อีกฝ่ายหนึ่งมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ได้และความแข็งแกร่งของกำลังคนก็คาดว่าคงไม่ง่ายที่จะประมาทได้ หากนางพุ่งเข้าไปคาดว่าคงจะทำให้ตัวเองกับจวินโม่ซีและโม่จิ่นต้องตกอยู่ในอันตราย
มิอาจประมาทได้!
มู่เฉียนซีเดินผ่านตรอกซอกซอยและจู่ ๆ ก็มีคนผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นและดึงนางไว้
มู่เฉียนซีก้มศอกเพื่อเตรียมที่จะตอบโต้เขากลับ แต่เสียงที่คุ้นเคยเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน
“ซีเอ๋อร์ นี่ข้าเอง!”
มู่เฉียนซีหันหน้าไปก็เห็นบุรุษที่มีรูปร่างใบหน้าที่งดงามผู้หนึ่ง เขาสวมเสื้อคลุมสีแดงเข้มที่ดูดุดันและมีอำนาจ
“ท่านอารอง!”
“ซีเอ๋อร์ มากับข้า!” แม้ว่ามู่เฉียนซีจะเปลี่ยนรูปลักษณ์ แต่เพียงแวบเดียวหลิงก็จำนางได้
เพียงแค่มองแวบเดียวเขาก็มีลางสังหรณ์ว่า นี่คือซีเอ๋อร์ของเขา
สถานที่ที่หลิงพามู่เฉียนซีไปเป็นฐานที่มั่นของหอปี้ลั่วในเมืองตงจี๋ จื่อโยวเห็นว่ามู่เฉียนซีมาได้อย่างปลอดภัย เขาก็ยิ้มและกล่าวว่า “อารอง ข้าบอกเจ้าแล้ว! มีเยี่ยของพวกเราอยู่ สาวน้อยย่อมไม่ได้รับอันตราย แม้เพียงเส้นผมสักเส้นก็ไม่มีขาดอย่างแน่นอน!”
สายตาเย็นชาของหลิงกวาดไปทางจื่อโยวและกล่าวว่า “ใครเป็นอารองของเจ้า!”
มู่เฉียนซีเองก็กลอกตาแล้วกล่าวว่า “จื่อโยว เจ้าอย่าฉวยโอกาส อารองของข้า!“
จื่อโยวนั้นเป็นปีศาจเฒ่าอายุพันปีแล้ว อารองอายุพึ่งจะเท่าไหร่เอง!
ซิงเฉินกล่าวว่า “ซิงเฉินได้พบนายหญิงแล้ว นายท่านสบายดีไหม?”
หลิงจ้องมองซิงเฉินอย่างดุดัน “นายหญิงอะไร? เจ้าอย่ามาเรียกมั่ว ๆ นะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จิ่วเยี่ยไม่เป็นไร!”
บัญชีดำของหลิงตอนนี้นอกเหนือไปจากคนที่ชื่อมู่ซีแล้วก็ยังมีนายท่านของซิงเฉิน จิ่วเยี่ย!”
ร่างสีดำพุ่งเข้ามาและมู่อีก็คุกเข่าลงข้างหนึ่งต่อหน้ามู่เฉียนซีแล้วกล่าวว่า “คาราวะนายท่าน!”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มู่อี สถานการณ์ตอนนี้เป็นอย่างไรบ้าง”
“เมื่อคืน จู่ ๆ ก็มียอดฝีมือผู้แข็งแกร่งจากตำหนักตงจี๋โผล่มา และโจมตีจนพวกเราตั้งรับไม่ทัน รองหัวหน้าหอกับคุณชายจวินก็ถูกพวกมันเอาตัวไป เป็นเพราะข้าน้อยไม่รอบคอบเองขอรับ” มู่อีก้มหัวกล่าว
“อีกฝ่ายหนึ่งแข็งแกร่งมาก ไม่ใช่ความผิดของพวกเจ้า ไป๋อีและอวิ๋นซิวเป็นอย่างไรบ้าง?”
“คุณชายกู้ดูเหมือนจะมีเรื่องด่วนจึงกลับแดนเหนือไปแล้ว ตอนนี้ยังไม่มีข่าวความคืบหน้าอะไร! ส่วนนายน้อยอวิ๋นซิวกลับไปรักษาอาการบาดเจ็บที่ตำหนักตงจี๋แล้ว เป็นเพราะท่านผู้นำตระกูลรักษาเขาได้ทันเวลา สองมือของเขาจึงไม่เป็นอะไรแล้วขอรับ”
มู่เฉียนซีกระซิบว่า “ไป๋อีไม่อยู่ก็ดี เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาเกี่ยวพันกับอันตรายนี้อีก ส่วนอวิ๋นซิว เขามีส่วนร่วมในการกระทำของตำหนักตงจี๋ในครั้งนี้ด้วยหรือไม่?”
“เมื่อคืนข้าน้อยไม่เห็นนายน้อยอวิ๋นซิว ข้าน้อยจึงมิได้รู้สถานการณ์โดยละเอียดนักขอรับ”
จื่อโยวกล่าวว่า “ทั้งหมดล้วนเป็นพวกเนรคุณ สาวน้อยคนสวย ฆ่าพวกเขาซะให้หมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งก็คือเจ้าเฟิงอวิ๋นซิวผู้นั้น!”
ซิงเฉินกล่าวว่า “ข้าน้อยเต็มใจรับบัญชา!”
“พวกเจ้าอย่าเอะอะไปเลย อารอง ท่านคงไม่มีปัญหาอะไรใช่หรือไม่?” นางมองไปที่หลิงด้วยความกังวลเล็กน้อย
จื่อโยวกล่าวว่า “สาวน้อยคนสวยไม่ต้องกังวลไป ข้าพบเป๋ยโต่วสำหรับอารองแล้ว ตราบใดที่เขาไม่ใช้พลังวิญญาณ ผู้ที่ควบคุมเขาอยู่นั้นจะไม่มีทางหาเขาเจอ”
“เจ้าหนู เจ้าลองเรียกอารองอีกทีสิ?” แม้ว่าจื่อโยวจะช่วยเขา มิฉะนั้นเขาคงยังไม่ได้พบซีเอ๋อร์ และคงต้องกลับไปที่ตำหนักเป่ยหานแล้ว
แต่เสียงเรียกอารองนี้ เขาก็ไม่ชอบเอาเสียเลย
“ท่านเป็นอารองของสาวน้อยคนสวยของเรา เช่นนั้นก็คืออารองของจิ่วเยี่ย และย่อมต้องเป็นอารองของข้าด้วย” จื่อโยวกล่าวอย่างสมเหตุสมผล
“คิดอยากแต่งงานกับซีเอ๋อร์ของข้า ไม่มีทาง!” หลิงอยากตบหน้าเจ้าหมอนี่เสียให้ตาย
“อารอง ท่านใช้พลังวิญญาณไม่ได้นะ! ไม่เช่นนั้น…”
นี่เป็นจุดอ่อนของหลิงอย่างที่สุด และเพื่อไม่ให้ต้องจากไปอย่างรวดเร็ว เขาจึงไม่สามารถใช้พลังวิญญาณของเขาเพื่อเปิดเผยตัวเองได้ในตอนนี้
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “จื่อโยว เจ้าอย่าสร้างปัญหา! ต่อไปเราต้องคิดหาทางช่วยคน”
จื่อโยวเองก็ฟื้นคืนสู่สภาวะปกติแล้ว เขากล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ตำหนักตงจี๋นั่นมีเล่ห์เหลี่ยมบางอย่าง และพวกคนชุดขาวเหล่านั้นเป็นสมุนเล็ก ๆ จากแดนซวนเทียน…”
หลิงกระซิบเบา ๆ ว่า “ซวนเทียน… ซวนเทียน…”
เป็นอีกความเจ็บปวดในหัวที่ทำให้ใบหน้าของหลิงซีดเซียว มู่เฉียนซีรีบลูบหน้าผากของหลิงและกล่าวว่า “ท่านอารอง อย่าคิดอะไรเกี่ยวกับมันในตอนนี้เลย!”
เสียงของมู่เฉียนซีทำให้หลิงสงบลง
ดวงตาที่มีเสน่ห์ของจื่อโยวกระพริบเล็กน้อยและแม้ว่าอารองของสาวน้อยคนสวยจะสูญเสียความทรงจำ แต่เขากลับมีความทรงจำของแดนซวนเทียน และซวนเทียนคำสองคำนี้เกรงว่าคงมีความหมายต่อเขามาก!
จื่อโยวกล่าวต่อว่า “นอกจากคนเหล่านั้นแล้ว เกรงว่าจะมีคนของแดนนรกด้วย ซึ่งตอนนี้มันยุ่งยากมาก!”
มู่เฉียนซีถามว่า “ถ้าอย่างนั้นพวกเจ้าหอปี้ลั่ว ตอนนี้มีกี่คนแล้ว”
“มีอยู่ไม่มากนัก แต่การคิดที่จะช่วยคนจากน้ำมือพวกเขา ยากนัก!” จื่อโยวถอนหายใจ
ซิงเฉินกล่าวว่า “แม้ว่ามันยากที่จะช่วย แต่เราก็ไม่สามารถปล่อยให้นายหญิงไปเสี่ยงได้ เรื่องนี้ให้พวกเราจัดการเถอะ!”
คราวนี้ หลิงอยู่ฝ่ายเดียวกับเขา “ใช่! ซีเอ๋อร์จะไปเสี่ยงไม่ได้”
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “มู่อี ส่งข้อมูลที่เจ้ารวบรวมไว้มาให้ข้า ข้าต้องคิดหาทาง”
“ขอรับ!”
…
“หลีกทาง หลีกทางไปซะ!” ทางด้านเฟิงอวิ๋นซิว เมื่อรู้ข่าวนี้ เขาก็เปิดเผยตัวทันที
แต่ไป๋อู๋ห่ายสั่งให้คนปกป้องตำหนักของเขา และไม่ปล่อยให้เฟิงอวิ๋นซิวออกไป!
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ซวนอี ใครที่มันกล้าที่จะขวางข้า ฆ่าพวกมันทั้งหมดซะ!”
“เหอะ เหอะ! นายน้อยเฟิงช่างอารมณ์ร้ายกาจนัก! แม้แต่คนของเขาเองก็ถูกฆ่า เพียงเพื่อสตรีผู้หนึ่ง” ชายคนหนึ่งสวมชุดขาวเดินเข้ามาดูเหมือนว่าเขาจะอายุยี่สิบกว่าปี ที่ดูมีความหล่อเหลาและสง่างดงาม
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวว่า “หรงเหริน ใครอนุญาตให้เจ้าเอาคนไปข่มขู่เฉียนซี!”
“ข่มขู่? ข้าจะทำอะไร ก็ไม่เกี่ยวกับนายน้อยเฟิงจริงไหม? ข้าได้ยินมาว่าสตรีผู้นั้นดูคล้ายกับพระนางเป็นอย่างมาก และมันคงไม่ใช่เพราะเหตุนี้ที่ทำให้นายน้อยเฟิงมีเมตตาต่อนางกระมัง! แต่ของลอกเลียนแบบอย่างไรก็เป็นของลอกเลียนแบบ โปรดเจ้าจงคิดอย่างถี่ถ้วน! สตรีต่ำต้อยเช่นนี้ไม่สามารถเทียบได้กับหนึ่งในหมื่นของพระนาง!”
ดวงตาของเฟิงอวิ๋นซิวเย็นชา “เจ้าพูดพอแล้วหรือยัง?”
จากนั้นสายลมที่คมดั่งใบมีดก็พัดโจมตีหรงเหรินอย่างไร้ความปราณี
หรงเหรินหลบออกไป อาการบาดเจ็บสาหัสยังไม่หาย ทำให้เฟิงอวิ๋นซิวผู้ซึ่งได้รับความเสียหายของพลังไปเป็นอย่างมากก็ไม่สามารถทำร้ายพวกเขาได้
“ข้าไม่ได้มาที่นี่เพื่อสู้กับเจ้า! แต่จะมาบอกเจ้า! อย่าลืมว่าพระนางให้เจ้ามาดินแดนโลกสี่ทิศเพื่ออะไร? อย่าลืมว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์สำคัญต่อพระนางเพียงใด หรือเจ้าจะทำให้พระนางผิดหวังเพียงเพราะของปลอมนั่น?”
“วางใจเถอะ ดูหน้านายน้อยเฟิงสิ ข้าจะไว้ชีวิตสตรีผู้นั้น! อย่างไรเสียนายน้อยเฟิงก็จะไม่มีวันได้เป็นผู้คุมอำนาจอยู่หลังม่านของพระนาง เพื่อที่จะให้เจ้าได้อยู่กับของปลอมนั่น ข้าก็จะถือว่าเจ้าเป็นหนอนที่หน้าสงสารตัวหนึ่งแล้วกัน! เจ้าว่าไหม?”
“เจ้ามันรนหาที่ตาย!” ธาตุไฟโจมตีอีกครั้ง!
ร่างของหรงเหรินพุ่งออกไปและเขาอัดเฟิงอวิ๋นซิวกระเด็นออกไปด้วยหมัดเดียว
ปัง! เฟิงอวิ๋นซิวล้มลงกับพื้นและกระอักเลือดออกมา
“เจ้าคิดว่าเจ้ายังเป็นอัจฉริยะเหมือนแต่ก่อนหรือ เจ้าอยู่ในดินแดนโลกสี่ทิศมานานเช่นนี้ ข้าจึงเหนือกว่าเจ้ามานานแล้ว! สำหรับข้าแล้ว เจ้ามันไม่ต่างอะไรกับพวกมดปลวก! ยังคิดจะลงมือกับข้า!” หรงเหรินมองเฟิงอวิ๋นซิวด้วยความดูถูก
.