ทุกย่างก้าวที่นายน้อยหกย่างเท้าเข้าไปจะมีพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี
ร่างของมู่เฉียนซีดุจดั่งสายลม ในขณะที่พลังวิญญาณนี้พุ่งเข้ามา มันกลับพัดผ่านไหล่ของมู่เฉียนซีไปอย่างง่ายดาย
ต่อให้อาณาจักรต้องล่มสลาย แต่ทักษะร่างของนางก็ยังคงอยู่
และนี่ก็เป็นการต่อสู้ปะทะกันที่น่าตื่นเต้นอีกครั้ง ทุกคนต่างชมการประลองในครั้งนี้จนตาลายไป
“มู่หรงเฉียนเยี่ยผู้นี้ช่างเหมือนปีศาจเกินไปแล้ว! ต่อสู้กับนายน้อยหกนานถึงเพียงนี้แล้วก็ยังไม่แพ้อีก!”
“พรสวรรค์ของเขา หากเหนือกว่านายน้อยเจ็ดกับนายน้อยหก เหตุใดเมื่อก่อนถึงไม่มีชื่อเสียงร่ำลือบ้างเลย”
“……”
อัจฉริยะทั้งสองเป็นศิษย์ที่ตำหนักเป่ยหานอบรมเลี้ยงดูมาอย่างดี นึกไม่ถึงเลยว่าจะสู้เจ้าเด็กใหม่ที่เพิ่งเข้ามาในตำหนักเป่ยหานได้ไม่นานผู้นี้ไม่ได้!
เหล่าบรรดาผู้อาวุโสที่แอบดูการประลองอยู่เหล่านั้นต่างก็รู้สึกปวดหัวเป็นอย่างมาก!
จะให้เจ้าเด็กผู้นี้กำเริบเสิบสานต่อไปไม่ได้เด็ดขาด
ทักษะร่างของมู่เฉียนซียิ่งเร็วมากขึ้น ทะลวงการโจมตีของนายน้อยหกได้ ชั่วพริบตาเดียวก็เข้าไปใกล้ตัวเขาได้แล้ว
ทันทีที่นางง้างมือขึ้น การโจมตีด้วยทักษะวิญญาณก็พุ่งออกไปทันที
“ทักษะเทียนซวน!”
การโจมตีด้วยทักษะเทียนซวนในระยะประชิดเช่นนี้ แม้ว่านายน้อยหกจะมีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามก็ต้องทุกข์ทรมานเป็นแน่
ในขณะที่พลังของทักษะเทียนซวนระเบิดออกมานั้น ไม่ว่านายน้อยหกจะโคจรพลังวิญญาณต้านทานมากเพียงใดก็ยังคงกระเด็นลอยออกไปอยู่ดี
พรวด! เลือดสีแดงสดถูกกระอักออกมา
นายน้อยหกจะสู้อีกสักตั้ง แต่มู่เฉียนซีไม่ให้โอกาสเขา มังกรวารีพุ่งทะยานออกมา
“มังกรวารีพิฆาต!”
“ปัง!” การโจมตีนี้ทำให้นายน้อยหกลุกขึ้นมาไม่ไหวอีกต่อไป
บาดแผลสาหัสมาก อย่างน้อยก็ต้องนอนติดเตียงเป็นเวลาหกเจ็ดวันถึงจะลุกไหว
ทุกคนเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ พวกเขาอยู่ตำหนักเป่ยหานมานาน นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นเด็กใหม่ที่ดุร้ายเช่นนี้
ไม่เพียงแค่ทำให้นายน้อยเจ็ดได้รับบาดเจ็บเท่านั้น แต่ยังทำให้นายน้อยหกได้รับบาดเจ็บสาหัสอีกด้วย นี่เป็นการเปิดตัวเป็นศัตรูกับนายน้อยทั้งเจ็ดแห่งตำหนักเป่ยหานอย่างโจ่งแจ้ง!
ในตอนนี้เองนายน้อยห้าก็ลุกพรวดขึ้นแล้ว จักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าคนเดียว ไม่เคยอยู่ในสายตาเขามาตั้งแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่ในตอนนี้…
“เจ้าลองไปประลองกับเจ้าหนุ่มนั่นสักตั้งสิ” จู่ ๆ ชายชราผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขา
“ท่านอาจารย์!” นายน้อยห้ากล่าวด้วยความเคารพ
ท่านผู้นี้คืออาจารย์ของเขา ผู้อาวุโสห้า!
แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของเขา เจ้าหนุ่มผู้นี้จะเก็บเอาไว้ไม่ได้
หลายปีที่ผ่านมานี้ ท่านหัวหน้าตำหนักไม่เคยรับศิษย์มาก่อน และดูเหมือนว่าไม่เคยมีความคิดนี้มาก่อน
ในตอนนี้เหล่าบรรดาผู้อาวุโสแห่งตำหนักเป่ยหานทนดูต่อไปไม่ได้แล้ว คิดวางแผนจะโน้มน้าวให้หัวหน้าตำหนักรับศิษย์
หากได้เป็นศิษย์ของท่านหัวหน้าตำหนัก ก็จะได้เป็นประมุขน้อยแห่งตำหนักเป่ยหาน
นอกจากนี้แล้วก็ยังแสดงให้เห็นว่าจะได้เป็นหัวหน้าตำหนักเป่ยหานคนต่อไปอีกด้วย
เดิมทีเป็นการแย่งชิงของพวกเขาทั้งเจ็ด แต่หรงเฉียนเยี่ยผู้นี้กลับเอาชนะเจ้าเจ็ดกับเจ้าหกได้เช่นนี้ เป็นภัยคุกคามต่อพวกเขามาก ฉะนั้น คนผู้นี้ต้องตาย!
นายน้อยหกพ่ายแพ้แล้ว และมู่เฉียนซีก็เอาของเดิมพันของเขามา
ทว่า สิ่งของที่อยู่ในแหวนมิติของพวกเขาทำให้มู่เฉียนซีส่ายหน้าพลางกล่าวว่า “พวกเจ้าทั้งสองเป็นถึงสองในเจ็ดของนายน้อยเชียวนะ! ข้าไม่นึกเลยว่าของในแหวนมิติของพวกเจ้าจะน้อยเช่นนี้ พวกเจ้านี่ช่างยากจนเกินไปแล้วนะ”
พรวด! ได้ยินคำพูดนี้เข้า นายน้อยหกก็โกรธเกรี้ยวจนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง
เขาสิ้นเนื้อประดาตัวแล้ว เจ้าบ้านี่ยังมาพูดจาดูถูกดูแคลนเขาอีก
ทุกคนก็จนปัญญาจริง ๆ เจ้าหนุ่มผู้นี้ดูถูกดูแคลนคนอื่นแถมยังทำท่าทางอวดฉลาดอีก
และในตอนนี้เอง ร่างในชุดขาวร่างหนึ่งก็กระโจนขึ้นกลางอากาศและจรดตัวลงมาปรากฏตรงหน้ามู่เฉียนซี
เขาเอ่ยปากกล่าวว่า “ศิษย์น้องมู่หรง ไม่ทราบว่าเจ้าสนใจจะประลองกับข้าสักตั้งหรือไม่”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย สีหน้าของคนผู้นี้นิ่งมาก แต่แววตาคู่นั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารที่มีต่อนาง และจิตสังหารนั้นยังรุนแรงกว่าสองคนก่อนหน้านี้อีกด้วย
“ของเดิมพันเหมือนเดิมหรือไม่?” มู่เฉียนซีกล่าวถาม
“นี่เขา…เขายังจะประลองต่ออีกเหรอ!”
“คู่ต่อสู้เป็นถึงนายน้อยห้าเชียวนะ! อีกอย่าง พลังของนายน้อยห้าเป็นถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่ ไม่เหมือนกับนายน้อยเจ็ดกับนายน้อยหกที่มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับต่ำ”
“อวดดีมากเกินไปแล้วกระมัง!”
นายน้อยห้ากล่าว “ของเดิมพันเหมือนกัน!”
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ดี งั้นข้ารับคำท้า ประลองก็ประลอง!”
“งั้นก็เชิญ!” แสงเย็นวาบผ่านดวงตาของนายน้อยห้า
ในเมื่อรนหาที่ตาย เช่นนั้นวันนี้ในปีหน้าก็จะเป็นวันครบรอบวันตายของเจ้า
รับมือกับมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่ มู่เฉียนซียังคงใช้กลยุทธ์การต่อสู้เหมือนเดิม พลังของคู่ต่อสู้ผู้นี้จะแข็งแกร่งกว่าคู่ต่อสู้สองคนก่อนหน้านี้สักแค่ไหนกันเชียว
นายน้อยห้าเองก็เข้าใจการต่อสู้พื้นฐานของมู่เฉียนซีแล้ว ดังนั้นเขาจึงต่อสู้ด้วยอย่างดุเดือด!
ตูม!
พลังการโจมตีของทั้งสองปะทะกันอย่างต่อเนื่อง แต่ระดับพลังวิญญาณนั้นห่างชั้นกันมากเกินไป เห็นได้ชัดว่ามู่เฉียนซีเป็นฝ่ายเสียเปรียบ
ในตอนนี้ทุกคนก็เริ่มกล่าวถกเถียงกันขึ้นแล้ว “ครั้งนี้มู่หรงเฉียนเยี่ยเสียพลังไปไม่น้อย ดูท่าต้องแพ้แน่นอน!”
“ก่อนหน้านี้เอาชนะนายน้อยทั้งสองมาได้ก็นับว่าเก่งกาจเป็นที่ร่ำลือมากแล้ว จะเอาชนะนายน้อยห้าไม่ได้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ”
“พวกเจ้าว่าชื่อเสียงในการต่อสู้ของมู่หรงเฉียนเยี่ยในครั้งนี้จะทำให้เขากลายเป็นนายน้อยแปดแห่งตำหนักเป่ยหานได้หรือไม่!”
“ไม่มีทางหรอก! สาเหตุที่นายน้อยทั้งเจ็ดได้เป็นนายน้อยแห่งตำหนักเป่ยหาน ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะพวกเขาได้เปรียบในด้านพรสวรรค์ อีกส่วนหนึ่งก็เพราะว่าพวกเขามีคนหนุนหลัง! เจ้าเด็กมู่หรงเฉียนเยี่ยจะเทียบอะไรได้”
แม้ว่านางจะใจจดใจจ่ออยู่กับการต่อสู้ แต่เสียงถกเถียงกันของคนเหล่านั้นไม่เบาเลย และนางก็ได้ยินหมดแล้ว
คนหนุนหลัง! นางนึกถึงป้ายคำสั่งที่อยู่ในมิตินั้นของนางได้ หรือว่านางต้องหาคนหนุนหลังสักคน ถึงจะได้มีจุดยืนที่มั่นคงในตำหนักเป่ยหานได้!
ค่อยว่ากันก็แล้วกัน ตอนนี้เอาชนะนายน้อยห้าให้ได้ก่อน!
“ทักษะเทียนซวน!”
ถึงแม้จะถูกนายน้อยห้าบีบเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้ว แต่มู่เฉียนซีก็ไม่มีท่าทีตื่นตระหนกเลยแม้แต่น้อย
ใช้พลังที่มีอย่างจำกัด อดทนต่อสู้ และบีบศักยภาพของตัวเองออกมา
และในขณะที่นายน้อยห้าคิดว่าเขากำลังบีบมู่เฉียนซีให้จนมุมได้แล้วนั้น เมื่อเขาหันไปมอง จู่ ๆ พลังของมู่เฉียนซีกลับเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ
พลังวิญญาณโคจรรอบ ๆ ตัวนาง มู่เฉียนซีรู้สึกได้ถึงกำแพงจุดสูงสุดของพลังระดับห้านั้นทะลวงขึ้นแล้ว
จักรพรรดิแห่งภูตระดับหก ยังขาดอีกหนึ่งระดับก็จะฟื้นฟูกลับมาดังเดิมแล้ว และนี่เป็นการฟื้นฟูที่เร็วกว่าที่นางจินตนาการเอาไว้มาก
“ทะลวงพลังวิญญาณแล้ว มู่หรงเฉียนเยี่ยทะลวงพลังวิญญาณแล้ว”
“ต่อสู้สามรอบติดต่อกันก็ทะลวงพลังวิญญาณแล้วเหรอ!”
“ช่างน่าอิจฉาจริง ๆ!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ขอบใจนายน้อยห้ามากที่ช่วยให้ข้าทะลวงพลังวิญญาณได้”
นายน้อยห้าตอบกลับอย่างเฉยเมยว่า “ต่อให้พลังเจ้าเพิ่มขึ้นหนึ่งระดับ ก็อย่าคิดว่าจะเอาชนะข้าได้”
“จะได้หรือไม่ นายน้อยห้าก็รอดูเองก็แล้วกัน”
ร่างในชุดขาวเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด ความเร็วนั้นทวีเพิ่มขึ้น พลังก็แข็งแกร่งขึ้นแล้วเช่นกัน
ทุกคนต่างรู้สึกสงสัยเหตุใดผู้อื่นทะลวงพลังวิญญาณเพียงแค่ระดับเดียวถึงได้แข็งแกร่งมากขึ้นเพียงนี้ และดูเหมือนพวกเขาไม่เคยเห็นใครวิปริตเช่นนี้มาก่อนเลย
ตูม! บนลานประลอง ร่างทั้งสองปะทะกันอีกครั้ง
“มังกรวารีพิฆาต!”
“ทักษะเทียนซวน!”
“……”
เมื่อทะลวงพลังวิญญาณได้หนึ่งระดับแล้ว มู่เฉียนซีก็อารมณ์ดีขึ้น ดังนั้นนางจึงโจมตีด้วยทักษะวิญญาณอย่างไร้ความหวาดกลัว
“กระบวนท่าเดียวกันกับที่เอาชนะเจ้าหกกับเจ้าเจ็ดได้ แต่คิดจะเอาชนะคนอย่างข้า เกรงว่า…”
มู่เฉียนซีปรากฏตัวขึ้นเหนือศีรษะนายน้อยห้าด้วยท่าทางคล่องแคล่วว่องไว มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “เช่นนั้น เจ้าก็ลองกระบวนท่านี้ดูเป็นเช่นไร!”
“ทักษะโยวหลัว!”
แม้ว่านางจะเคยใช้กระบวนท่านี้ไปแล้วเมื่อตอนที่แย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ แต่คนของตำหนักเป่ยหานเหล่านั้นก็ล้มตายไปมากพอสมควรแล้ว
และต่อให้คนเหล่านั้นยังมีชีวิตอยู่ก็คงจะไม่สังเกตเห็นทักษะวิญญาณของสาวน้อยพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตอย่างนางในสนามรบอันโกลาหลนั่นหรอก
ตราบใดที่ไม่ใช้กระบี่มังกรเพลิง โดยพื้นฐานแล้วตัวตนของนางจะไม่ถูกเปิดเผยแน่นอน “บัดซบ! เมื่อครู่เป็นเพียงกระบวนท่าหลอกตาก็เท่านั้น กระบวนท่านี้ต่างหาก ของจริง…”
.