ถึงแม้ว่าเงื่อนไขพื้นฐานในการคัดเลือกจะต้องเป็นขั้นจักรพรรดิแห่งภูต แต่ผู้บำเพ็ญภูตที่พลังยังไม่ถึงขั้นจักรพรรดิระดับห้าระดับหกก็ไม่กล้าเข้าร่วม เพราะมันจะเป็นการอับอายขายหน้าเสียเปล่า ๆ
มู่เฉียนซีที่มีพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่ เป็นผู้เข้าร่วมที่มีพลังอ่อนแอที่สุดแล้วก็ว่าได้
คนเหล่านี้ล้วนแต่มีพลังระดับห้าระดับหกทั้งสิ้น แต่ก็ไม่จำเป็นต้องเห็นพวกเขาอยู่ในสายตาเลย
มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวไปมาหลบหลีกการโจมตีนี้ของพวกเขา
นางยิ้มพลางกล่าวว่า “ช้าเพียงนี้คิดจะโจมตีคนอย่างข้า! พวกเจ้านอนสงบสติอารมณ์อยู่ท่ามกลางน้ำแข็งหิมะนี่สักหน่อยเถอะ!”
“มังกรวารีพิฆาต!”
บริเวณโดยรอบยิ่งเย็นยะเยือกขึ้น และแต่ละคนก็ถูกโจมตีจนกระเด็นลอยออกไป
กระบวนท่าเดียว เพียงแค่กระบวนท่าเดียวเท่านั้นพวกเขาก็พ่ายแพ้จนหมดท่า
พวกเขาที่นอนอยู่บนน้ำแข็งหิมะเหล่านี้ต่างก็หนาวเหน็บจนสั่นสะท้านขึ้น “ทักษะวิญญาณของมันแข็งแกร่งมาก พวกเราพลาดท่าเสียแล้ว!”
มู่เฉียนซีเดินไปข้างกายพวกเขาก่อนจะก้มหน้ามองพวกเขาและกล่าวว่า “เอาไข่มุกวิญญาณน้ำแข็งที่พวกเจ้าได้มาออกมาให้ข้าทั้งหมด!”
“ไม่ พวกข้าเก็บรวบรวมมาได้แค่เพียงเล็กน้อย หากให้เจ้าไปแล้วพวกข้าจะทำเช่นไร?”
มู่เฉียนซีเอาเข็มหนึ่งถือไว้ในมือและกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “หากพวกเจ้าไม่อยากยุ่งเหยิงเหมือนรังแตนก็ลองปฏิเสธดูสิ”
พวกเขารู้สึกเสียวสันหลังวาบ รีบเปลี่ยนคำพูดทันที “ให้เจ้า ให้เจ้าหมดเลย เจ้าปล่อยพวกข้าไปเถอะนะ!”
เมื่อของถึงมือ มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “พวกเจ้าคนตั้งเยอะแต่เก็บได้น้อยกว่าข้าอีกนะ”
กล่าวจบ มู่เฉียนซีก็เดินจากไป คนเหล่านี้โกรธเกรี้ยวจนแทบจะกระอักเลือด
แย่งชิงของพวกเขาไปจนเกลี้ยงยังไม่พอ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล่าววาจาดูถูกพวกเขาเช่นนี้อีก!
ตลอดทางมู่เฉียนซีเก็บมาได้ไม่น้อยเลย ถึงแม้ว่าจำนวนที่ได้มามันยังไม่พอที่จะได้อันดับหนึ่ง แต่ก็เข้ารอบสามพันคนไม่ยาก
และแน่นอนว่ามีคนต้องการจะปล้นนาง แต่จุดจบของคนเหล่านั้นก็คือปล้นนางไม่สำเร็จ อีกทั้งยังถูกนางปล้นกลับจนหมดเนื้อประดาตัวอีก
นอกจากธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นั้นแล้ว แม้แต่นายน้อยนั้นล้วนแต่ไม่ได้ข่มขู่นาง แล้วคนเหล่านี้จะทำอะไรนางได้เล่า!
มู่เฉียนซีหาไข่มุกวิญญาณน้ำแข็งอย่างรวดเร็วที่สุด นางเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าในขณะที่นางกำลังเสาะหาอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันคุ้นเคยกลิ่นอายหนึ่ง
เงาร่างของนางเคลื่อนไหวไปอย่างรวดเร็ว มู่เฉียนซีหาที่แอบซ่อนตัว จากนั้นนางก็เห็นร่างสี่ร่างเดินมา
มู่เฉียนซีบ่นพึมพำในใจว่า นึกไม่ถึงเลยว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์กับนายน้อยทั้งสามนั่นจะเข้ามาในอาณาจักรน้ำแข็งด้วย
การที่พวกเขาเข้ามาในอาณาจักรน้ำแข็งไม่ใช่เพื่อมาทดสอบแน่นอน แต่เกรงว่าในมิติแห่งนี้จะมีของล้ำค่าพิเศษอยู่
ไข่มุกวิญญาณน้ำแข็งที่นางรวบรวมมาได้เหล่านี้น่าจะเพียงพอที่ทำให้นางผ่านด่านแรกไปได้แล้ว ครั้นแล้วนางจึงตัดสินใจตามไปดูพวกเขา ตกลงในนี้มีของล้ำค่าใดอยู่กันแน่
หากเป็นของล้ำค่าของพลังธาตุน้ำแข็ง การทดสอบในอาณาจักรน้ำแข็งครั้งนี้ อาจจะได้ของดีมาก็ไม่แน่
ถึงแม้ว่าขั้นพลังวิญญาณของมู่เฉียนซีจะต่ำ แต่ก้าวเท้าพันเงาของนางกลับฝึกฝนถึงขั้นสูงสุดแล้ว การแอบตามพวกเขาไปให้ทันนั้นไม่ใช่เรื่องยากสำหรับนาง
และในขณะที่เข้าใกล้สถานที่หนึ่ง จู่ ๆ อู๋ตี้ก็เอ่ยปากกล่าวเตือนมู่เฉียนซีว่า “นายท่าน ที่นี่มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์อยู่ตัวหนึ่ง พลังของมันแข็งแกร่งกว่าข้าเล็กน้อย นายท่านระวังตัวด้วย”
“มีสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าคอยปกป้องอยู่ ดูท่าจะมีของล้ำค่าอย่างที่ข้าคิดไว้จริง ๆ ด้วย พวกเรารอดูของดีก็พอ” มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย และตามไปอย่างระมัดระวัง
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น ทันทีที่รู้ว่ามีมนุษย์ย่างกรายเข้ามาเหยียบในอาณาเขตของมัน สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นก็ลงมืออย่างไม่ลังเล
ในบริเวณไกล ๆ มู่เฉียนซีได้เห็นลักษณะรูปร่างของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวนั้นแล้ว มันเป็นลิงสีขาวหิมะตัวหนึ่งมีความสูงประมาณสามเมตร
“เจ้ามนุษย์ ออกไปจากอาณาเขตของข้าซะ มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้าไม่เตือน” ลิงหิมะกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยว
นายน้อยเจ็ดกล่าว “ที่พวกข้ามาวันนี้ก็เพื่อที่จะมาเอาไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปี หากเจ้ายอมเอามันออกมาแต่โดยดี พวกข้าจะไม่ทำร้ายเจ้า”
ปัง! สุดท้ายลิงหิมะตัวนั้นก็ตบนายน้อยเจ็ดจนร่างของเขาล้มไปกับพื้นทันที
พรวด! เขากระอักเลือดคำโตออกมาคำหนึ่ง ในขณะเดียวกันนั้นฟันของเขาก็หลุดออกมาจากปากหลายซี่เช่นกัน
“สวะไร้ประโยชน์อย่างเจ้ามีสิทธิ์อันใดมาพูดกับข้า!”
สีหน้าของนายน้อยเจ็ดดำคล้ำยิ่งขึ้น ตรงกันข้ามกับพื้นน้ำแข็งหิมะนั้นอย่างสิ้นเชิง
ถึงแม้ว่านายน้อยเจ็ดจะไม่ได้ลงไปในสระหานซินนั้น แต่หลังจากที่เขากลับไปยังตำหนักเป่ยหานเขาก็ใช้ยาลูกกลอนเพิ่มพลังจนตอนนี้พลังของเขาทะลวงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งได้สำเร็จแล้ว
แต่ก็แค่ระดับหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถหลบหลีกการโจมตีของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าได้
มู่เฉียนซีก็แอบตกตะลึงเช่นกัน เจ้าลิงหิมะตัวนี้ลงมือได้อย่างโหดเหี้ยมมาก ฝ่ามือนี้รุนแรงกว่าของนางหลายเท่า
ในตอนนี้เอง อวี้ปิงชิงก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นแล้ว “ตำหนักเป่ยหานของข้าให้เจ้าอยู่ที่อาณาจักรน้ำแข็งแห่งนี้ก็นับว่าเป็นบุญคุณอันใหญ่หลวงแล้ว ขอเพียงแค่เจ้าเอาไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีออกมาให้ข้า ข้าก็จะไม่รบกวนเจ้าอีก”
ลิงหิมะยิ้มพลางกล่าวว่า “ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีเป็นของดีชั้นเลิศ หากคนสวยต้องการแล้วละก็ นอนกับข้าสักสองสามคืน คอยปรนนิบัติข้าให้ดี บางทีข้าอาจจะมอบมันให้เจ้าก็ได้นะ”
สายตาของลิงหิมะมองสาวงามตรงหน้าอย่างละโมบจนตอนนี้นายน้อยหกทนไม่ได้แล้ว “สัตว์ป่าเถื่อนบัดซบ นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าดูถูกน้องชิงเอ๋อร์ผู้บริสุทธิ์ของข้าเช่นนี้ เจ้ามันรนหาที่ตาย!”
พลังของนายน้อยหกนั้นแข็งแกร่งกว่านายน้อยเจ็ดมาก พลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสาม แต่การโจมตีของเขาก็ทำให้ลิงหิมะบาดเจ็บได้เพียงเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้น
ในตอนนี้เอง นายน้อยห้าก็กล่าวขึ้นว่า “น้องชิงเอ๋อร์ เรามาลงมือด้วยกันเถอะ!”
อวี้ปิงชิงก็ชักกระบี่สีเงินออกมาแล้วเช่นกัน ลิงหิมะที่ไม่รู้จักความเป็นความตายเช่นนี้ทำให้นางโกรธเกรี้ยวแล้วเช่นกัน
ดวงตาอันเย็นชาคู่นั้นในตอนนี้แฝงไปด้วยจิตสังหารอันเต็มเปี่ยม ไม่นานนักทั้งสองก็ลงมือแล้ว
ตูม!
พลังของนายน้อยห้าถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่แล้ว ส่วนพลังของอวี้ปิงชิงถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก นางเป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งตำหนักเป่ยหาน
มู่เฉียนซีเห็นเช่นนี้แล้วก็ส่ายหัวไปมา “กำลังการต่อสู้นี้ยังไม่ได้ แต่อัจฉริยะผู้เย่อหยิ่งเหล่านี้ของตำหนักเป่ยหานก็น่าจะมีไพ่ในมือที่ยังไม่ได้เอาออกมาใช่กระมัง!”
“เด็กอย่างพวกเจ้า หากต้องการไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีก็ให้ผู้แข็งแกร่งของพวกเจ้ามาเอา ความสามารถอันอ่อนด้อยเช่นนี้ พวกเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”
ปัง ปัง ปัง!
นายน้อยเจ็ดและนายน้อยหกที่ลงมือไปก่อนหน้านี้ได้รับบาดเจ็บแล้ว ไม่นานนักการต่อสู้ก็ดุเดือดขึ้น และพวกเขาก็เอาไพ่เด็ดออกมาใช้แล้วไม่น้อย
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น ลิงหิมะเองก็แผ่ซ่านพลังอำนาจออกมาแล้ว
มู่เฉียนซีเห็นทั้งสี่รุมต่อสู้กับลิงหิมะตัวเดียว ไม่นานนักร่างของนายน้อยเจ็ด นายน้อยหก และนายน้อยห้าก็กระเด็นลอยออกไป และเป็นลมหมดสติไปแล้ว พวกเขาได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
ส่วนอวี้ปิชิงตอนนี้ยังคงไม่เป็นอะไร ลิงหิมะกล่าว “แม่นางคนสวย เจ้าคิดดีแล้วหรือยัง ว่าจะปรนนิบัติข้า หรือว่าจะแบกหน้ากลับไปหาผู้ยิ่งใหญ่ของเจ้าให้มาช่วย!”
ดวงตาคู่นั้นของอวี้ปิงชิงเย็นยะเยือกลง “ต่อให้ข้าต้องตาย ข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ได้!”
ร่างในชุดขาวที่อยู่กลางอากาศนั้นรวดเร็วมาก คล้ายกับว่ากลายเป็นร่างภาพมายานับไม่ถ้วน เงากระบี่เล่มนั้นเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังของน้ำแข็งหิมะ โจมตีออกไปอย่างบ้าคลั่ง
พลังแห่งกระบี่เล่มนี้เพียงพอที่จะโจมตีลิงหิมะให้กระเด็นลอยไปได้ เลือดสีแดงสดไหลออกมาย้อมหิมะสีขาวโพลนบนพื้นนั้นกลายเป็นสีแดงฉาน
มู่เฉียนซีพึมพำเสียงเบาว่า “อัจฉริยะอันดับหนึ่งของตำหนักเป่ยหาน ดูถูกไม่ได้จริง ๆ ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุน้ำแข็ง ทักษะกระบี่ก็ฝึกฝนถึงระดับสุดยอด ลิงหิมะตัวนี้เกรงว่าจะ…”
ไม่สิ…
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง ในขณะที่อวี้ปิงชิงไล่ตามโจมตีจะเอาชีวิตของลิงหิมะนั้น จู่ ๆ มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ว่ากลิ่นอายของลิงหิมะตัวนั้นเปลี่ยนไปแล้ว นั่นมันเป็นการเปลี่ยนแปลงที่ยิ่งใหญ่ อู๋ตี้กล่าว “นายท่าน เจ้าลิงนั่นมันกำลังจะเลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกแล้ว ดูเหมือนว่าคนงามปิงนั่นจะลำบากแล้ว หากอยากจะเป็นสุภาพบุรุษช่วยเหลือสตรีงามก็ฉวยโอกาสตอนนี้ได้เลย”
.