
พลังจิตวิญญาณยังฟื้นคืนไม่ถึงจุดสูงสุด มู่เฉียนซีจึงไม่สามารถทำอะไรตามอำเภอใจได้
จากนั้นนางก็เริ่มกดขี่นักปรุงยาจวินให้ปรุงยาแต่ละชนิดเยี่ยงทาส จวินโม่ซีร้องโหยหวนและกล่าวว่า “เจ้ากำลังปฏิบัติต่อนักปรุงยาอย่างทารุณ!”
“นี่ข้าไม่ได้ทารุณเจ้า แต่เป็นการกระตุ้นเจ้า!”
“เจ้าต้องการเม็ดยา ก็ปรุงเองสิ”
“พลังจิตวิญญาณของข้าไม่สามารถสิ้นเปลืองไปกับการปรุงยาได้ในตอนนี้ ทำได้เพียงลำบากเจ้าแล้ว”
“เจ้า… เจ้าก็ต้องลองดูด้วย!”
“อืม!”
“ข้าไม่ทำแล้ว เจ้าค่อย ๆ ทำเองเถอะ!”
ปัง! เมื่อจวินโม่ซีคัดค้าน เขาก็เห็นหม้อยาที่อยู่ตรงหน้าลอยเข้ามาทุบตีเขา
“ท่านมู่ขอให้เจ้าทำสิ่งต่าง ๆ แต่เจ้ากลับไม่เชื่อฟัง” ชีชิงกล่าวอย่างโกรธเคือง
“เจ้านี่มันกินบนเรือนขี้บนหลังคา ใครเป็นเจ้านายของเจ้ากันแน่?” จวินโม่ซีโกรธเป็นอย่างมาก
“เจ้าเป็นนายของข้า แต่เจ้าก็ต้องเชื่อฟังท่านมู่ด้วย”
“เจ้า… เจ้าไสหัวไปซะ…”
เมื่อเห็นว่าจวินโม่ซีกำลังจะต่อสู้กับหม้อยาของตัวเอง มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้น ข้าจะตอบแทนเจ้าด้วยงานเลี้ยงอาหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุด และปลากว่าหนึ่งร้อยตัว…”
ขณะที่มู่เฉียนซีพูดดวงตาทั้งสองของจวินโม่ซีที่ถูกล่อลวงก็เปล่งประกาย
ในที่สุดเขาก็ยอมจำนนภายใต้การบีบบังคับด้วยของกิน “เจ้าพูดจริงหรือ?”
“แน่นอน!”
“ข้าปรุง ที่ข้าปรุงยังใช้ไม่ได้เหรอ?” จวินโม่ซีเต็มไปด้วยพลังในการปรุงยา
ด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากนักปรุงยาจวิน ภายในเวลาสามวันพลังจิตวิญญาณของผู้นำตระกูลก็ฟื้นคืนกลับสู่สถานะสูงสุด
“มู่อี เตรียมการป้องกันอีกครั้ง”
“ขอรับ!”
เมื่อมู่เฉียนซีหยิบคัมภีร์หมื่นคำสาปออกมา ก็เห็นได้ชัดเลยว่าสุ่ยจิงอิ๋งนั้นเป็นกังวลมาก
“ซีเอ๋อร์ เจ้าเพิ่งฟื้นหายดี พักผ่อนต่ออีกหน่อยไม่ดีกว่าหรือ?”
“ถอนคำสาปของจิ่วเยี่ยได้ ข้าถึงจะสบายใจ! เขาน่ากลัวเกินไปแล้ว ถ้าเขาระเบิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง ข้าเกรงว่าคงต้องไปเกิดใหม่อีกครั้งแล้ว” มู่เฉียนซีกล่าว
“มันคงไม่ใช่แค่เพราะเหตุผลนั้นกระมัง!” เห็นได้ชัดว่าสุ่ยจิงอิ๋งนั้นไม่เชื่อข้ออ้างนี้
มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “ข้าแทบรอไม่ไหวที่จะแก้ปัญหาโรคที่ยากลำบากนี้”
“เพื่อเยี่ยแล้วซีเอ๋อร์ถึงกับต้องโกหกข้า” สุ่ยจิงอิ๋งรู้สึกเศร้าเสียใจ
บางทีมันก็ไม่ใช่เรื่องดีที่มีผู้ทำพันธสัญญาที่เข้าใจตนเองเป็นอย่างดีถึงเพียงนี้ มู่เฉียนซีกล่าวว่า “ข้าเป็นห่วงเขามากเกินกว่าที่ข้าคิดไว้”
“ดังนั้น ข้าจึงอยากแก้มันโดยเร็วที่สุด!” นางกล่าว
มู่เฉียนซีสารภาพออกมาเช่นนี้ สุ่ยจิงอิ๋งก็ยิ่งหมดหนทางมากขึ้น
มู่เฉียนซียิ้มและกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วง! แม้ว่าข้าจะหลับใหลไปเป็นเวลาเจ็ดวัน แต่พลังจิตวิญญาณของข้าก็เปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นและคราวนี้ข้าจะไม่หลับไปนานเช่นนั้นอีก”
“ครั้งหนึ่ง อนุญาตให้อ่านคำสาปได้เพียงคำสาปเดียวเท่านั้น ห้ามใจร้อนเด็ดขาด!” สุ่ยจิงอิ๋งเลือกที่จะถอยแต่ก็มีเงื่อนไข
“อืม! แค่หนึ่งคำสาป” มู่เฉียนซีรับปากแล้ว
เมื่อเปิดผนึกอีกครั้ง มู่เฉียนซีก็เริ่มอ่านคำสาปที่สอง
หลังจากอ่านคำสาปที่สองจบมู่เฉียนซีก็หลับใหลไปอีกครั้งหนึ่ง แต่คราวนี้นางหลับไปเพียงสามวันเท่านั้น
แม้ว่าเวลาจะสั้นลง แต่จวินโม่ซีก็ยังคงมีสีหน้าที่ไม่ดีต่อมู่เฉียนซี
แน่นอนว่าการคัดค้านของเขายังคงไร้ประโยชน์
หนึ่งวันก็สามารถฟื้นตัวได้ดีแล้ว จากนั้นมู่เฉียนซีก็ได้เปิดคำสาปที่สาม
เมื่อเปิดคำสาปที่สาม มู่เฉียนซีก็รู้สึกคุ้นเคยกับการสูญเสียพลังจิตวิญญาณแล้ว ดังนั้นหลังจากอ่านจบจึงหมดสติไปเพียงหนึ่งวันเท่านั้น
และนางยังพบว่าพลังจิตวิญญาณของตนเองนั้นดีขึ้นอย่างรวดเร็ว นี่ต้องเป็นเพราะถูกคัมภีร์หมื่นคำสาปที่น่ากลัวบีบออกมาอย่างแน่นอน
จวินโม่ซีเองก็รู้สึกได้ว่าพลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีนั้นเปลี่ยนไปอย่างน่ากลัวมาก เขามองนางอย่างไม่มีคำใดจะกล่าว แต่ในที่สุดเขาก็กล่าวขึ้นว่า “เจ้าวิปริตเช่นนี้ เป็นห่วงเจ้าก็แต่ว่าจะคอยหาปัญหา แต่ก็ตามใจเจ้าเถอะ!”
หลังจากพักผ่อนไปหนึ่งวัน มู่เฉียนซีก็เปิดคำสาปที่สี่และหลังจากอ่านคำสาปที่สี่จบ พลังจิตวิญญาณของมู่เฉียนซีก็ยังคงมีเหลืออยู่
“สุ่ยจิงอิ๋ง ตอนนี้ข้ายังมีพลังเหลืออยู่ ลองอ่านคำสาปที่ห้าดูเป็นอย่างไร?”
“ซีเอ๋อร์จงทำในสิ่งที่ตนทำไหว!”
“ลองดูสักหน่อย” สี่คำสาปแรกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับคำสาปของจิ่วเยี่ยเลยสักนิด และยังหาวีธีแก้ไม่เจอ
หวังว่าคำสาปที่ห้าจะมีวิธี!
แต่…
เมื่อมู่เฉียนซีต้องการอ่านคำสาปที่ห้า กลับพบว่าไม่มีอะไรเลย มันว่างเปล่า!
มู่เฉียนซีผิดหวังอย่างหาที่เปรียบมิได้ “ไม่มีแล้ว!”
สุ่ยจิงอิ๋งกล่าวว่า “คัมภีร์หมื่นคำสาปทั้งหมดมีสามส่วน เกรงว่าส่วนนี้ของเผ่ามังกรจะมีเพียงสี่คำสาปแรกเท่านั้น คำสาปนั้นของจิ่วเยี่ยอาจจะถูกบันทึกไว้ในคัมภีร์หมื่นคำสาปของเผ่าสัตว์เทพอื่น ๆ”
มันยากมากที่จะหาคัมภีร์หมื่นคำสาปได้สักส่วนหนึ่ง แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าในตอนนี้มันแทบจะเป็นเหมือนกระดาษขยะ
มู่เฉียนซีเก็บพลังวิญญาณ และปิดผนึกคัมภีร์หมื่นคำสาปอีกครั้งหนึ่ง
มีความรู้สึกที่หดหู่ในหัวใจอย่างมาก พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้ได้สิ่งนี้มา แต่ตอนนี้กลับยังคงไม่สามารถเปลี่ยนสถานการณ์ของจิ่วเยี่ยได้
สุ่ยจิงอิ๋งเองก็รู้สึกได้ถึงความรู้สึกของมู่เฉียนซี นางกล่าวว่า “ซีเอ๋อร์ การไปเผ่ามังกรในครั้งนี้ก็มิใช่ว่าจะไม่ได้รับประโยชน์ การได้รับไข่มุกมังกรวารีศักดิ์สิทธิ์ก็สามารถทำให้มังกรวารีตื่นขึ้นมาได้อย่างรวดเร็วขึ้น”
“ถ้ามังกรวารีตื่นขึ้นมา ถึงเวลานั้นมันก็คงไม่ยากนักที่จะล้มวิญญาณร้าย คำสาปของจิ่วเยี่ยคงมิใช่เรื่องง่ายที่จะแก้ได้มิฉะนั้นมันคงไม่สามารถบีบบังคับให้เขาตกอยู่ในสภาวะเช่นนี้ได้”
มู่เฉียนซีกระซิบว่า “คราวนี้ ยังมีมังกรวารีให้โจมตีได้ทันเวลา แต่ถ้ายังหาคัมภีร์หมื่นคำสาปไม่พบ คำสาปของจิ่วเยี่ยระเบิดออกมาในครั้งต่อไป แม้แต่มังกรวารีที่ตื่นขึ้นก็คงไม่สามารถปิดผนึกไว้ได้ เช่นนั้นควรจะทำอย่างไร?”
นางใส่ใจจิ่วเยี่ยมากขึ้นเรื่อย ๆ และยิ่งไม่อยากให้เขาเกิดเรื่อง ถ้าต้องไปถึงขั้นนั้นอีก นางคงต้องสัมผัสกับทางเลือกที่ยากลำบากเช่นนั้นในแดนมังกรอีก
ทันใดนั้น นางก็ตกอยู่ในอ้อมกอดหนึ่งที่คุ้นเคย
อากาศร้อนพ่นเข้าไปในหูของนาง “ข้าจะไม่ปล่อยให้ซีร้องไห้อีกต่อไป และจะไม่ทำให้เจ้าต้องเลือกอย่างยากลำบากเช่นนั้นอีก”
ดวงตาของมู่เฉียนซีเบิกกว้างขึ้น “จิ่วเยี่ย เจ้ามาแล้วหรือ?”
“อืม! ข้ามาแล้วและคิดถึงเจ้ามาก!” เขาซบเข้าไปในระหว่างผมของมู่เฉียนซีและรู้สึกถึงลมหายใจของนาง
“ไม่ใช่ว่าข้าฝากจื่อโยวบอกเจ้าแล้วหรือ? ว่าหากข้าไม่ได้ไปหาเจ้า เจ้าก็อย่ามาหาข้า”
“ทันทีที่ข้าตื่นก็มาเลย จื่อโยวกลับไม่ได้บอกข้า”
“เจ้า… เจ้ากลับไปเดี๋ยวนี้เลย”
“โอ้! เช่นนั้นข้าไปแล้ว!”
“เดี๋ยว!” มู่เฉียนซีดึงเขาไว้
จิ่วเยี่ยดึงมู่เฉียนซีเข้าไปในอ้อมกอดของเขาอีกครั้ง และมู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ย มันไม่ง่ายเลยกว่าที่พวกเราจะหาคัมภีร์หมื่นคำสาปส่วนนี้พบได้ แต่ในนั้นกลับไม่มีคำสาปของเจ้าบันทึกไว้”
จิ่วเยี่ยกล่าวว่า “คำสาปของข้านั้น เป็นคำสาปที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาคำสาปโบราณสิบสามข้อ มันไม่จำเป็นต้องมีอยู่ในส่วนนี้ของเผ่ามังกร และข้ารู้อยู่ในใจนานแล้ว”
“แต่ซีไม่ต้องกังวล หาสองส่วนนั้นของเผ่าหงส์และเผ่ากิเลนพบ ย่อมต้องสามารถหาวิธีได้อย่างแน่นอน”
ไม่ใช่ว่าไม่มีเบาะแส ตราบใดที่ยังมีโอกาสเพียงน้อยนิด นางก็จะไม่มีทางยอมแพ้
มู่เฉียนซีกำหมัดและกล่าวว่า “อืม! ความยากลำบากและความผิดหวังเล็กน้อยนี้ ไม่มีทางทำให้พวกเรายอมแพ้ได้อย่างแน่นอน”
จิ่วเยี่ยมองมู่เฉียนซีอย่างใกล้ชิด ปลายนิ้วของเขาตกลงบนผิวของมู่เฉียนซีและจิ่วเยี่ยก็จำสิ่งที่เขาทำเมื่อตอนที่คำสาประเบิดออกได้
เขาถามด้วยน้ำเสียงหม่นหมองว่า “ซียังเจ็บอยู่ไหม?”
มู่เฉียนซีที่กำลังคิดอะไรอยู่ ฉับพลันร่างกายก็เกร็งขึ้นและกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”