หญิงสาวตรงหน้าผู้นี้ ร่างของนางเปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเต็มไปหมด ดูไม่ออกเลยสักนิดว่าหน้าตาของนางเป็นเช่นไร
ลมหายใจอ่อนแรง อวัยวะภายในแตกสลายอย่างรุนแรง แทบจะเอาชีวิตไม่รอดอยู่แล้ว แต่เมื่อเห็นนาง กลับแผ่ซ่านเจตนาการต่อสู้อันแข็งแกร่งออกมา
นางกระโดดออกมาราวกับหมาป่ากระหายเลือดก็มิปาน ดูเหมือนอายุจะมากกว่ามู่เฉียนซีเพียงแค่ไม่กี่ปี แต่มู่เฉียนซีรับรู้ได้ว่าพลังวิญญาณเดิมของนางนั้นสูงมากเพียงใด!
อย่างน้อยก็ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุด!
ในดินแดนสี่ทิศแห่งนี้มียอดฝีมือขั้นสูงสุดมากมายที่ไหนกันเล่า โดยเฉพาะหญิงสาวที่อายุยังน้อยเช่นนี้ ที่มาที่ไปของนางไม่ธรรมดาแน่นอน!
หากนางไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้ คาดว่าเพียงแค่นางขยับมือก็สามารถกำจัดมู่เฉียนซีได้แล้ว แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้นางไม่สามารถใช้พลังได้แม้แต่ส่วนเดียวของพลังทั้งหมดที่มีอยู่
ถึงแม้ว่าจะโกรธแค้นมากแค่ไหน แต่ก็คงจะทำอะไรมู่เฉียนซีไม่ได้แม้แต่น้อย
คมมีดน้ำแข็งนับไม่ถ้วนพุ่งโจมตีไปที่มู่เฉียนซี มู่เฉียนซีตกใจขึ้น “นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุน้ำแข็งซะด้วย!”
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
หลังจากที่โล่วิญญาณน้ำแข็งสกัดกั้นการโจมตีนี้ของนางเอาไว้ได้ จู่ ๆ เปลวไฟสีทองก็พัดกระโชกเข้ามา!
“ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุคู่ ธาตุน้ำแข็งและธาตุอัคคี!”
ในขณะที่หญิงสาวผู้นี้ลงมือกับมู่เฉียนซี เลือดบนร่างของนางก็ยิ่งไหลออกมาเร็วยิ่งขึ้น
กระบี่มังกรเพลิงขวางเปลวไฟสีทองนั้นเอาไว้ได้ เข็มยาเข็มหนึ่งพุ่งออกไปปักเข้าที่แขนของนาง และนางก็สลบหมดสติไปในที่สุด
เสียง ตุบ! ดังขึ้นหนึ่งครา หญิงสาวผู้นั้นล้มไปบนพื้น
มู่เฉียนซีเดินไปข้างกายนาง มองดูนางอย่างพิจารณา เมื่อครู่ดูเหมือนว่านางจะจำคนผิดไป!
มู่หลินหลาง!
แซ่เดียวกันกับนาง น่าจะมีความเกี่ยวข้องกับนาง หรืออาจจะไม่มีความเกี่ยวข้องใด ๆ เลยก็อาจจะเป็นไปได้
อย่างไรเสีย บนโลกใบนี้ก็มีคนแซ่มู่อยู่ไม่น้อย
หญิงสาวผู้นี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงเพียงนี้แล้วแต่ยังสามารถยืนหยัดเอาไว้ได้ จิตใจเด็ดเดี่ยวมาก ยอดฝีมือขั้นสูงสุดเช่นนี้ หากตายไปก็น่าเสียดายแย่
ครั้งนี้ นางถูกตำหนักตงจี๋ปิดล้อม หอหมอปีศาจต้องถอยออกมาจากแดนตะวันออก รากฐานของนางยังไม่มียอดฝีมือขั้นสูงสุด ไม่สามารถต่อต้านกับกองกำลังระดับสามได้!
เมื่อตัดสินใจได้แล้ว มู่เฉียนซีก็เอาสมุนไพรวิญญาณออกมาปรุงยารักษาอาการบาดเจ็บให้กับหญิงสาวผู้นี้
เมื่อยากระทบลงบนแขนของนาง นางก็ปล่อยเปลวไฟออกมาเป็นการตอบสนอง
หากไม่ใช่เพราะมู่เฉียนซีมีการตอบสนองที่รวดเร็วแล้วละก็ คาดว่านางคงถูกเปลวไฟแผดเผาไปแล้วแน่นอน
“เช่นนี้ไม่ได้!”
หญิงสาวผู้นี้มีเจตนาเป็นศัตรูต่อนางมากเกินไป หรืออาจจะเป็นศัตรูกับรูปร่างหน้าตาเช่นนี้ของนาง หากรอให้พลังของนางฟื้นตัวกลับมาเล็กน้อยก็คงต้องวุ่นวายแน่นอน
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี จากนั้นก็ฉีดเข็มยาให้นางอีกเข็ม
กลิ่นคาวเลือดบนร่างของหญิงสาวผู้นี้เข้มข้นมากจริง ๆ ป่าแห่งนี้กว้างใหญ่มาก ยากที่จะพบเจอผู้คน ดูท่าแล้วคงจะไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัยนัก
โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก!
เสียงคำรามของหมาป่าดังเข้ามาใกล้ หมาป่าสีเทาตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาหากลิ่นคาวเลือดอย่างรวดเร็ว
โชคดีที่พื้นที่ตรงนี้เป็นเพียงแค่บริเวณรอบนอก สัตว์เหล่านี้จึงเป็นเพียงแค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำเท่านั้น
มู่เฉียนซียิ้มพลางมองไปที่พวกมันแล้วกล่าวว่า “ข้าไม่มีคู่ซ้อมอยู่พอดี! พวกเจ้ามาหาข้าถึงที่ก็ดีเหมือนกัน”
กล่าวจบ ร่างสีม่วงพลันเปลี่ยนเป็นเงาร่างนับไม่ถ้วน และพุ่งเข้าไปท่ามกลางฝูงหมาป่าสีเทาเหล่านั้น
มังกรเพลิงคำรามออกไป มู่เฉียนซีตะโกนออกไปอย่างเย็นชาว่า “มังกรเพลิงสังหาร!”
มังกรเพลิงสีแดงฉานพุ่งออกไปพัวพันกับหมาป่าสีเทาเหล่านั้น และโจมตีพวกมันกระเด็นลอยออกไป
“มังกรวารีพิฆาต!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
มู่เฉียนซีต่อสู้กับหมาป่าสีเทาเหล่านี้อย่างป่าเถื่อน ส่วนหมาป่าเหล่านี้ก็พยายามโจมตีมู่เฉียนซีอย่างบ้าคลั่ง
ยิ่งต่อสู้กันมากเท่าไหร่ จำนวนของพวกมันก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ราวกับฆ่าอย่างไรก็ฆ่าไม่หมด
แต่ถึงกระนั้น มู่เฉียนซีก็ไม่ได้เผยสีหน้าความกลัวใด ๆ ออกมาเลยแม้แต่น้อย
มีเพียงแค่การต่อสู้ที่เกินขีดจำกัดเท่านั้นที่จะทำให้นางสามารถฟื้นฟูพลังกลับมาได้เร็วขึ้น
ปัง ปัง ปัง!
มู่เฉียนซีกับหมาป่าสีเทาเหล่านั้นต่อสู้กันจนตะวันตกดิน
เมื่อเหลิ่งหนิงจือฟื้นขึ้นมา ก็เห็นร่างอันรวดเร็วและเย่อหยิ่งผู้นั้น
ทว่า เมื่อได้เห็นใบหน้านั้น รูม่านตาของนางก็หดตัวลงและกำหมัดแน่นขึ้นทันที
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!” ในขณะที่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับสามพุ่งเข้ามา มู่เฉียนซีก็รีบใช้โล่วิญญาณน้ำแข็งต้านทานเอาไว้
กระบี่มังกรเพลิงโจมตีไปอย่างไร้ความปรานี และหัวของหมาป่ากระหายเลือดตัวนั้นก็หลุดกระแทกลงบนพื้น
เหลิ่งหนิงจือแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้เห็นพลังของหญิงสาวผู้นี้ต่ำลง จักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่ง!
มู่หลินหลางจะมีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งได้อย่างไรกัน ต่อให้คิดอยากจะวางแผนลอบเล่นงานนาง ก็ไม่มีทางที่จะทำให้พลังของตัวเองอ่อนแอลงถึงเพียงนี้
อีกอย่างพลังวิญญาณที่หญิงสาวผู้นี้ใช้กับที่มู่หลินหลางใช้มันก็ไม่เหมือนกันเลยแม้แต่น้อย
เหลิ่งหนิงจือมองกระบี่เล่มนั้นออก ถึงแม้ว่าจะมีพลังธาตุอัคคี แต่นางก็เป็นเพียงแค่ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวารีบริสุทธิ์ผู้หนึ่ง ส่วนมู่หลินหลางเป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุคู่ พลังธาตุวารีและพลังธาตุวายุ
บนหน้าผากของหญิงสาวผู้นี้ผุดพรายไปด้วยเหงื่อ ดูเหมือนว่านางจะต่อสู้กับหมาป่ากลุ่มนี้มานานมากแล้ว
เมื่อรับรู้ได้ถึงการฟื้นตัวอย่างแปลกประหลาด เหลิ่งหนิงจือก็โคจรพลังวิญญาณขึ้น พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งนั้นทำให้หมาป่ากลุ่มนั้นหยุดการเคลื่อนไหวลง
สัญชาตญาณของสัตว์ทำให้พวกมันรู้ว่าที่นี่มีผู้แข็งแกร่งอันน่าสะพรึงกลัวอยู่ ดังนั้นพวกมันเลยเผ่นหนีไป
เหลิ่งหนิงจือค่อย ๆ ลุกยืนขึ้น นางยิ้มขึ้นอย่างมีเสน่ห์ดุจดั่งดอกกุหลาบเบ่งบานก็มิปาน
“น้องสาว ข้าลงมือช่วยชีวิตเจ้าไว้! เจ้าก็ควรจะตอบแทนข้าสักหน่อยใช่ไหมล่ะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าไล่คู่ซ้อมของข้าไปหมดแล้ว ดังนั้นเจ้าจะมาแทนที่พวกมันใช่หรือไม่?”
กล่าวจบ มู่เฉียนซีก็เป็นฝ่ายจู่โจมไปที่เหลิ่งหนิงจือ นางโจมตีไปอย่างรุนแรง
ปัง! เหลิ่งหนิงจือก็ใช้พลังธาตุน้ำแข็งเริ่มโจมตีมู่เฉียนซีเช่นกัน
“ทักษะโยวหลัว!” เมื่อมู่เฉียนซีโจมตีไป ก็สามารถทำลายกำแพงน้ำแข็งของนางได้
ปัง!
ร่างในชุดม่วงและชุดแดงต่อสู้กันไปมา ภายในชั่วพริบตาเดียวก็ต่อสู้กันไปสิบกว่ากระบวนท่า
มู่เฉียนซียั้งมือ และเว้นระยะห่างจากเหลิ่งหนิงจือพอสมควร
เหลิ่งหนิงจือกล่าว “เมื่อครู่เป็นข้าเองที่ยุ่งเรื่องของเจ้า ถึงแม้ว่าขั้นพลังวิญญาณของเจ้าจะต่ำ แต่การต่อสู้สนามจริงของเจ้าก็ไม่ได้อ่อนแอเลย”
มู่เฉียนซีกล่าว “ฟื้นตัวได้เร็วเหมือนกันนี่ ตอนนี้พลังของเจ้าก็ลดลงมาถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งแล้ว”
เหลิ่งหนิงจือตกใจเล็กน้อย “เจ้าเป็นคนช่วยข้าเอาไว้เหรอ”
อาการบาดเจ็บของนาง นางรู้ดีว่าคงต้องตายกลายศพเย็น ๆ แล้ว
แต่ตอนนี้นางยังมีชีวิตอยู่ อีกอย่างพลังวิญญาณของนางก็ยังคงอยู่ที่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต มีคนช่วยนางไว้!
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าว “ไม่ใช่ข้าแล้วจะเป็นใครล่ะ!”
เหลิ่งหนิงจือค่อย ๆ เข้าไปใกล้มู่เฉียนซีอย่างช้า ๆ นางยิ้มอย่างมีเสน่ห์พลางกล่าวว่า “เช่นนั้น ข้าจะต้องขอบใจเจ้าเช่นไรดีล่ะ!”
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นอย่างชั่วร้ายเล็กน้อย “เจ้าอย่าได้ขอบคุณข้าเร็วเกินไปเลยนะ! ตอนที่ข้ารักษาอาการบาดเจ็บให้เจ้า ข้าใช้อุบายกับเจ้าไปเล็ก ๆ น้อย ๆ”
สีหน้าของเหลิ่งหนิงจือแข็งทื่อไปทันที นางตรวจสอบร่างกายของตนเองอยู่ครู่หนึ่ง ผลลัพธ์คือ…
ดูเหมือนว่าจะมีกระแสอากาศบางอย่างอยู่ในร่างกายของนาง มันสงบมาก แต่กลับรู้สึกไม่ปลอดภัย
ดวงตาที่มีเสน่ห์คู่นั้นปรากฏแสงเย็นวาบผ่าน “นี่เจ้าวางยาพิษข้า!”
กล่าวจบ เหลิ่งหนิงจือก็ลงมือกับมู่เฉียนซี แค่มู่เฉียนซีกลับหลบหลีกออกไป
และในเมื่อนางจะลงมือโจมตีมู่เฉียนซีอีกครั้ง กลับพบว่าร่างกายของตนไร้เรี่ยวแรงแล้ว
มู่เฉียนซีขยับไปยืนตรงหน้านาง และกล่าวว่า “ข้าก็ไม่ได้เป็นคนดีอะไรนักหรอกนะ! ครั้งแรกที่เจ้าเห็นหน้าข้า เจ้าก็จะฆ่าข้าแล้ว ข้าไม่เอามีดแทงเจ้าก็นับว่าเป็นบุญของเจ้าแล้วล่ะ เจ้าว่า เหตุใดข้าถึงช่วยเจ้าล่ะ?”
“นี่เจ้าต้องการอะไรกันแน่?” ภายในดวงตาของเหลิ่งหนิงจือเผยความโกรธเกรี้ยวขึ้นมา
มู่เฉียนซีมองใบหน้ารูปไข่ของนางอย่างพิจารณา “วางใจเถอะ ข้าไม่ชอบผู้หญิงด้วยกันหรอก ฉะนั้นเจ้าไม่ต้องกลัวว่าข้าจะเปิดบริสุทธ์เจ้าหรอกนะ”
มุมปากของเหลิ่งหนิงจือกระตุกขึ้นเล็กน้อย “ใครจะกังวลเรื่องนี้กันล่ะ ข้าขอบอกเจ้าเอาไว้ก่อนนะ ข้ายอมตายดีกว่าถูกคนอื่นควบคุม ถูกคนอื่นหลอกใช้!”
.