ท่านหัวหน้าหุบเขาจางกล่าว “ในเมื่อทุกท่านตัดสินใจเช่นนี้ ก็เอาตามนั้นก็แล้วกัน!”
แข่งขันพลังจิต มู่เฉียนซีไม่คิดจะเข้าร่วมอยู่แล้ว เนื่องจากนางไม่มีความคิดที่จะหลอมยาไร้ประโยชน์นั่นแม้แต่น้อย
ในขณะที่ทุกคนเตรียมพร้อมที่จะลงมือ ท่านหัวหน้าหุบเขาจางก็มองไปที่ผู้ที่ไม่เคลื่อนไหวใด ๆ อย่างมู่เฉียนซี เขากล่าวถาม “แม่นางมู่ แม่นางจะไม่แข่งพลังจิตกับพวกเขาเหรอ?”
ปรมาจารย์ไป๋กล่าวด้วยความดูถูกว่า “นางเป็นเพียงแค่สาวน้อยคนหนึ่ง ต่อให้มาจากหอหมอปีศาจ อย่างมากก็เป็นเพียงแค่นักปรุงยาธรรมดา ๆ คนหนึ่งก็เท่านั้น นางไม่มีความสามารถพอที่จะแข่งพลังจิตกับพวกเราหรอก”
“สาวน้อยผู้นี้มาจากหอหมอปีศาจเหรอ ไม่รู้จริง ๆ ว่าหอหมอปีศาจคิดสิ่งใดอยู่ถึงได้ส่งสาวน้อยผู้นี้มา หรือว่าจะส่งมาให้นางออกมาดูโลกภายนอก”
“……”
ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาแต่ละคนเหลือบมองมู่เฉียนซีด้วยความดูถูกเหยียดหยามเป็นอย่างยิ่ง
สีหน้าของเหลิ่งหนิงจือเคร่งขรึมลง พลังอำนาจอันน่าสะพรึงกลัวแผ่ซ่านออกมาทั่วทั้งร่างจนคนเหล่านี้รีบหุบปากไปทันที
ช่างแข็งแกร่งยิ่งนัก!
ได้ยินมาว่าหอหมอปีศาจมีผู้แข็งแกร่งพลังธาตุน้ำแข็งขั้นสูงสุดอยู่คนหนึ่ง คงจะไม่ใช่หญิงสาวตรงหน้าผู้นี้หรอกกระมัง!
มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย “ท่านปรมาจารย์ทุกท่านก็ค่อย ๆ แข่งขันกันไปเถอะ! ข้าไม่อยากจะแข่งขันกับพวกท่าน ประเดี๋ยวจะปราบพวกท่านเอาได้”
ยอดปรมาจารย์นักปรุงยาเหล่านี้เบิกตากว้างขึ้นด้วยความตกใจ สาวน้อยผู้นี้หมายความว่าอย่างไร?
ปราบพวกเขาอย่างนั้นเหรอ?
พวกเขาจะถูกสาวน้อยที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ผู้นี้ปราบได้ยังไงกัน!
“เจ้ามันช่างเป็นเด็กที่อวดดียิ่งนัก”
“พูดจาไม่รู้จักประมาณตนเอาซะเลย!”
“……”
คนเหล่านี้ยังอยากระบายความไม่พอใจของตนเองออกมาอย่างต่อเนื่อง ผลสุดท้ายใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาก็ได้ก่อตัวขึ้นเป็นชั้นน้ำแข็งชั้นหนึ่ง ทำให้พวกเขาอดที่จะหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่ได้
ท่านหัวหน้าหุบเขารีบกล่าวไกล่เกลี่ยว่า “ปรมาจารย์ทุกท่าน บุตรชายข้าเหลือเวลาอยู่ไม่มากแล้ว ทุกท่านรีบจัดการเถอะ!”
“ใช่ ๆ ๆ! เรามารีบแข่งพลังจิตกันเถอะ จะได้รีบหลอมยา!”
“ใช่ ๆ รีบแข่งเถอะ!”
“……”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “เสี่ยวเหลิ่ง! อ่อนโยนสักหน่อยสิ ดูสิ เจ้าทำให้ตาเฒ่าเหล่านี้หวาดกลัวจนตัวสั่นแล้วนะ”
ชั้นน้ำแข็งอันเย็นยะเยือกนั้นได้อันตรธานหายไป มุมปากของนักปรุงยาเหล่านี้กระตุกขึ้นเล็กน้อย
หากไม่ใช่เพราะเจ้านายของนางกล่าวเตือน คาดว่าผู้แข็งแกร่งผู้นี้คงลงมือโดยไม่บอกไม่กล่าวไปแล้วเป็นแน่
หลังจากที่แข่งขันพลังจิตกันเสร็จสิ้น นักปรุงยาผู้นั้นที่พลังจิตแข็งแกร่งที่สุดก็รับสูตรยามาอย่างมีความสุข จากนั้นก็เริ่มหลอมยาด้วยความมั่นใจ
มู่เฉียนซีไม่มีจิตใจจะอยู่ดูอีกต่อไปแล้ว นางเอาเก้าอี้นุ่มออกมาจากมิติและออกไปนั่งอาบแดดอยู่ด้านนอก
ผลลัพธ์ที่ออกมาของนักปรุงยาเหล่านั้น เพียงนางหลับตาก็สามารถรู้ได้แล้ว
เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น การหลอมยาล้มเหลวลงอีกครั้ง
นักปรุงยาผู้นี้สูญเสียพลังจิตไปจนกระทั่งหมดสติล้มลงไป
พลังจิตสูญเสียไปจนหมดสิ้นถึงสองคน แต่พวกเขากลับไม่สงสัยท่านหัวหน้าหุบเขาจางผู้มีจิตใจดีและซื่อสัตย์ผู้นี้แม้แต่น้อย พวกเขาคิดเพียงแค่ว่ายาลูกกลอนนี้แข็งแกร่งเกินไปเท่านั้น
ตูม!
ตูม!
“…….”
นักปรุงยาคนต่อไปก็หลอมยาล้มเหลวติดต่อกัน นักปรุงยาหมดสติไปถึงเจ็ดแปดคนแล้ว พวกเขายังคงใจเย็นกระทำเช่นนี้ต่อไป
ในเมื่อพวกเขาต้องการผลวิญญาณหัวใจซ่อนเร้นนั้นมา ในเมื่อหม้อยาขั้นสวรรค์มันล่อตาล่อใจมากถึงเพียงนี้ พวกเขาก็ต้องมีความสามารถนั่นถึงจะได้
นักปรุงยาที่มีพลังจิตแข็งแกร่งกว่าพวกเขาก็ไม่อาจทำสำเร็จได้ แล้วพวกเขาจะทำได้จริง ๆ เหรอ
บางคนก็รู้สึกถอดใจแล้ว จึงกล่าวกับท่านหัวหน้าหุบเขาจางว่า “ท่านหัวหน้าหุบเขาจาง ดูท่าพวกเราคงไม่มีความสามารถที่จะหลอมยาลูกกลอนนี้ออกมาให้สำเร็จได้ ข้าขอถอนตัว!”
“ข้าก็ถอนตัวเหมือนกัน!”
“ข้า…”
ในใจรู้สึกไม่ค่อยเต็มใจนัก ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผลวิญญาณหัวใจซ่อนเร้นมา แต่ก็อยากดูสูตรยา!
ตอนนี้อาจจะยังหลอมยาลูกกลอนที่แข็งแกร่งเช่นนี้ไม่สำเร็จ แต่ต่อไปก็ไม่แน่
ท่านหัวหน้าหุบเขาจางยิ้มพลางกล่าวว่า “ถึงแม้ทุกท่านจะไม่หลอมยา แต่สูตรยานี้ ข้าก็สามารถให้นักปรุงยาทุกท่านดูได้ หวังว่านักปรุงยาทุกท่านจะไม่ปฏิเสธ”
ทุกคนได้ยินเช่นนี้ก็เผยสีหน้าดีอกดีใจขึ้น พวกเขาถอนตัวออกจากการหลอมยาแล้ว แต่นึกไม่ถึงเลยว่าท่านหัวหน้าหุบเขาจะยอมให้พวกเขาดูสูตรยาได้
พวกเขาไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “ขอบคุณท่านหัวหน้าหุบเขาจางมาก!”
“ข้านับถือหัวใจของท่านหัวหน้าหุบเขาจริง ๆ!”
พวกเขาถือสูตรยาใบนั้นราวกับได้ของล้ำค่าสุดยอดมาก็มิปาน ดวงตาของมู่เฉียนซีค่อย ๆ ลืมขึ้นเล็กน้อย สายตามองไปที่สูตรยานั้น
มุมปากของนางยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย นี่หางสุนัขจิ้งจอกจะโผล่ออกมาแล้วอย่างนั้นเหรอ?
เห็นสูตรยานี้แล้ว จำสูตรยานี้เอาไว้ในหัวเรียบร้อย พวกเขาพึงพอใจเป็นอย่างยิ่ง
ท่านหัวหน้าหุบเขาจางกล่าว “ทุกท่านเดินทางมาตั้งไกลหลายพันลี้ ให้ข้าได้ต้อนรับทุกท่านเป็นอย่างดีเถอะนะ วันพรุ่งค่อยเดินทางกลับ เป็นเช่นไร?”
“เช่นนั้นก็ต้องขอบคุณในการต้อนรับของท่านหัวหน้าหุบเขาแล้ว”
“พวกเราจะเลื่อนเวลากลับ แต่พวกเราช่วยท่านหัวหน้าหุบเขาจางไม่ได้เลย! ต้องขอโทษจริง ๆ!”
“……”
ท่านหัวหน้าหุบเขาจางกล่าวอย่างทอดถอนใจว่า “นี่มันก็คงจะเป็นโชคชะตาฟ้าที่ลิขิตบุตรชายของข้าเอาไว้!”
ในงานเลี้ยงมีอาหารรสเลิศและเหล้าชั้นดีมากมาย แต่พวกเขาไม่ได้สังเกตเลยว่าเหล่าบรรดายอดปรมาจารย์ที่หลอมยาล้มเหลวเหล่านั้นไม่ได้มาร่วมงานเลี้ยงด้วย
หลังจากที่มู่เฉียนซีกินดื่มเสร็จก็ออกจากงานเลี้ยง นางเข้าไปในห้องของนักปรุงยาที่หมดสติเหล่านั้น
พวกเขากำลังนอนหมดสติอยู่ เมื่อดู ๆ ไปแล้ว อาการของพวกเขาก็เหมือนกับนายน้อยหุบเขาผู้นั้นมาก
มู่เฉียนซีเคลื่อนไหวออกไป จากนั้นก็หาคนเพื่อสอบถาม และนางก็พบว่าหุบเขาปีกสวรรค์ของพวกเขานี้นั้นไม่มีนักปรุงยาแม้แต่คนเดียว
เป็นถึงกองกำลังระดับสองครึ่ง แต่กลับไม่มีนักปรุงยาแม้แต่คนเดียว ช่างแปลกเกินไปแล้ว
หัวหน้าหุบเขาจางคิดจะทำสิ่งใดอยู่กันแน่?
บางทีอาจจะมีใครสักคนที่รู้ถึงแผนการนี้ของท่านหัวหน้าหุบเขาจางก็ได้ นั่นก็คือนายน้อยหุบเขา
แต่ตอนนี้เขากำลังหมดสติหลับใหลอยู่ ต้องทำให้เขาฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน
มู่เฉียนซีมาถึงห้องของนายน้อยหุบเขาแล้ว ถึงแม้ว่าที่นี่จะมีเวรยามเฝ้าอยู่อย่างเข้มงวด แต่มีเสี่ยวเหลิ่งอยู่ในที่แจ้ง มีชิงอิ่งอยู่ในที่ลับ จึงไม่มีใครเห็นนาง
มู่เฉียนซีมองชายหนุ่มที่นอนเอนกายอยู่บนเตียงผู้นั้น นึกไม่ถึงเลยว่าท่านหัวหน้าหุบเขาจางจะทำกับบุตรชายของตนเองได้ถึงเพียงนี้ ช่างใจดำอำมหิตจริง ๆ
มู่เฉียนซีเอาเข็มยาหลายเข็มออกมา จากนั้นนางก็เริ่มปรับแต่งยาใหม่ขึ้นมา ไม่ถึงสิบนาทีก็ทำออกมาสำเร็จแล้ว
ยาเข็มหนึ่งถูกฉีดเข้าสู่เส้นเลือดของนายน้อยหุบเขา และยานั้นก็ไหลเวียนเข้าสู่ร่างเขาทันที
ยาของมู่เฉียนซีออกฤทธิ์เร็วมาก และในตอนนี้นายน้อยหุบเขาที่หลับใหลอยู่ ขนตาของเขาก็เริ่มขยับเล็กน้อยแล้ว
ทันทีที่หลิงเฟิงลืมตาขึ้น ก็เห็นหญิงสาวหน้าตางดงามอย่างไร้ที่ติอยู่ตรงหน้า เขาพึมพำเสียงเบาว่า “นี่ข้าตายแล้วเหรอ ข้าอยู่ในนรกแล้วอย่างนั้นเหรอ…ในนรกมีสาวงามเช่นนี้ด้วยเหรอ…”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากเจ้าคิดว่าหุบเขาปีกสวรรค์บ้านของเจ้าคือนรก เช่นนั้นตอนนี้เจ้าก็อยู่ในนรกนั่นแหละ”
น้ำเสียงของหญิงสาวชัดเจนมาก ดวงตาของหลิงเฟิงพลันเบิกกว้างขึ้น มือของเขาจับไปที่รอยฟกช้ำดำเขียวของตนเอง!
เฮือก! เขาสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดเฮือกใหญ่
เขากล่าวอย่างไม่อยากเชื่อว่า “นี่ข้ายังไม่ตาย! เป็นไปได้ยังไง”
หลังจากวันนั้นเขาอยู่ในความสับสน รู้ว่าตนเองนั้นกำลังจะตาย และไม่มีผู้ใดสามารถช่วยเขาได้
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเป็นคนลงมือเอง เจ้าไม่มีทางตายหรอก ท่านพ่อของเจ้าประกาศเอาไว้ว่าหากผู้ใดสามารถช่วยเหลือเจ้าได้ จะให้ผลวิญญาณหัวซ่อนเร้นเป็นของตอบแทน ตอนนี้เจ้าจะไปบอกท่านพ่อของเจ้าให้เอารางวัลมาตอบแทนข้าได้หรือยังล่ะ”
ร่างของหลิงเฟิงสั่นเทิ้มขึ้นอย่างฉับพลัน ราวกับว่าได้นึกถึงเรื่องราวที่น่าหวาดกลัวเข้าเสียแล้วก็มิปาน
“เขาจะช่วยข้าได้ยังไง ในเมื่อเขาเป็นบ้าไปแล้ว ที่ข้าต้องกลายเป็นเช่นนี้ก็เพราะเขานั่นแหละ! เสือ ถึงมันจะร้ายแต่ก็ไม่กินลูกตัวเอง คนเราไม่ว่าจะโหดเหี้ยมแค่ไหนก็ไม่มีทางทำร้ายลูกตัวเอง แต่ว่าเขา…” ยิ่งพูดหลิงเฟิงก็ยิ่งรู้สึกเจ็บปวดเป็นอย่างยิ่ง
มู่เฉียนซีกล่าวว่า “เจ้าเป็นลูกของเขา เจ้าน่าจะรู้ดีใช่หรือไม่ว่าเขากำลังทำสิ่งใดอยู่”
.