มู่เฉียนซีกล่าว “ตอนนี้แยกย้ายกันไปจัดการ!”
“ซิงเฉิน เจ้าไปหาเฟิงอวิ๋นซิว ถ้าหากว่าพลังของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์บ้าคลั่งและกระหายเลือด เช่นนั้นแล้วจะต้องมีวิญญาณมังกรเพลิงพิฆาตอยู่แน่ ถึงต่อให้ต้องฟาดเขาให้สลบ ก็ต้องนำตัวออกมาให้ได้”
ทฤษฎีความดีและความชั่วไม่สามารถหยุดเฟิงอวิ๋นซิวได้ จะมีก็แต่เพียงวิธีการที่รุนแรงเท่านั้น
แม้ว่ามันจะทำให้เขาเสียดาย แม้ว่าจะให้พวกเขากลับกลายเป็นมีความแค้น ก็ยังดีกว่าที่พวกเขาต้องตายตกไป
มู่เฉียนซีเหลือบมองไปทางจื่อโยว “เจ้าไปหาเสี่ยวไป๋ ถ้าหากพบวิญญาณกระบี่ละก็ ห้ามมิให้เขาไปแย่งชิงกับผู้อื่น”
จื่อโยวเบ้ปากกล่าว “กู้ไป๋อีท่านนั้นเป็นถึงยอดฝีมือขั้นสูงสุด เขาไม่ตายหรอก ข้าอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องสาวน้อยคนงามเสียดีกว่ากระมัง!”
“ผู้อื่นนั้นไม่สามารถทำอะไรเขาได้ แต่วิญญาณมังกรเพลิงพิฆาตอันตรายเป็นอย่างมาก ข้าไม่อยากให้เขาเข้ามายุ่งเกี่ยว จะต้องมีคนผู้หนึ่งหยุดยั้งเขา”
“ส่งใครไปสักคนก็ได้แล้วนี่ ถ้าหากให้จิ่วเยี่ยรู้เข้าว่าข้าไม่ได้อยู่ปกป้องข้างกายเจ้า อีกทั้งไปปกป้องชายผู้อื่นแล้วด้วย เขาจะต้องสับข้าเป็นหมื่น ๆ ชิ้นเป็นแน่” จื่อโจวกล่าวอย่างน่าเวทนา
ส่วนซิงเฉินที่เชื่อฟังคำสั่งมาโดยตลอดได้กล่าวขึ้น “นายหญิง คำสั่งของท่านนั้นข้ามิกล้าที่จะมิทำตาม แต่ข้ากับจื่อโยวต้องมีสักคนที่อยู่ข้างกายท่านถึงจะได้”
“นายหญิง…” แม้แต่มู่อีก็ไม่เห็นด้วย
มู่เฉียนซีกล่าว “มู่อี!”
“ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
มู่เฉียนซีผายมือแล้วโยนขวดยาออกมาอยู่หลายขวด “เจ้าคัดเลือกคนจำนวนหนึ่งไปหาเสี่ยวไป๋ จงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อมิให้เกิดการต่อสู้กับผู้อื่น ระวังความปลอดภัยด้วย”
มู่อีพยักหน้ารับ “ขอรับ!”
ทั้งหมดแบ่งออกเป็นสามกลุ่มแยกกันปฏิบัติการ ทันทีที่ซิงเฉินจากไป รอยยิ้มของจื่อโยวก็ยิ่งยั่วยวนเข้าไปทุกที
“สาวน้อยคนงาม ยากนักที่เราสองคนจะมีโอกาสได้อยู่ด้วยกันอย่างเป็นส่วนตัวสองคนไร้ผู้อื่น เจ้าว่าข้าควรจะทำตัวเช่นไรดีเล่า!” เสียงนั้นช่างยั่วยวนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้
มู่เฉียนซีกล่าวถามขึ้น “องครักษ์เงาของตระกูลข้าและลูกสมุนของเจ้านั้นมิใช่คนแล้วหรือ?”
ใบหน้าที่มีรอยยิ้มของจื่อโยวแข็งทื่อไปพลัน “สาวน้อยคนงาม เจ้าช่างไม่รู้เรื่องอะไรเช่นนี้ เยี่ยของเจ้าจะรู้หรือไม่?”
“เจ้าปีศาจ เจ้าเย้ายวนเช่นนี้ เยี่ยของเจ้าจะรู้หรือไม่?” มู่เฉียนซีสวนกลับไป
จื่อโวยรู้สึกเศร้าโศก พลังการทำลายล้างของเยี่ยของเขานั้นแข็งแกร่งมากเกินไปนัก ตนเองที่อยู่ต่อหน้าสาวน้อยคนงามในตอนนี้ไร้ซึ่งพลังและเรี่ยวแรงต่อสู้ใด ๆ ทั้งสิ้น
ความงดงามของตนเองนั้นแทบจะไม่สามารถทำให้สาวน้อยคนงามลุ่มหลงได้เลยแม้แต่น้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “จื่อโยว เจ้านี่ช่างโอ้อวดมากเกินไปนัก! เจ้าจงไปคอยโอกาสตามเหมาะสมแล้วปฏิบัติงานในมุมมืดเหมือนดั่งองครักษ์เงาและสมุนของเจ้าเถอะ!”
จื่อโวยกล่าว “จะไปได้เช่นไรเล่า! สาวงามอย่างที่สุดเช่นสาวน้อยคนงามจะไม่มีผู้พิทักษ์บุปผางามอยู่ข้างกายได้อย่างไร”
“ผู้พิทักษ์บุปผางาม? ข้าว่าเป็นจิ้งจอกเฒ่าที่ไม่เลิกราเสียมากกว่ากระมัง!” มู่เฉียนซีมองจื่อโจวอย่างพิจารณาด้วยสีหน้าที่รังเกียจ
สายตาที่รู้สึกรังเกียจขยะแขยงนั้นช่างทำให้จื่อโยวใจสลายจริง ๆ
จื่อโยวรีบกล่าวขึ้น “ข้าจะไม่พูดอะไรทั้งสิ้น จะพยายามเป็นแต่แจกันดอกไม้คงได้แล้วกระมัง!”
“แจกันดอกไม้มันก็ยังมากไปนัก รีบหายตัวไปเสีย!”
“สาวน้อยคนงาม…”
มู่เฉียนชีได้นำเข็มยาเข็มหนึ่งขึ้นมาเตือนจื่อโยว
จื่อโยวไม่ได้เกรงกลัวอะไรนัก “สาวน้อยคนงาม แม้ว่าพิษของเจ้าจะร้ายกาจ แต่ก็คงจะไม่มีผลอะไรกับข้ามากนักหรอก!”
มู่เฉียนซีทำหน้าเหมือนจะยิ้มก็ไม่ยิ้ม แล้วกล่าว “เจ้าแน่ใจ! พิษนี้ของข้าเนี่ย! อาจจะไม่ถึงแก่ชีวิต และก็มันจะไม่ทำให้ทรมาน แต่แค่เพียงไม่สามารถเป็นชายไปได้ตลอดชีวิตก็เท่านั้นเอง จื่อโยวเจ้าจะลองสักหน่อยหรือไม่…”
“อย่า…” เมื่อจื่อโยวได้ยินแล้วก็หลบไปอย่างรีบร้อน
ฤทธิ์ของมันนั้นน่าหวั่นพรึงเสียยิ่งกว่าตายหรือถูกถลกหนังล้วงดึงเส้นเอ็นเสียอีก
หญิงสาวผู้นี้ของเยี่ยแข็งกร้าวนัก เขาจงอย่าได้ล้อเล่นอีกเลย! มิเช่นนั้นแล้วหลังจากนี้ไปคงจะไม่มีเรื่องของความสุขสันต์ให้กล่าวกันอีกแล้ว
“ข้าจะซ่อนตัวอยู่ในมุมมืด สาวน้อยคนงามถ้าหากเจ้ามีเรื่องอันใดก็เรียกชื่อข้าในทันที ข้าจะออกมาช่วยเหลือ” จื่อโยวกล่าวด้วยอาการรำคาญ
สาวน้อยคนงามคิดค้นยาพิษเช่นนี้ขึ้นมา นี่เป็นฝันร้ายของบุรุษรูปงามเช่นเขาอย่างแน่นอน
เมื่อจื่อโยวหายตัวไป ที่ข้างหูของมู่เฉียนซีก็เงียบสนิทขึ้นมาโดยฉับพลัน
เป้าหมายของมู่เฉียนซีคือการไปหาท่านอารอง
ผู้ที่ต้องการเข้าใกล้แก่นใจกลางของภูเขาไฟเหล่านั้นได้ถอยกลับออกมายังป่าศิลาเพลิงแห่งนี้อีกครั้งหนึ่ง
“ยังไม่ไหว! เปลวเพลิงตรงส่วนใจกลางยังคงน่ากลัวอยู่เช่นเดิม แม้แต่ยอดฝีมือขั้นสูงสุดเต็มขั้นก็ยังไม่อาจเข้าใกล้ได้”
“ถอนตัวออกมาทั้งหมด วันนี้เราจะตั้งค่ายที่นี่”
“……”
ใบหน้าของมู่เฉียนซีฉายแววแห่งความยินดีออกมา ถอยออกมากทั้งหมด เช่นนั้นก็ดียิ่งนัก
มู่เฉียนชีเดินตรงไปยังคนกลุ่มนั้น เมื่อคนเหล่านั้นเห็นสาวตัวน้อยตัวคนเดียวก็ตะลึงค้าง อีกทั้งยังเป็นสาวน้อยที่งดงามเป็นอย่างมาก
ในตอนนี้กองกำลังใหญ่ต่าง ๆ มารวมตัวกันก็เพื่อมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ จึงมิได้ก่อปัญหาวุ่นวาย
แต่ก็ยังมีพวกคนต่ำทรามบางพวก ที่เห็นความสวยงามแล้วเกิดก่อเหตุ
“สาวน้อย ทำไมถึงได้มาสถานที่อันตรายเช่นนี้เพียงผู้เดียว จงรีบออกไปเสียเถอะ!
มู่เฉียนชีกล่าวตอบ “ ข้าแค่เพียงเดินหลงทางจากกลุ่มเท่านั้น ขอถามหน่อยว่าพวกเจ้ารู้ว่ากลุ่มของตำหนักเป่ยหานในตอนนี้อยู่ที่ใดหรือไม่?”
พวกเขามองไปที่มู่เฉียนซีผู้มีรูปร่างหน้าตางดงาม แม้จะอยู่เพียงตัวคนเดียวแต่สีหน้าก็ยังคงนิ่งเฉย
“ตำหนักเป่ยหานเป็นถึงสำนักนิกายระดับสามเชียว! ไม่ใช่อะไรที่พวกเราจะสามารถไปจับฟังข่าวได้ เจ้าไปถามผู้อื่นเถอะ!”
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่า “ขอบคุณคำตอบขอบพวกเจ้าเป็นอย่างมาก นี่เป็นของขวัญขอบคุณจากข้า”
มู่เฉียนซีโยนขวดยาให้แก่ผู้ที่ตอบคำถามนางเมื่อครู่นี้ ทันทีที่เงาร่างสีม่วงเริ่มเคลื่อนไหว ไม่นานนักนางก็ได้หายไปจากหน้าพวกเขา
คนเหล่านั้นล้วนแต่ตะลึงค้าง “เป็นเคล็ดวิชาที่รวดเร็วยิ่งนัก!”
“นี่คงเป็นอัจริยะรุ่นเยาว์ของตำหนักเป่ยหานกระมัง! ไม่เสียทีที่เป็นกลุ่มกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสาม!”
“หัวหน้า! รางวัลขอบคุณเมื่อครู่นี้คือ…”
บุรุษผู้เป็นหัวหน้าได้เปิดขวดยานั้นออกมา กลิ่นหอมอันเข้มข้นทำให้พวกเขาตะลึงงัน
“ยาเม็ดระดับเก้า อีกทั้งเป็นยาเม็ดที่ใช้ในการรักษาอาการบาดเจ็บชั้นดีอีกด้วย ช่างมือเติบเสียจริงเชียว!”
พวกเขาทุกคนล้วนตื่นเต้นขึ้นมา กลุ่มของพวกเขานี้นับเป็นได้เพียงแค่กลุ่มระดับกลาง เมื่อถึงเวลาต้องเปิดศึกต่อสู้การบาดเจ็บก็เป็นสิ่งที่ยากจะเลี่ยงได้
มาตอนนี้มียาเม็ดที่ดีเช่นนี้ คงจะสามารถกู้ชีวิตของเหล่าพี่น้องพ้องเพื่อนกลับมาได้ไม่น้อย
“ช่างมือเติบเสียจริงเชียว!” ผู้ที่ถือขวดโอสถนั้นถอนหายใจพร้อมกล่าว
ตนเองตอบไปเพียงแค่ประโยคเดียวเท่านั้น แต่กลับได้รับการตอบแทนที่มีมูลค่าเท่าเมืองเมืองหนึ่งเช่นนี้ นี่เป็นสิ่งที่พวกเขายากจะคาดได้ถึงอย่างแน่นอน
ระหว่างทางนั้นแค่เพียงพบกลุ่มคน มู่เฉียนซีล้วนถามถึงข่าวคราวของตำหนักเป่ยหาน
การมอบให้อย่างใจกว้างของมู่เฉียนซีได้กระจายไปทั่วทั้งป่าศิลาเพลิง
มู่เฉียนซีมอบให้อย่างใจกว้างยิ่งนัก นั่นจึงทำให้ในใจคนเกิดความคิดชั่วช้าขึ้น
ยาเม็ดระดับแปดยังสามารถแจกให้ได้อย่างง่ายดาย สมบัติติดตัวก็คงจะไม่น้อย เหตุใดจะไม่ไปทำกำไรสักหน่อยเล่า
“ลูกพี่ สาวน้อยนั่นถามข่าวคราวของตำหนักเป่ยหานก็เกรงว่าคงจะเป็นคนของตำหนักเป่ยหาน พวกเราอย่าได้ลงมือเลยเถอะ!”
“พวกเราอยู่ที่แดนเหนือ ไม่เคยได้ยินเลยว่าตำหนักเป่ยหานมีเด็กสาวอะไรเช่นนี้ ข้าเดาว่า! เจ้าเด็กสาวนี่มุ่งจะไปตำหนักเป่ยหานคงเพราะจะไปหาผู้ใหญ่ในตำหนักเป่ยหานสักผู้หนึ่ง”
“ก็ใช่ รูปลักษณ์ของเจ้าตำหนักเป่ยหานและผู้พิทักษ์กฏนั้นไม่มีอะไรจะต้องติกันจริง ๆ”
“เพื่อที่จะตามล่าบุรุษรูปงาม เสน่ห์ของสาวน้อยผู้นั้นเองก็ไม่เลว”