ผู้อื่นไม่รู้ แต่พวกเขารู้อย่างชัดเจน
หลิงที่ถูกเขาผนึกเอาไว้นั้นเป็นเพียงแค่ซากศพมีเลือดเนื้อที่เดินได้เท่านั้น ไร้ซึ่งความรักความรู้สึก จะทำก็แต่เพียงฟังคำสั่งของเขาเท่านั้น
“ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวเช่นนี้ แน่นอนว่าพวกเราก็สบายใจแล้ว”
มู่เฉียนซีเองก็อยู่ในค่ายของตำหนักเป่ยหานเสียจนรู้ช่ำชอง แต่หลายวันมานี้นางกลับไม่ได้นึกถึงเงาร่างที่คุ้นเคย
เสี่ยวไป๋ไม่อยู่!
ถ้าหากว่าเขาอยู่ละก็ เมื่อมองเห็นนางก็เป็นไปไม่ได้ที่จะซุ่มซ่อนตัวไปอยู่ตลอดเวลา!
เจ้าตำหนักเป่ยหานได้เคลื่อนพลยอดฝีมือทั้งหมดของตำหนักเป่ยหาน แต่กลับมิได้ให้เสี่ยวไป๋มาด้วย ช่างประหลาดเสียจริง
รึว่าเสี่ยวไป๋ไปเก็บตัวฝึกบำเพ็ญแล้ว?
กู้ไป๋อีไม่อยู่ มู่เฉียนซีก็มิได้เป็นกังวล กลับกันนางกลับสบายใจไปอยู่ไม่น้อย
ไม่ได้มาสิยิ่งดีเสียกว่า! เช่นนี้เสี่ยวไป๋ก็จะปลอดภัย
ในตอนนี้หลิงค่อนข้างที่จะหดหู่ แม้ว่าจะสามารถพบเห็นหลานสาวได้ทุกวัน แต่ว่าเขาทำได้แต่เพียงใช้สายตาเย็นชากับซีเอ๋อร์ และไม่มีโอกาสที่จะเข้าใกล้ไปใช้เวลากับซีเอ๋อร์ให้ดีเลยแม้แต่น้อย!
ทันใดนั้นเขาก็พลันรู้สึกว่า ข้อเสนอนั้นของซีเอ๋อร์ไม่ดีเป็นอย่างมาก!
แต่เมื่อเรื่องราวได้ดำเนินมาถึงขั้นนี้แล้วก็ทำได้แต่เพียงให้มันเป็นไป
ข่าวดีเพียงข่าวเดียวที่เขามีก็คือเจ้าตำหนักจากไปแล้วและไม่รู้ถึงแหล่งที่ไป ตัวอันตรายจึงน้อยลงไปหนึ่งคน
สามวันผ่านไป ผู้ที่ไปสอดแนมลู่ทางข้างหน้าได้เข้ามากล่าวรายงาน “รายงานท่านผู้อาวุโสสูงสุด พื้นที่ส่วนใจกลางนั้นสามารถเข้าใกล้ได้แล้ว ตำหนักตงจี๋และแคว้นเทพฟ้านอินได้ออกเดินทางแล้ว พวกเรา…”
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “เช่นนั้นพวกเราเองก็รีบออกเดินทาง!”
“ท่านเจ้าตำหนักยังไม่กลับมา!”
“เจ้าตำหนักมีแผนการของเขาเอง พวกเราลงมือจัดการก่อน!”
“ขอรับ!”
เมื่อมู่เฉียนซีที่ได้รับข่าวนี้สีหน้าก็พลันมืดครึ้มลง
ในที่สุดก็จะออกเดินทางแล้ว
มู่เฉียนซีออกเดินทางพร้อมกลับกลุ่มกองของตำหนักเป่ยหาน เมื่อเดินทางออกจากขอบแดนของป่าศิลาเพลิงก็มองเห็นสถานที่ซึ่งมีเพลิงลุกขึ้นทั่วทั้งสี่ทิศ
เบื้องหน้ามีภูเขาอยู่ลูกหนึ่งที่ตอนนี้ได้กลายเป็นสีแดงฉานประหนึ่งเปลวเพลิงก็มิปาน พลังวิญญาณธาตุไฟที่ก่อผลกระทบไปทั่วทั้งแดนตะวันออกได้ถูกพ่นออกมาจากที่แห่งนั้น
เมื่อพวกเขาเข้าไปใกล้ปากปล่องภูเขาไฟ พื้นดินตรงด้านหน้าก็พลันเกิดเพลิงปะทุขึ้นมา จากนั้นมันก็ม้วนตัวเข้ามาทางพวกเขาอย่างบ้าคลั่ง
เมื่อเห็นว่ามันกำลังจะเผาตรงที่ที่พวกเขาอยู่ พวกเขาก็เร่งเตรียมการป้องกันกันอย่างรีบร้อน
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา “โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ปัง ปัง ปัง!
พวกเขาไม่สามารถหยุดเปลวเพลิงเหล่านี้เอาไว้ได้
“ผู้อาวุโสสูงสุด หรือว่าพลังวิญญาณธาตุไฟที่รอบด้านนี้ยังไม่สงบลงมา?”
“มิใช่ว่าพลังวิญญาณธาตุไฟยังไม่สงบลง แต่มันมีสิ่งของที่อยากจะออกมาจากใต้ดิน” สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดค่อนข้างเคร่งขรึม
ปัง! เสียงดังสนั่นเสียงหนึ่งดังขึ้น กลิ่นอายอันรุนแรงกลิ่นหนึ่งได้ม้วนตัวเข้ามา
สัตว์ตัวใหญ่โตตัวหนึ่งได้พุ่งออกมาจากใต้พื้นดิน มันมีลำตัวสีแดงฉานพร้อมด้วยเขาวัว และมีพลังอันบ้าคลั่ง มันไม่เหมือนกับสัตว์วิญญาณทั่วไป
เมื่อเห็นสัตว์ที่ใหญ่โตเช่นนี้ พวกเขาต่างพากันสูดลมหายใจอันเย็นยะเยือกเข้าไปเฮือกหนึ่ง
“นี่มันตัวประหลาดอะไรกัน”
“พลังวิญญาณธาตุไฟนี้สามารถทำให้ทั้งแดนตะวันออกสั่นสะเทือนได้ มีสัตว์ประหลาดเช่นนี้ปรากฏขึ้นมาก็ไม่น่าแปลกอะไร พวกเราไม่สามารถสู้กับมันซึ่ง ๆ หน้าได้อย่างง่ายดาย ไปกันเถอะ…”
พวกเขาต้องการจะหนีไป แต่สัตว์ประหลาดยักษ์ตัวนี้จะยอมปล่อยให้พวกเขาจากไปอย่างราบรื่นได้อย่างไร
บึ้ม! ทันทีที่บาทาของมันเหยียบลงบนพื้น บนพื้นนั้นก็เกิดรอยแยกแตกเหมือนดั่งใยแมงมุมไปเป็นวงกว้างโดยพลัน
ตามรอยแยกเหล่านี้ได้มีเปลวเพลิงพุ่งออกมา มันได้ล้อมพวกเขาเอาไว้โดยสมบูรณ์
นี่ยังมิใช่สิ่งที่น่าหวั่นพรึงที่สุด สิ่งที่น่าหวั่นพรึงที่สุดก็คือหลังจากที่เปลวเพลิงนี้ปรากฏขึ้นมา สิ่งที่อยู่ตรงหน้าก็ได้เปลี่ยนไปทั้งหมด
พวกเขาอยู่ท่ามกลางท้องนภาที่เป็นทะเลเพลิง พวกเขาเบิกตากว้างโพลงแล้วกล่าว “นี่เป็นภาพลวงตา!”
“จะต้องออกไปให้ได้ มิเช่นนั้นแล้วจะถูกเผาตายอยู่ในที่แแห่งนี้เป็นแน่”
ในขณะเดียวกันกลุ่มคนอื่น ๆ ล้วนแต่พบเจอเข้ากับสัตว์ประหลาดเช่นเดียวกัน
แต่หนึ่งในนั้นได้มีเงาร่างสีเหลืองที่ไม่รู้มาจากไหนพุ่งผ่านไปได้อย่างเบาสบายโดยไม่ได้เหลียวมองดูสัตว์ประหลาดนั้นเลย
ที่ด้านหลังของเขามีเงาร่างเงาหนึ่งตามเข้ามาด้วย
เมื่อมองไปยังแผ่นหลังของเงาร่างที่ดูสบายตัวนั้นแล้ว ดวงตาของพวกเขาก็พลันมืดครึ้มลง “อินรั่วเฉิน!”
ในที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดก็ตาม ก็ยังไม่อาจที่จะหลบหลีกจาการตามราวีของสัตว์ประหลาดนี้ได้ แต่อินรั่วเฉินกลับสามารถทำได้โดยง่ายดายเช่นนั้น เขาจะต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
หลายคนคิดว่าการแย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ในครั้งนี้ อินรั่วเฉินนั้นเป็นศัตรูตัวฉกาจของพวกเขาอย่างแน่นอน แต่พวกเขาจะไม่ยอมแพ้
มือนั้นกำกระบี่ที่อยู่ในมือเอาไว้แน่น สิ่งของที่นางต้องการเขาจะต้องได้มันมาเพื่อนาง
เงากระบี่ได้กลายเป็นจันทร์เสี้ยวอันเย็นยะเยือกที่กลางอากาศ และพุ่งฟาดฟันไปทางสัตว์ประหลาด
ไม่เสียทีที่เป็นการปรากฏขึ้นของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ทุกแห่งในที่แห่งนี้ล้วนแต่เป็นอันตราย จะต้องหานางให้พบโดยเร็วถึงจะได้
ชั่วขณะที่เข้าไปในแดนแห่งภาพลวงตานั้น หลิงได้พุ่งไปข้างกายมู่เฉียนซีโดยไม่คิดอะไรทั้งสิ้นและจับมู่เฉียนซีเอาไว้
ที่รอบด้านนั้นล้วนแต่เป็นทะเลเพลิง ราวกับว่ามันจะเผาผู้คนเสียให้มอดไหม้เป็นจุน หลิงกล่าวถามขึ้น “ซีเอ๋อร์เป็นอะไรหรือไม่?”
ในแดนแห่งภาพลวงตานั้นไม่มีผู้อื่น ในที่สุดหลิงก็สามารถที่จะพูดกล่าวกับมู่เฉียนซีได้อย่างเป็นปกติเสียที
มู่เฉียนซีส่ายหัว “ยังไหว พวกเราแค่ถูกปิดล้อมเอาไว้เท่านั้น แดนภาพลวงตาแห่งนี้เป็นแค่เพียงการโจมตีทางจิต ข้าจะคิดหาวิธีออกไปจากที่นี่”
การโจมตีทางจิต ถ้าหากว่าตอบโต้ไปละก็จะถูกกลืนกินได้อย่างง่ายดาย หลิงจะยอมให้ซีเอ๋อร์ไปเสี่ยงอันตรายได้อย่างไร
“ซีเอ๋อร์ ให้อารองทำเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “อารอง หากสู้กันข้าไม่สามารถสู้กับท่านได้ แต่เรื่องพลังจิตนี้ก็ไม่แน่ว่าท่านจะสามารถจัดการกับหลานสาวผู้นี้ของท่านได้!”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังถูกคำสาปทั้งสี่ของคัมภีร์หมื่นสาปนั้นทำลาย พลังจิตของนางก็แตกต่างไปจากก่อนหน้านี้มากนัก
พลังวิญญาณของนางได้แผ่ออกไป พลังวิญญาณอันมหาศาลแทบที่จะทำให้แดนแห่งภาพลวงตาพังทลายลง
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีจะไม่ปล่อยให้มันพังทลายลงรวดเร็วนักและมิคิดปล่อยให้คนของตำหนักเป่ยหานออกไปได้อย่างเบาสบายเช่นนั้น นางเพียงแค่แหวกปากทางขึ้นมาเพียงหนึ่งแห่งเท่านั้น
มู่เฉียนซีกล่าวกับหลิง “อารอง พวกเราไปกันเถอะ!”
หลิงตะลึงงันไปอย่างสิ้นเชิง มัน…มันถูกจัดการได้อย่างง่ายดายเช่นนี้ ช่างเหนือความคาดหมายเสียจริง
จากนั้นพวกเขาก็ได้ออกมาอย่างสบาย ๆ มู่เฉียนซีกล่าว “อารอง พวกเราไปกันก่อน!”
แม้ว่าพวกผู้อาวุโสสูงสุดจะถูกกักขังเอาไว้เป็นการชั่วคราว แต่ด้วยพลังความสามารถของพวกเขา พวกเขาจะไม่ตายไปอย่างง่ายดายเช่นนั้นแน่นอน
หลังพวกเขาหนีออกมาจากสัตว์ประหลาดนั้นก็พบว่าเบื้องหน้านั้นเป็นป่าแห่งหนึ่งและไม่เห็นมีเปลวเพลิงใดทั้งสิ้น
หลิงคว้ามู่เฉียนซีแล้วกล่าว “รึว่า นี่ก็เป็นแดนภาพลวงตาอีก!”
พลังวิญญาณของมู่เฉียนซีได้แผ่ออกไป นางกล่าว “นี่ไม่ใช่แดนแห่งภาพลวงตา เกรงว่าสภาพเช่นนี้คงจะเป็นสภาพตอนก่อนที่มันจะถูกทำลาย! และมีพลังบางอย่างทำให้มันคืนสภาพเป็นดังเดิม”
“ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องระวังตัว! ข้าจะปกป้องซีเอ๋อร์” หลิงกล่าวเสียงทุ้มต่ำ
ป่าแห่งนี้เหมือนจะเป็นเขาวงกต
เดิมทีนั้นมันถูกเผาจนเปล่าเปลือย ทันทีที่มองก็สามารถมองเห็นที่หมายได้ในทันที แต่ตอนนี้ดูไม่มีวี่แววเลยแม้แต่น้อย
พวกเขาพุ่งขึ้นไปกลางอากาศก็ไม่สามารถที่จะพบเห็นทางเข้าได้ จะทำได้แต่เพียงค่อย ๆ หามันในป่าแห่งนี้
อย่างไรเสียพวกเขาก็จะไม่รีบร้อนไปเผชิญหน้ากับสิ่งที่เรียกว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์
“โฮก!” ถึงแม้จะไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามทำให้ป่าแห่งนี้กลับเป็นเช่นเดิมได้อย่างไร แต่หลังจากที่มันฟื้นคืนสภาพเดิมแล้วมันก็ยังเป็นสัตว์วิญญาณ
และมันเป็นสัตว์วิญญาณธาตุไฟที่ดุร้ายเป็นอย่างมาก
พลังความสามารถของหลิงนั้นแข็งแกร่งพอ เมื่อเผชิญเข้ากับสัตว์วิญญาณก็สามารถที่จะจัดการได้ทั้งหมด
“โฮก!” เสียงดังกึกก้องเสียงหนึ่งลอยมา พลังกดดันอันน่าหวันพรึงทำให้รู้สึกตัวสั่น
พลังนี้อย่างน้อยก็เป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ขั้นที่หกเต็มขั้นถึงขั้นมีพลังที่ใกล้เคียงกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับที่เจ็ด
สีหน้าของหลิงพลันหมองลง “บ้าจริง! ที่นี่กลับมีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่แข็งแกร่งเช่นนี้อยู่ พวกเราไปกันเถอะซีเอ๋อร์”
.