เงาร่างสีแดงโลหิตเงาหนึ่งพลันปรากฏขึ้นตรงหน้าของพวกเขา ดวงตาของพวกเขาพลันหรี่เล็กลง
บุรุษตรงหน้าผู้นี้มีอาภรณ์สีแดงดั่งโลหิต ดวงตาคู่นั้นเหมือนดั่งดอกกุหลาบหยดโลหิต มันเหมือนกับเปลวไฟที่กำลังลุกโชนเผาไหม้ ดั่งว่ามันจะทำลายล้างทุกสิ่งอย่างไปไปจนหมด มันจึงจะยอมหยุด
ผมสีแดงเพลิงปลิวลอยตามลม ดวงตาอันทรงเสน่ห์คู่นั้นได้สาดประกายแห่งความโหดเหี้ยมออกมา ราวกับว่าพิฆาตวิญญาณนั้นต้องการที่จะฉีกวิญญาณของมนุษย์ให้แหลกสลายไปก็มิปาน
“แมวน้อยที่ข้าเพ่งเล็งเอาไว้แล้วข้าก็ไม่อยากให้ผู้ใดได้จดจำนึกถึงมัน” ริมฝีปากอันสมบูรณ์แบบนั้นได้ยกโค้งขึ้นอย่างกระหายเลือด
สีหน้าของคนชุดขาวเหล่านี้เปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก “เจ้าเป็นใคร?”
พรวด พรวด พรวด!
ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้คำตอบ ลำแสงสีแดงโลหิตหลายลำแสงก็ได้พุ่งออกมา โลหิตสดสาดพุ่งกระเซ็น
ใบหน้าของบุรุษชุดแดงนั้นมีหน้ากากสีแดงประหนึ่งเพลิงปิดบังเอาไว้อยู่ เมื่อโลหิตที่สาดกระเซ็นไปติดอยู่บนนั้นก็ได้ถูกหน้ากากกลืนกินเข้าไปในทันที
เขากล่าวเสียงแหบแห้ง “พวกเจ้าหนีไม่รอดหรอก!”
เพียงชั่วพริบตาเขาก็ได้หายตัวไปจากเมืองเหยียน
ณ โรงเตี๊ยมที่ดีที่สุดในเมืองหานหลงซึ่งเป็นเมืองที่อยู่ทางเหนือสุดของแดนตะวันออกนั้นได้มีแขกผู้มาเยือนเข้ามาผู้หนึ่ง เสี่ยวเอ้อร์ของโรงเตี๊ยมมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างตกตะลึง นางช่างงดงามอย่างที่สุด ในชีวิตนี้ของเขาไม่เคยพบเจอหญิงสาวที่งดงามเช่นนี้มาก่อน
แต่ทว่าหญิงสาวผู้นี้ดูแล้วก็น่าเขินอายอยู่บ้าง ในตอนนี้ชุดคลุมอันละเอียดประณีตนั้นมีร่องรอยของกระบี่และรอยเผาไหม้อยู่ไม่น้อย อีกทั้งบนตัวนั้นก็ยังมีกลิ่นคาวเลือด
มู่เฉียนซีได้โยนหยกวิญญาณชั้นยอดออกมาแล้วกล่าว “จัดห้องชั้นดีให้ข้าหนึ่งห้อง เตรียมน้ำร้อนเอาไว้ให้พร้อม เร็วเข้า!”
“ขอรับ!” นี่เป็นหยกวิญญาณชั้นยอดเชียว! ช่างนับได้ว่าได้กำไรมากนัก เขาจะไปกล้าเชื่องช้าได้อย่างไร
ไม่นานนักเสี่ยวเอ้อร์ก็ได้เตรียมน้ำร้อนไว้ให้พร้อมแล้ว มู่เฉียนซีนำโอสถใส่เข้าไปในอ่างน้ำนั้นอยู่ไม่น้อย จากนั้นก็ได้เริ่มลงไปแช่ตัว
เพียงแค่ครู่เดียวก็เจ็บปวดเป็นอย่างมากไปทั้งตัว นั่นทำให้สีหน้าของมู่เฉียนซีกลายเป็นซีดเผือด บนหน้าผากของนางเริ่มมีเหงื่อซึมออกมา
มังกรเพลิงที่สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดของมู่เฉียนซีก็ได้เริ่มร้องไห้ออกมา “ฮือ ฮือ ฮือ! นายท่าน ล้วนแต่เป็นความผิดข้า ต้องโทษที่ข้าไร้ประโยชน์! ฮือ ฮือ ฮือ…”
มู่เฉียนซีกล่าวด้วยเสียงที่แหบแห้งว่า “อย่าพูดไร้สาระ หุบปาก!”
ก่อนหน้านี้กระบี่มังกรเพลิงมีวิญญาณแค่เพียงส่วนน้อยเท่านั้น ดังนั้นมันจึงเงียบสงบเป็นอย่างมาก แต่มาตอนนี้วิญญาณได้รวมเข้ากับตัวกระบี่แล้วมันก็ได้ร้องห่มร้องไห้วุ่นวายเช่นนี้!
เมื่อตอนที่ปะทะกับทาสกระบี่ของพิฆาตวิญญาณนั้น นางได้ยืมพลังความสามารถของมังกรเพลิงจึงสามารถเอาชนะได้
แต่ทว่าพลังนั้นมิใช่สิ่งที่ร่างกายและพลังความสามารถในตอนนี้ของนางจะสามารถแบกรับเอาไว้ได้
ก่อนที่จะแยกกันกับกู้ไป๋อีนั้นนางมิได้แสดงอาการออกมา แต่ในเวลานี้จะต้องรีบรักษาอาการบาดเจ็บโดยเร็ว
ในตอนนี้เส้นลมปราณของนางล้วนแต่ได้รับความเสียหาย ขอบเขตของพลังความสามารถกำลังลดต่ำ หากว่านางมิใช่นักปรุงยาผู้หนึ่งแล้วละก็ เกรงว่าก็คงจะได้พิการไปอย่างสิ้นเชิง
“ฮึบ! ข้าไม่พูดไร้สาระ นายท่านจงรักษาอาการบาดเจ็บให้ดี!”
มู่เฉียนซีอดทนกับความเจ็บปวดเอาไว้และกลืนยาเม็ดลงไปจำนวนไม่น้อย ยาน้ำเองก็ได้ถูกฉีดเข้าไปในหลอดเส้นเลือด ฤทธิ์ของยานั้นฟื้นฟูเส้นลมปราณ แต่ทว่าขอบเขตของพลังความสามารถนั้นยังไม่สามารถที่จะควบคุมได้และเริ่มพุ่งดิ่งลงอย่างบ้าคลั่ง
“จักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เจ็ด ขั้นที่หก…”
ในตอนที่กำลังฟื้นฟูนี่เอง พลังความสามารถกำลังพุ่งดิ่งอย่างบ้าคลั่ง ความเจ็บปวดนั้นที่เหมือนกับเครื่องในกำลังแหลกสลาย แต่มู่เฉียนซีกลับกัดฟันอดทนสู้เอาไว้
“ฮือ ฮือ ฮือ!” มังกรเพลิงกำลังร้องไห้ด้วยเสียงเบาๆ
เส้นลมปราณกำลังถูกฟื้นฟูซ่อมแซมอย่างรวดเร็ว ในตอนนี้มู่เฉียนซีได้เข้าสู่ภาวะกึ่งหลับไหล นางกำหมัดเอาไว้แน่น ใกล้แล้ว…ใกล้แล้ว…
จักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่ง ในที่สุดพลังความสามารถก็ไม่ดิ่งลงไปแล้ว มู่เฉียนซีโล่งอกไปเปราะหนึ่ง อย่างไรก็ยังคงอยู่ในระดับจักรพรรดิ ยังไม่นับว่าอนาถนัก!
หลังจากที่เส้นลมปราณเสียหายไปในครั้งนี้ มันกลับขยายกว้างขึ้นกว่าเดิมเกือบสิบเท่าตัว หากคิดที่จะฝึกบำเพ็ญให้กลับไปอยู่ขั้นที่เจ็ดอีกทั้งยังมียาเม็ดของนางช่วยเสริมแล้ว มันก็มิได้ยากเย็นนัก
มู่เฉียนซีโล่งอกไปอีกเปราะหนึ่ง จากนั้นก็ได้หลับสะลึมสะลือไปในอ่างน้ำ
แต่เมื่อเพิ่งจะเข้าสู่การหลับใหล จิตสังหารอันกระหายเลือดที่น่าหวั่นพรึงและคุ้นเคยพลังหนึ่งก็ได้ทำให้มู่เฉียนซีตกใจตื่น นางจึงพลันเปิดตาขึ้นมา
ปัง! ปราณกระบี่ปราณหนึ่งได้ผ่าลงมาจากบนผนังห้อง
มู่เฉียนซีได้กระโดดออกมาจากอ่างน้ำและได้นำผ้าคลุมชุดหนึ่งมาห่อตัวของตนเองเอาไว้
ลำแสงกระบี่สีแดงลำแสงหนึ่งได้ผ่าลงมาจากบนเพดานห้อง ปัง! อ่างน้ำได้แตกออก น้ำในนั้นได้สาดกระเซ็นออกมา!
ครืน! ที่กระบี่ฟาดลงมานั้นมิเพียงแต่ผ่าครึ่งอ่างอาบน้ำไป มันยังได้ผ่าทั้งโรงเตี๊ยมออกเป็นสองส่วนอีกต่างหาก
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าทั้งโรงเตี๊ยมกำลังโงนเงน จึงได้รีบพุ่งออกไปจากห้องนั้น
ในตอนที่นางกำลังพุ่งออกไปนี่เอง เงาร่างปีศาจสีแดงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่เบื้องหน้าของมู่เฉียนซี และปิดกั้นทางของนางเอาไว้
มู่เฉียนซีเงยหน้าขึ้นมองผู้ที่อยู่เบื้องหน้า ช่างมีเสน่ห์เหมือนดั่งดอกบัวเพลิงที่กำลังเบ่งบานอยู่เบื้องหน้า
ผมสีแดงเพลิงปลิวไสวขึ้นมา ดวงตาอันทรงเสน่ห์เหมือนดั่งหิมะช่างดึงดูดสายตา แม้ว่าใบหน้าจะถูกหน้ากากบดบังเอาไว้ ทว่านางก็สามารถสัมผัสได้ว่าใบหน้าของเขานั้นงดงามจนน่าตกตะลึง
ความงดงามเช่นนี้มันงดงามเสียจนคาวเลือด งดงามเสียจนไม่ได้ระวังตัว เป็นความชั่วร้ายดั่งทูตสวรรค์ที่ร่วงหล่นลงมา
ไม่จำเป็นที่จะต้องให้ผู้มาเยือนรายงานชื่อเสียงเรียงนามมู่เฉียนซีก็รู้ได้แล้วว่าเป็นใคร นางกล่าวออกมาช้า ๆ สี่ค่ำ “พิฆาตวิญญาณ!”
พิฆาตวิญญาณเองก็มองหญิงสาวตรงหน้าผู้นี้ นางเพิ่งออกมาจากอ่างอาบน้ำ เส้นผมนั้นยังมีหยดน้ำหยดลงมา สีหน้านั้นขาวซีดเพราะได้รับความเจ็บปวดอย่างสาหัส
ชุดคลุมอันบอบบางเผยให้เห็นเรือนร่างอันสมบูรณ์แบบ เท้าอมชมพูที่ยังคงมีหยดน้ำเหยียบยืนอยู่กลางอากาศ ใบหน้าอันงดงามนั้นแม้ว่าจะเผชิญกับศัตรูผู้แข็งกร้าว ก็ยังคงความสงบนิ่งเอาไว้ได้
ยิ่งสงบนิ่งเท่าไรเขาก็ยิ่งอดไม่ได้ที่จะฉีกความสงบนิ่งเช่นนี้ให้แหลกสลายไป
มุมปากของเขาได้ก่อตัวเป็นรอยยิ้มเย้ยหยันแล้วกล่าว “แมวน้อย ในที่สุดก็ถูกข้าจับตัวเอาไว้แล้ว”
พิฆาตวิญญาณมองมู่เฉียนซีอย่างพิจารณาแล้วกล่าว “พลังความสามารถอ่อนแอเช่นนั้นยังไปหลอมรวมกับเจ้าไร้ประโยชน์นั่นแล้วเพิ่มพลังความสามารถมาทำลายหุ่นเชิดของข้า แถมก็ยังมีกำลังเหลืออยู่เล็กน้อย! มิได้กลายเป็นพิการไปโดยสมบูรณ์ นั่นทำให้ข้าต้องมองเจ้าใหม่”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ามาได้รวดเร็วกว่าที่ข้าคิดเอาไว้ เป้าหมายของเจ้าคืออะไรกันแน่?”
“ข้าต้องการเจ้าไร้ประโยชน์นั่น แล้วก็ต้องการตัวกระบี่ อีกทั้งยังจะเอา…” เงาร่างสีแดงโลหิตพุ่งผ่านไปพลัน มืออันเรียวยาวนั้นชี้ไปทางใบหน้ารูปไข่ของมู่เฉียนซี
ร่างของมู่เฉียนซีได้พุ่งลงมาจากกลางอากาศอย่างรวดเร็ว กระบี่มังกรเพลิงได้ออกจากฝักแล้ว นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “พิฆาตวิญญาณ เจ้าจงเปลี่ยนข้อเรียกร้องเสียเถอะ!”
พิฆาตวิญญาณเดินลงมาจากกลางอากาศอย่างช้าๆ เขายิ้มอย่างเย็นยะเยือก “เป็นครั้งแรกที่มีผู้กล้าที่จะพูดกับข้าให้เปลี่ยนข้อเรียกร้อง”
“อย่างกังวลใจไป ข้านั้นมิใช่นิรันดร์ มิได้สนใจในอิสตรี ข้าก็แค่เพียงต้องการให้เจ้ากลายเป็นทาสกระบี่ของข้า ถึงแม้ว่าเจ้าจะอ่อนแอไปเล็กน้อย แต่ก็นับได้ว่าเป็นเพชรที่สามารถเจียระไนได้
“ข้าขอปฏิเสธ!” มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึม
“ข้ามิได้ให้อำนาจในการปฏิเสธแก่เจ้า” เมื่อกล่าวจบพิฆาตวิญญาณก็ได้เข้ามาใกล้มู่เฉียนซีอีกครั้ง
“มังกรวารีพิฆาต!” มังกรวารีพุ่งออกไปแต่มันกลับไม่อาจแตะต้องตัวพิฆาตวิญญาณได้เลยแม้แต่น้อย!
ช่วงเวลาต่อจากนั้นมู่เฉียนซีก็รู้สึกว่าพลังหนึ่งของตนเองได้พุ่งออกไปและไม่อาจที่จะเคลื่อนไหวได้
มังกรเพลิงได้กันท่าเอาไว้ที่เบื้องหน้าของพิฆาตวิญญาณ มันกล่าว “พิฆาตวิญญาณ เจ้าจะทำเช่นนี้ไม่ได้”
“เจ้าโง่ เจ้าจงกังวลเรื่องตัวเจ้าเองเถอะ!” พิฆาตวิญญาณกล่าวด้วยเสียงเย็นชา
“ข้าขอร้องเจ้าละน้องชาย อย่าได้ทำร้ายนายท่าน” น้ำเสียงของมังกรเพลิงเปลี่ยนเป็นน่าเวทนา
เมื่อได้ยินเช่นนี้เส้นเอ็นบนมือของพิฆาตวิญญาณก็ปูดโปนขึ้นมา ถ้าหากตัวกระบี่ที่เบื้องหน้านั้นก็มิใช่ร่างของมันแล้วละก็ มันคงจะบีบให้ป่นเป็นผงไปแล้ว
“หุบปาก! ใครเป็นน้องชายของไอ้ตัวไร้ประโยชน์เช่นเจ้า!” พิฆาตวิญญาณกล่าวด้วยความโกรธ
พิฆาตวิญญาณได้กุมด้ามของกระบี่มังกรเพลิงเอาไว้ หาร่างกายของมันมานานเช่นนี้แล้ว ในที่สุดก็หาพบแล้ว
หลังจากที่ได้มันมาแล้วก็จะกลืนกินเจ้าไร้ประโยชน์นี่ พลังความสามารถของมันถึงจะฟื้นฟูขึ้นได้รวดเร็วขึ้นเสียหน่อย
.