มู่เฉียนซีเงยหน้ามองอวี้ปิงชิง ก่อนจะกล่าวว่า “ได้ยินคำพูดนี้ของคุณหนูอวี้แล้ว ดูเหมือนว่าจะรอคอยการได้ต่อสู้กับข้ามาก”
“อัจฉริยะที่ท่านหัวหน้าตำหนักส่งมา ชิงเอ๋อร์ย่อมอยากขอคำแนะนำอยู่แล้ว”
อวี้ปิงชิงพยายามทำให้น้ำเสียงของตนเองเรียบนิ่งมากที่สุด
อย่างไรเสีย เขาก็ชมการประลองอยู่ด้วย ไม่อาจเสียบุคลิกท่าทางต่อหน้าเขาได้
“ข้าจะทำให้เจ้ารู้ถึงความเก่งกาจของข้า!” มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่งเป็นอย่างยิ่ง
“เจ้าเด็กผู้นี้ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงจริง ๆ ด้วย กล้ากล่าววาจาเช่นนี้กับท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้ยังไง”
“ต้องรู้เอาไว้นะว่าท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์เป็นถึงอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตำหนักเป่ยหาน เป็นอัจฉริยะที่ทะลวงพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกได้คนแรก ๆ เลยนะ”
“เกรงว่าพลังของนางจะแข็งแกร่งกว่านายน้อยใหญ่ด้วยซ้ำ!”
ถึงแม้ว่าสถานะของอวี้ปิงชิงนั้นจะถูกปลดไปแล้ว แต่ทุกคนก็ยังคุ้นชินกับการที่จะเรียกนางเช่นนี้
ความเย่อหยิ่งของมู่เฉียนซีฉีกหน้ากากจอมปลอมนั้นของอวี้ปิงชิงได้อย่างง่ายดาย
ในแววตาคู่นั้นของอวี้ปิงชิงมีความเย็นชาที่ไม่สามารถปกปิดได้ และจิตสังหารก็พรั่งพรูออกมา
“เช่นนั้นก็ทำให้ข้าเห็นเถอะ ว่าเจ้ามันเก่งกาจมากเพียงใด!”
วินาทีหลังจากที่ผู้ตัดสินประกาศเริ่มการประลอง ร่างในชุดขาวของอวี้ปิงชิงก็กระโจนออกไปราวกับลมพายุ
ในขณะที่นางกระโจนออกไปนั้น น้ำแข็งอันเย็นยะเยือกก็ได้ควบแน่นอยู่บนพื้นลานประลอง ทำให้ทั่วทั้งลานประลองในตอนนี้เต็มไปด้วยคลื่นความหนาวเย็น
“สมกับที่เป็นอัจฉริยะอันดับหนึ่งของตำหนักเป่ยหานจริง ๆ นี่เพียงแค่เริ่มลงมือก็แข็งแกร่งถึงเพียงนี้แล้ว!” ทุกคนอุทานขึ้นด้วยความตกใจ
เซียนน้อยที่ดูเหมือนน้ำแข็งหิมะผู้นั้น ในตอนนี้ได้แผ่ซ่านพลังอันน่าสะพรึงกลัวออกมาแล้ว ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปด!
“ระดับแปด! เพิ่งจะผ่านไปไม่นาน ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ทะลวงพลังระดับแปดได้แล้ว”
มู่เฉียนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย นึกไม่ถึงเลยว่าอวี้ปิงชิงที่ไม่ได้ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีนั่นไป แต่ก็สามารถทะลวงพลังได้มากมายเช่นนี้
อวี้ปิงชิงกล่าว “มู่หรงเฉียนเยี่ย เจ้าประหลาดใจใช่ไหมล่ะ ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีก็แค่ช่วยส่งเสริมให้ข้าได้เลื่อนขั้นได้เท่านั้น ถึงแม้จะไม่มีมัน ข้าก็สามารถเพิ่มพลังได้!”
“วันนี้ เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้หรอก!” อวี้ปิงชิงกล่าว
พลังอันแข็งแกร่งของขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดนั้นน่าสะพรึงกลัวมาก
เหล่าบรรดาศิษย์ในตำหนักที่นั่งชมการประลองอยู่ข้าง ๆ ลานประลองยุทธ์ล้วนแต่รู้สึกหวาดกลัวจนตัวสั่น
ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุน้ำแข็งแข็งแกร่งยิ่งนัก!
อวี้ปิงชิงลงมือแล้ว คมศรน้ำแข็งนับไม่ถ้วนพุ่งตรงไปที่มู่เฉียนซี
ความเร็วนั้นเร็วมากจนทุกคนมองเห็นไม่ชัดเจน
แต่ย่างเท้าพันเทวาของชายหนุ่มผู้นั้นรวดเร็วกว่า ในขณะที่เคลื่อนไหวหลบหลีกอยู่นั้น กำแพงน้ำแข็งก็ปรากฏขึ้นหลายกำแพง
ฉ่า!
คมศรน้ำแข็งของอวี้ปิงชิงทำลายโล่เกราะป้องกันของมู่เฉียนซีได้อย่างง่ายดายราวกับกรรไกรตัดผ้าก็มิปาน
คมศรน้ำแข็งตัดผ่านอากาศไล่ล่ามู่เฉียนซีอย่างไม่ยอมเลิกรา
มู่เฉียนซีกะพริบตัวเคลื่อนไหวออกไป พลังวิญญาณของคู่ต่อสู้เหนือกว่ามาก ต้องหาโอกาสที่เหมาะสมในการตอบโต้
ปัง ปัง ปัง!
ภายในชั่วพริบตาเดียว ทั่วทั้งลานประลองยุทธ์ก็เต็มไปด้วยคมศรน้ำแข็ง
กู้ไป๋อีกับหลิงที่ชมการประลองอยู่ข้าง ๆ ในตอนนี้ดวงตาของพวกเขาก็เคร่งขรึมลงแล้ว
พวกเขารู้ถึงพลังของมู่เฉียนซีดี หากอวี้ปิงชิงมีพลังเพียงแค่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก เช่นนั้นก็ไม่มีทางเป็นภัยคุกคามมู่เฉียนซีได้
ทว่า ตอนนี้พลังของอวี้ปิงชิงถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับแปดแล้ว!
นั่นหมายความว่า…อันตรายแล้ว!
“มังกรวารีพิฆาต!” ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ตอบโต้แล้ว
มังกรสีฟ้าอันเย็นยะเยือกพุ่งไปทางอวี้ปิงชิง อวี้ปิงชิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “การโจมตีเพียงเล็กน้อยเท่านี้น่ะเหรอ คิดจะทำร้ายข้า”
พลังธาตุน้ำแข็งพุ่งออกไปกักขังมังกรอันเย็นยะเยือกตัวนั้นจนกลายเป็นก้อนน้ำแข็ง!
ทันทีที่กระบี่ของนางขยับ เสียง ฉ่า! ก็ดังขึ้น จู่ ๆ มังกรที่หยุดชะงักอยู่กลางอากาศก็พลันแตกสลายกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
จากนั้นมันได้แปรเปลี่ยนกลายเป็นน้ำแข็งอันแหลมคม และเข้าห้อมล้อมมู่เฉียนซีด้วยกลิ่นอายสังหาร
การโจมตีโจมตีมาจากทุกทิศทาง สองเท้าของมู่เฉียนซีกระโดดขึ้นไปกลางอากาศ
ร่างของนางหมุนวน มือข้างหนึ่งง้างกระบี่ขึ้นต้านทานการโจมตีเหล่านี้ไว้
“มู่หรงเฉียนเยี่ย ข้าว่าเจ้าเอาทักษะกระบี่ที่ท่านหัวหน้าตำหนักสอนเจ้าออกมาใช้ดีกว่านะ! รับมือกับข้าผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุน้ำแข็ง เจ้าใช้พลังธาตุวารีโจมตีเช่นนี้ ช่างอ่อนแอยิ่งนัก!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าอยากให้ข้าใช้ทักษะกระบี่ของท่านหัวหน้าตำหนักสู้กับเจ้าอย่างนั้นเหรอ!”
ดวงตาของนางเป็นประกายขึ้น “แต่ว่า ทำไมข้าต้องเชื่อฟังเจ้าด้วยล่ะ!”
เมื่อแขนข้างหนึ่งขยับ และอีกข้างก็ขยับ จากนั้นก็กระตุ้นพลังวิญญาณในร่างกายขึ้น ก่อนที่ทักษะวิญญาณหนึ่งจะโจมตีลงไปจากกลางอากาศ
เสียง ตูม! ดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้น น้ำแข็งอันแหลมคมที่ห้อมล้อมมู่เฉียนซีเหล่านั้นก็กลายเป็นเม็ดเล็ก ๆ
ต่อก ต่อก! มันสลายลงกลางอากาศอย่างรวดเร็วกลายเป็นหยดน้ำฝนตกลงมาบนลานประลอง
สีหน้าของอวี้ปิงชิงเคร่งขรึมลง มู่หรงเฉียนเยี่ยผู้นี้ ความตายกำลังมาเยือนอยู่ตรงหน้าแล้วยังจะมาปากแข็งอีก
“หงส์น้ำแข็งพิฆาต!” พลังธาตุน้ำแข็งก่อตัวขึ้นกลางอากาศ และก่อตัวขึ้นอีกครั้งกลายเป็นหงส์ตัวหนึ่ง
หงส์น้ำแข็งตัวนั้นเต็มไปด้วยจิตสังหารอันโหดร้าย มันพุ่งไปที่มู่เฉียนซี และพลังที่พัดกระโชกมานั้นทำให้ทุกคนต่างต้องเบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ
“ช่างเป็นทักษะวิญญาณที่แข็งแกร่งมาก การเปลี่ยนแปลงของพลังธาตุแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ สมกับที่เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ!”
กระบี่ของมู่เฉียนซีถูกชักออกมาจากฝัก นางตะโกนขึ้นอย่างเย็นชาว่า “เงาจันทราคู่!”
ปัง ปัง ปัง!
เงาจันทราทั้งสองนั้นพุ่งตัดผ่านอากาศไป เป้าหมายก็คือปีกทั้งสองข้างของหงส์น้ำแข็งตัวนั้น
ทันใดนั้นอวี้ปิงชิงก็พุ่งเข้ามาใกล้ ปลายกระบี่ของนางโจมตีไปที่คอของมู่เฉียนซี
มู่เฉียนซีเอนตัวหลบ และตอบโต้นางด้วยทักษะวิญญาณ “ทักษะโยวหลัว!”
แกว๊ก! หงส์น้ำแข็งกลางอากาศตัวนั้น ตอนนี้ปีกทั้งสองข้างของมันถูกตัดขาดร่วงลงมาสู่พื้นลานประลองจนเกิดหลุมขนาดใหญ่ขึ้นสองหลุม!
อวี้ปิงชิงกล่าวเย้ยหยันว่า “เจ้าคิดว่าหงส์น้ำแข็งของข้าจะรับมือได้ง่ายเพียงนั้นจริง ๆ เหรอ?”
ไม่นานนัก หงส์น้ำแข็งตัวนั้นก็มีปีกงอกขึ้นมาใหม่ และโจมตีมู่เฉียนซีไปพร้อมกับนายท่านของมัน
“มู่หรงเฉียนเยี่ย ต่อให้ความเร็วของเจ้าจะรวดเร็วเพียงใด ข้าก็จะทำให้เจ้าไม่มีทางหลบหลีกไปได้”
หงส์น้ำแข็งกับอวี้ปิงชิงร่วมมือกัน ถึงแม้ว่าความเร็วของมู่เฉียนซีจะเร็วมาก แต่ก็ยังคงถูกอวี้ปิงชิงตามทันอยู่ดี
“ทักษะโยวหลัว!”
ในขณะที่อวี้ปิงชิงต่อสู้อยู่นี้ พลังวิญญาณของนางยังคงพุ่งขึ้นอย่างรวดเร็ว!
“เจ้าไม่มีทางหนีพ้นน้ำมือของข้าหรอก!”
อวี้ปิงชิงโบกมือขึ้น บริเวณโดยรอบได้ก่อตัวขึ้นเป็นกำแพงน้ำแข็งขวางทางมู่เฉียนซีไว้ทั่วทุกทิศ
ชั้นน้ำแข็งแต่ละชั้นนั้นลดพื้นที่การหลบหลีกของมู่เฉียนซี และบดบังการมองเห็นของทุกคนด้วย
แววตาของกู้ไป๋อีเคร่งขรึมลง มองไม่เห็นมู่เฉียนซีเช่นนี้ทำให้เขาไม่สบายใจเป็นอย่างยิ่ง
กระบี่เฉียนหานดูเหมือนว่าจะรับรู้ได้ถึงเจตนาของเจ้านายแล้ว มันจึงสั่นขึ้นเล็กน้อย
ขอเพียงแค่กู้ไป๋อีต้องการ มันก็พร้อมที่จะพุ่งไปทำลายกำแพงน้ำแข็งนั้นให้พังทลายลงทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่ท่านผู้อาวุโสสูงสุดเห็นกู้ไป๋อีตื่นเต้นเช่นนี้ เขายิ้มพลางกล่าวว่า “ท่านหัวหน้าตำหนักไม่ต้องเป็นกังวล ชิงเอ๋อร์เป็นศิษย์ที่ข้าฝึกฝนมากับมือ ถึงแม้ว่านางจะเป็นคนเย็นชา แต่นางก็รู้จักขอบเขต ไม่มีทางทำร้ายมู่หรงเฉียนเยี่ยแน่นอน”
แววตาของกู้ไป๋อีทวีความเย็นยะเยือกยิ่งขึ้น คำพูดของผู้อาวุโสสูงสุดเขาไม่มีทางเชื่อแม้แต่คำเดียว
พื้นที่ของมู่เฉียนซีตอนนี้ยิ่งคับแคบลงมากขึ้นเรื่อย ๆ อวี้ปิงชิงแยกเกราะป้องกันของนางได้อย่างง่ายดาย
ปัง! พลังพลังหนึ่งพุ่งไปที่มู่เฉียนซี และร่างของนางก็กระแทกเข้ากับกำแพงน้ำแข็งนั้น
มุมปากของมู่เฉียนซีปรากฏรอยเลือดสีแดงสดขึ้น แสงสลัววาบผ่านดวงตาของนาง
อวี้ปิงชิงกล่าว “มู่หรงเฉียนเยี่ย คราวนี้เจ้าหนีไปไหนไม่ได้แล้ว! เจ้าคิดอยากจะตายเช่นไรล่ะ ถูกคมศรน้ำแข็งนับหมื่นแทงจนตาย หรือว่าจะใช้กระบี่ของข้าควักหัวใจของเจ้าออกมาให้เจ้าตายดีล่ะ”
ในนี้ไม่มีผู้ใดสามารถมองเห็นสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ ท่าทางผู้ใจดีบริสุทธิ์ผุดผ่องนั้นของอวี้ปิงชิงในตอนนี้พลันโหดร้ายยิ่งกว่าปีศาจเสียอีก มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “อวี้ปิงชิง เจ้าช่างกล้าหาญยิ่งนัก! นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าจะปรารถนาที่จะฆ่าข้า”
.