หากไม่ใช่เพราะธิดาศักดิ์สิทธิ์เข้ามาสอดแทรก พวกเขาก็คงจะชนะไปแล้ว
ทว่า ตอนนี้ยังมีอีกสนามหนึ่ง จู่ ๆ พวกเขาก็รู้สึกว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้มายุ่งจนเสียการไปจริง ๆ!
และแน่นอนว่าไป๋เหยียนเอ๋อร์เห็นสายตาเหล่านั้นที่มองนางมา สีหน้าท่าทางการเสแสร้งแกล้งทำเป็นคนดีนั้นของนางก็เริ่มที่จะรักษาไว้ไม่อยู่แล้ว
เมื่อครู่เป็นใครกันที่ขอร้องให้นางช่วยเหลือ ตอนนี้กลับมากล่าวโทษนาง
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “ข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์อายุยังไม่ถึงยี่สิบปี ตำหนักเซียวอวิ๋นก็ควรจะส่งผู้ประลองที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกันกับข้าออกมาประลอง”
มู่เฉียนซีเอ่ยปากกล่าว “เรื่องนี้เจ้าวางใจเถอะ! ทางฝ่ายของพวกข้าส่งคนประลองที่อายุน้อยกว่าเจ้าแน่นอน”
“เพราะผู้ที่จะประลองกับเจ้า ก็คือข้า!”
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้า…เจ้าแน่ใจหรือว่าจะประลองกับข้า พลังของเจ้าห่างชั้นกับข้ามากเชียวนะ เมื่อถึงตอนนั้นมีดดาบไม่มีตานะ หากทำให้เจ้าบาดเจ็บขึ้นมาจะทำเช่นไร?”
มู่เฉียนซีโบกมือพลางกล่าว “จะยังไงก็ช่างเถอะ!”
เมื่อเห็นท่าทางการเสแสร้งของไป่เหยียนเอ๋อร์เช่นนี้แล้ว มู่เฉียนซีก็คร้านที่จะเล่นตามการแสดงของนาง
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “ซีเอ๋อร์ช่างเป็นคนที่ตลกขบขันเสียจริง จะไม่ครุ่นคิดพิจารณาอีกสักหน่อยเหรอ อย่างเช่น ส่งนายน้อยแห่งตำหนักเซียวอวิ๋นออกมาแทน”
ถึงแม้ว่าพรสวรรค์ของเซียวโม่จะเทียบกับเฟิงอวิ๋นซิวไม่ได้ แต่อย่างน้อยพลังของเขาก็อยู่ในขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต ซึ่งเป็นพลังที่เหนือกว่ามู่เฉียนซีหลายระดับ
เจ้าตำหนักเซียวก็ไม่อยากจะให้มู่เฉียนซีเข้าไปเสี่ยงอันตราย เขาจึงกล่าวว่า “แม่นางมู่ ให้ลูกชายของข้าลงประลองเถอะ!”
เซียวโม่กรอกตามองบนก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านอย่าได้เป็นห่วงผู้วิปริตผู้นี้ไปเลยนะ ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของนางหรอก นางนั่นแหละที่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ได้ยินหรือยัง ว่าข้าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดแล้ว จะประลองก็เริ่มประลองเถอะ หากไม่ประลองเจ้าก็ยอมแพ้ไปซะ!”
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “ในเมื่อซีเอ๋อร์ตัดสินใจเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็คงทำได้แค่ประลองกับเจ้าแล้วล่ะ”
ทันใดนั้นผ้าแพรไหมสีขาวผ่องก็ได้โบกสะบัดพลิ้วไหวดุจดั่งเทพเซียนกำลังร่ายรำก็มิปาน
แต่ในการร่ายรำของเทพเซียนนี้กลับเต็มไปด้วยจิตสังหาร
มู่เฉียนซีเอากระบี่มังกรเพลิงออกมาแล้วเช่นกัน และร่างของนางก็พุ่งออกไปต้อนรับขับสู้
ในตอนนี้จื่อโยวได้เตรียมป้องกันอย่างหวาดกลัว หญิงสาวผู้นี้ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัว ผู้ที่ควรหวาดกลัวนั้นก็คือหมิงจี
หากหมิงจีลงมือกับคนงามแล้วละก็ เขาจะต้องเข้าไปช่วยให้ทัน มิเช่นนั้นต่อให้คนงามโชคดีเพียงใดก็ต้องจบเห่แน่นอน
ตูม! ทั้งสองเริ่มต่อสู้ประมือกัน พลังความแข็งแกร่งนั้นห่างชั้นกันมาก
“อายุของนางกับนายน้อยอวิ๋นซิวนั้นไม่ได้ห่างกันมาก นึกไม่ถึงเลยว่านางจะมีพลังที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ตำหนักตงจี๋ปรากฏอัจฉริยะอันน่าทึ่งสองคนขึ้นแล้ว”
“เกรงว่าท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์จะเป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันออกแล้วกระมัง!”
ในทางตรงกันข้าม พลังความแข็งแกร่งของมู่เฉียนซีนั้นกลับไม่ได้ทำให้ผู้คนทึ่งเท่ากับพลังของไป๋เหยียนเอ๋อร์
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยัน “บีบบังคับเพิ่มพลังวิญญาณ เจ้าไม่มีทางควบคุมมันได้แน่นอน! แต่เมื่อถึงตอนนั้นใครทำให้ใครบาดเจ็บกันแน่ ค่อยมาดูกัน”
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “ซีเอ๋อร์ เจ้าพูดอะไรของเจ้า ข้าไม่เข้าใจ เจ้าหมายความว่าเช่นไร…”
ระหว่างที่กล่าวนี้ผ้าแพรไหมสีขาวนั้นก็ได้พุ่งเข้าหามู่เฉียนซีอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
ฉึก! เสียงตัดผ่านอากาศดังขึ้น กระบวนท่าอันคร่าชีวิตนี้นั้นไม่มีความปรานีเลยแม้แต่น้อย
เผชิญหน้ากับการยั่วยุและการเยาะเย้ยของมู่เฉียนซีเช่นนี้ ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็อดทนจนถึงที่สุดแล้วเช่นกัน
เมื่อพลังอันบ้าคลั่งใกล้เข้ามา มู่เฉียนซีก็ตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ผ้าแพรไหมสีขาวที่ดูอ่อนโยนนั้นกลับแหลมคมเสียยิ่งกว่าคมศรเสียอีก มันพุ่งทะลุกำแพงน้ำแข็งของมู่เฉียนซีเข้ามา ขณะเดียวกันร่างของมู่เฉียนซีก็ไหลบหลีกไปอย่างรวดเร็ว
ผ้าแพรไหมสีขาวนั้นแฉลบผ่านข้างหูนาง ตัดเส้นผมของนางไปหลายเส้น
เฟิงอวิ๋นซิวกับเซียวโม่และพวกต่างก็ตกตะลึงขึ้นจนสีหน้าซีดเผือด เกือบไปแล้ว คออันเรียวยาวขาวเนียนนั้นของมู่เฉียนซีเกือบจะเกิดรอยเลือดแล้ว
เฟิงอวิ๋นซิวมองไปที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์ผู้ที่ไล่ตามมู่เฉียนซีด้วยสีหน้าที่เย็นชา ไป๋เหยียนเอ๋อร์ หากเจ้ากล้าทำให้เฉียนซีบาดเจ็บแล้วละก็ ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจในภายหลังเป็นแน่!
ไป๋เหยียนเอ๋อร์เองก็รู้สึกได้ถึงจิตสังหารนั้นของเฟิงอวิ๋นซิวแล้วเช่นกัน สำหรับเรื่องที่เฟิงอวิ๋นซิวสนใจมู่เฉียนซีนั้นนางกลับไม่ได้รู้สึกอิจฉาริษยาแต่อย่างใด ใบหน้านางจึงเผยรอยยิ้มแปลกประหลาดขึ้น
ท่านผู้นำตระกูลมู่ผู้สูงส่งก็มีวันที่ถูกคนอื่นมองเป็นตัวแทนของคนอื่นเหมือนกัน ช่างดียิ่งนัก!
มุมปากของนางยกยิ้มอย่างเยาะเย้ยขึ้น พร้อมกับผ้าแพรไหมสีขาวได้ก่อตัวเป็นกรงขังหนึ่ง ลมพายุอันน่าสะพรึงกลัวกระโชกพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีจากทั่วทุกทิศ
หลายเดือนที่ผ่านมานี้ พลังความแข็งแกร่งของไป๋เหยียนเอ๋อร์ก้าวหน้าขึ้นมาก และกำลังในการต่อสู้ก็พัฒนาขึ้นมากเช่นกัน
ดูท่า หมิงจีกับไป๋อู๋ห่ายได้ลงทุนไปกับนางไม่น้อยเลย
กระบี่มังกรเพลิงง้างขึ้นอย่างช้า ๆ มู่เฉียนกล่าวอย่างเย็นชาว่า “มังกรเพลิงสังหาร!”
เปลวไฟอันแดงฉานได้แผดเผาเส้นทางหนึ่งขึ้น ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวไป และได้อันตรธานหายไปแล้ว
ไป๋เหยียนเอ๋อร์ไล่ล่าตามชัยชนะของนางไป แต่เมื่อพลังวิญญาณของนางถูกใช้จนหมด กระบวนท่าต่าง ๆ ที่ใช้ออกมาก็ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์
และไม่มีทางทำให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บได้!
ทุกคนก็สังเกตเห็นแล้ว “ประหลาดจริง! ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งมาก ทักษะวิญญาณก็แข็งแกร่งมาก แม้ใช้พลังวิญญาณโจมตีตลอดเวลาแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรมู่เฉียนซีได้เลย!”
“ท่าร่างของมู่เฉียนซีนั้นรวดเร็วเกินไปแล้ว อีกอย่างการตอบสนองของนางก็รวดเร็วมากด้วย ไม่ว่าท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์จะโจมตีด้วยวิธีใด นางก็ล้วนแต่หลบหลีกได้”
ใช่ มู่เฉียนซีสามารถหลบหลีกได้
พลังจิตของนางแข็งแกร่งจนถึงระดับหนึ่งแล้ว การโจมตีขั้นนี้ของไป๋เหยียนเอ๋อร์จึงช้ามากสำหรับนาง นางจึงสามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย
การโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่าล้วนแต่ไม่สามารถทำให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บได้ สีหน้าของไป๋เหยียนเอ๋อร์ตอนนี้จึงไม่ค่อยจะดีนัก
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “ซีเอ๋อร์ ถึงเวลาตัดสินแพ้ชนะได้แล้วล่ะ!”
“พายุสะท้านเมฆา!”
ผ้าแพรไหมสีขาวพุ่งออกมาอีกครั้ง และพุ่งตรงไปที่หัวใจของมู่เฉียนซีอย่างรวดเร็ว
หากผ้าแพรไหมนี้กระทบกับร่างของมู่เฉียนซีเข้า คาดว่าหัวใจของนางคงจะแตกสลายในทันทีเป็นแน่
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี ชั่วครู่หนึ่งร่างของนางก็เคลื่อนไหวและหายไป
รากฐานของไป๋เหยียนเอ๋อร์นางรับรู้ได้มากพอแล้ว ต่อไปก็ถึงเวลาที่นางจะตอบโต้แล้ว!
ปัง! การโจมตีของไป๋เหยียนเอ๋อร์สูญเปล่า แต่มู่เฉียนซีในตอนนี้กลับปรากฏตัวกลางอากาศอยู่เหนือหัวนาง
พลังธาตุวารีได้พรั่งพรูออกมาบริเวณรอบกายของมู่เฉียนซี และก่อตัวเป็นกระแสน้ำวน จากนั้นนางก็ตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ทักษะโยวหลัว!”
ทักษะหนึ่งตกลงมา ไป๋เหยียนเอ๋อร์รีบหลบหลีกอย่างรวดเร็ว!
เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น พื้นดินที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์ยืนอยู่ก่อนหน้าที่จะหลบหลีกไปในตอนนี้ได้ปรากฏรอยแยกขึ้น
เสียงดังสนั่นสะเทือนฟ้าสะเทือนดินนี้ทำให้ทุกคนตกตะลึงจนปากอ้าตาค้าง
“ช่างเป็นทักษะวิญญาณที่น่าสะพรึงกลัวยิ่งนัก! ทักษะวิญญาณนี้ต่อสู้ข้ามระดับได้ถึงขั้นใหญ่ การจะทำให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้รับบาดเจ็บสาหัสนั้นมันไม่ใช่ปัญหาเลย”
“ถึงแม้ว่าระดับพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีจะเทียบกับธิดาศักดิ์สิทธิ์และนายน้อยอวิ๋นซิวไม่ได้ แต่กำลังการต่อสู้นี้ก็วิปริตมากเหมือนกัน!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าวันนี้จะได้เห็นอัจฉริยะทั้งสามแห่งแดนตะวันออกลงมือเช่นนี้!”
สีหน้าของไป๋เหยียนเอ๋อร์ยิ่งดำคล้ำมากยิ่งขึ้น เห็น ๆ กันอยู่ว่าพลังของนางเมื่อครู่นั้นสลัดทิ้งห่างมู่เฉียนซีไปไกลโข พลังอันน้อยนิดนั้นของมู่เฉียนซีเมื่อเทียบกับนางแล้วมันช่างห่างชั้นกันมาก!
ทว่า ในตอนนี้นึกไม่ถึงเลยว่าพวกคนเหล่านี้จะเอานางไปเปรียบเทียบกับมู่เฉียนซี!
ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก! มู่เฉียนซีเจ้าต้องตาย!