เสียง ตูม! ดังสนั่นขึ้น รูม่านตาของคนผู้นั้นหดลง เขาต้องการจะหลบหลีกแต่ก็สายไปเสียแล้ว
อ๊า! ในขณะที่เปลวไฟอันแดงฉานกำลังดับสลายไป เขาก็ได้ส่งเสียงร้องอันโหยหวนครั้งสุดท้ายออกมา
พรึ่บ พรึ่บ! พิษในร่างคนผู้นั้นได้กำเริบขึ้นแล้ว และเสี่ยวหงก็เผาเขาด้วยเปลวไฟอย่างไม่ลังเล
“อ๊า! อย่าฆ่าข้า ไม่…” เดิมทีกระดูกในร่างกายของชายผู้นี้ก็แตกหักเสียหายไปไม่น้อยแล้ว ตอนนี้ต้องมาเผชิญหน้ากับแมวสีขาวตัวขนาดใหญ่มหึมาตรงหน้าเช่นนี้อีก สีหน้าของเขาตอนนี้ก็แสดงความหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่งออกมา!
ตูม! ทางด้านอู๋ตี้นั้นก็จัดการกับคู่ต่อสู้ได้อย่างง่ายดาย!
“ทางนั้น!”
“มู่เฉียนซีอยู่ทางนั้น!”
การต่อสู้ของพวกเขาจบลงอย่างรวดเร็ว แต่ความเคลื่อนไหวนั้นดังสนั่นและใหญ่โตมาก ไม่นานนักคนอื่นก็ได้ยินและสังเกตเห็นแล้ว
หลังจากทำลายศพและร่องรอยเสร็จสิ้น มู่เฉียนซี เสี่ยวหงและอู๋ตี้ก็ซ่อนตัวอีกครั้ง
ดวงตาคู่สวยนั้นเผยความเย็นชาออกมา นี่มันก็แค่เริ่มต้นเท่านั้น
ความแค้นที่ตำหนักตงจี๋ล้อมเมืองฆ่าพวกนาง นางจะค่อย ๆ เอาคืนอย่างสาสม!
ซ่อนตัว ลอบโจมตี คนของตำหนักตงจี๋ และยอดฝีมือระดับสูงที่สำนักเทียนหลิงส่งมาเหล่านั้นล้วนแต่ใช้เป็นคู่ซ้อมการฝึกฝนของมู่เฉียนซีได้ทั้งนั้น
ถึงแม้ว่านางจะมีทักษะวิญญาณที่สามารถต่อสู้ข้ามขั้นได้ แต่ทุก ๆ การต่อสู้ล้วนแต่หวาดเสียวราวกับยืนอยู่บนหน้าผาก็มิปาน
หากไม่ระวัง การตอบโต้ของฝ่ายตรงข้ามก็สามารถทำให้มู่เฉียนซีตกอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากได้
อย่างไรเสีย พลังของนางก็ยังไม่ถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูต
ดังนั้นความเร็วจะต้องรวดเร็วมาก การแอบซ่อนตัวก็ต้องสมบูรณ์แบบ หากถูกคนกลุ่มนี้ห้อมล้อมอีกครั้ง มันจะสามารถทำให้นางตกอยู่ในอันตรายได้เช่นกัน
มู่เฉียนซีท่องอยู่ในป่าลึกอันเงียบสงัดนี้ เคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วราวกับภูติผี พลังจิตอันน่าสะพรึงกลัวนี้ทำให้คนอื่นไม่สามารถจินตนาการได้เลย จนในที่สุดทุกอย่างก็เป็นไปตามแผนการที่นางวางไว้
ปรมาจารย์ไป๋รับรู้ได้ถึงความรู้สึกนี้ พลันนั้นเขาก็รู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมา นี่มู่เฉียนซียังใช่มนุษย์อยู่อีกหรือไม่?
ทั้งที่พยายามตามไล่ล่ามาทั้งวันแล้ว อีกอย่างทุกคนก็ล้วนแต่เป็นยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิทั้งสิ้น นึกไม่ถึงเลยว่าจะฆ่านังเด็กตัวเล็ก ๆ ที่มีพลังเพียงแค่ขั้นจักรพรรดินี้ไม่ได้
ตอนนี้เขาเริ่มรู้สึกเสียใจแล้วที่ได้ทรยศผู้ที่วิปริตเช่นนี้!
ร่างในชุดม่วงเคลื่อนไหวไปมาอย่างรวดเร็วตรงหน้าเขา มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ปรมาจารย์ไป๋ เราเจอกันอีกแล้วนะ ข้าอุตส่าห์ใจดีปล่อยเจ้าเอาไว้ เพื่อที่จะจัดการเจ้าเป็นคนสุดท้าย เพื่อให้เจ้าได้มีชีวิตอยู่ต่ออีกสักหน่อย!”
ปรมาจารย์ไป๋แสร้งทำท่าทางสงบไม่สะทกสะท้าน “มู่เฉียนซี ข้านึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะรนมาหาที่ตายถึงที่เช่นนี้ ก็ดีเหมือนกัน พวกข้าจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาตัวเจ้า”
“ฆ่ามู่เฉียนซีเดี๋ยวนี้ อย่าปล่อยให้นังเด็กแสบนี่หนีรอดไปได้เด็ดขาด!”
ทันทีที่กล่าวจบ จู่ ๆ ปรมาจารย์ไป๋ก็ส่งเสียงร้องโหยหวนขึ้น อ๊า!
ตัวเขาแดงก่ำไปทั้งตัว จากนั้นก็พลันเปลี่ยนเป็นสีดำ เขารู้สึกเจ็บปวดจนใบหน้าบิดเบี้ยวไปทั้งหน้า
พิษ! พิษกำเริบขึ้นแล้ว!
“มู่เฉียนซี…” เขาตะโกนขึ้นด้วยความโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
มู่เฉียนซีกล่าว “วางใจได้ พิษนี้มันก็แค่ทำลายร่างกายของเจ้า แต่ไม่ได้ทำลายพลังจิตของเจ้าหรอกนะ! อย่างไรเสียเจ้าก็ดูอยากจะเป็นเสบียงอาหารให้แก่หลุนหุยเต็มที ข้าจึงจะทำให้เจ้าสมปรารถนาดั่งใจหวัง”
“รีบจับตัวมู่เฉียนซีเร็วเข้า เร็วสิ!”
ตราบใดที่จับตัวนางได้ เขาก็สามารถเอายาแก้พิษมาได้ และไม่ต้องเจ็บปวดทรมานเช่นนี้อีกต่อไป!
ยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงสามคนที่อยู่ข้างกายปรมาจารย์ไป๋ก็รีบพุ่งเข้าไปจะจับมู่เฉียนซีทันที
เสี่ยวหงกับอู๋ตี้พรวดออกไปขวางสองคนเอาไว้ มู่เฉียนซีตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “มังกรน้ำแข็งสะท้านสวรรค์!”
ตูม ตูม ตูม! มังกรใหญ่สีฟ้าเย็นยะเยือกกวาดล้างไปทั่ว
ชั่วครู่หนึ่ง พวกเขาจึงได้ต่อสู้กัน
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
อ๊า อ๊า อ๊า!
การต่อสู้ทางด้านนี้ดุเดือดมาก และเสียงร้องโหยหวนอันเจ็บปวดทรมานของปรมาจารย์ไป๋ก็ยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาของมู่เฉียนพุ่งออกไปราวกับสายฝนก็มิปาน
คนเหล่านี้รับมือได้ไม่ง่าย ดังนั้นมู่เฉียนซีจึงทำทุกอย่างเท่าที่จะทำได้
ตูม!
จู่ ๆ เปลวไฟอันแดงฉานก็ปรากฏขึ้น พลังของกระบี่มังกรเพลิงนั้นสามารถคร่าชีวิตได้เลย!
มู่เฉียนซีต่อสู้พัวพันกับพวกเขาอยู่นาน จนในที่สุดพวกเขาก็ได้กลายเป็นวิญญาณภายใต้กระบี่มังกรเพลิงเล่มนี้
“หึ ๆ ๆ! ตายหมดแล้ว ตายกันหมดแล้ว!” ตอนนี้ปรมาจารย์ไป๋ถูกพิษทรมานจนสมองเลอะเลือนไปบ้างแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าวเย้ยหยันว่า “เจ้าคิดว่าการที่เจ้าเสแสร้งแกล้งทำเป็นเช่นนี้แล้วเจ้าจะรอดไปได้อย่างนั้นเหรอ?”
“หลุนหุย นี่คือเสบียงอาหารของเจ้า ข้าให้เจ้า อย่าได้สิ้นเปลืองเชียวล่ะ!” มู่เฉียนซีจับปรมาจารย์ไป๋โยนเข้าไปในหม้อ
ในตอนนี้เอง เสียงต่ำเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“สาวน้อย เจ้านี่มันช่างมีจิตใจที่โหดเหี้ยมจริง ๆ เลย! ทรมานเขาแล้วยังไม่พอ นึกไม่ถึงเลยว่าจะใช้หม้อยาชั่วนี่กลืนกินพลังจิตของเขาอีก”
พลังอันน่าสะพรึงกลัวพลังหนึ่งโจมตีเข้ามา คนผู้นี้เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุด!
มู่เฉียนซีเห็นร่างชายวัยกลางคนสวมชุดคลุมยาวสีเขียวผู้หนึ่งจรดตัวลงมาจากกลางอากาศ คนผู้นี้ดูเหมือนจะเป็นคนตรงไปตรงมา เป็นคนชอบธรรม แต่มันก็เพียงแค่ภายนอกเท่านั้น
ปรมาจารย์ไป๋ผู้เลอะเลือนผู้นั้นตะโกนขึ้นว่า “ท่านเจ้าสำนัก ช่วยด้วย…ช่วยข้าด้วย!”
“วิเศษเลย ท่านเจ้าสำนัก ท่านทะลวงพลังระดับสูงสุดได้แล้ว”
ยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงมู่เฉียนซีสามารถจัดการได้ แต่ยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงสุด ต่อให้มู่เฉียนซีจะวิปริตมากเพียงใดก็ไม่สามารถเอาชนะได้
มู่เฉียนซีเหลือบสายตามองไปที่ชายวัยกลางคนผู้นั้น และกล่าวว่า “ที่แท้ก็เป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักเทียนหลิงนี่เอง ยอดฝีมือของสำนักเจ้าตายกันไปหมดแล้วเจ้าเพิ่งจะปรากฏตัวออกมา เจ้าช่างระงับโทสะได้เก่งกาจยิ่งนัก”
“หากไม่ใช่เพราะข้าได้รับโอกาสจากหัวหน้าตำหนักไป๋ เก็บตัวฝึกบำเพ็ญจนพลังเพิ่มขึ้นถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสูงสุด เช่นนั้นแล้วข้าจะทำให้สาวน้อยอย่างเจ้าตายอย่างอนาถตรงนี้ได้อย่างไรกันล่ะ”
“ดูท่าการส่งข่าวลับของพวกเจ้าในครั้งนี้ ตำหนักตงจี๋คงจะให้ผลประโยชน์กับพวกเจ้าไม่น้อยเลยสินะ!” มู่เฉียนซีแสยะยิ้มพลางกล่าว
“สาวน้อย วันนี้เจ้าไม่อาจหนีความตายไปได้แล้ว เอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ออกมาให้ข้าซะโดยดีเถอะ!”
พลังอำนาจของยอดฝีมือระดับสูงสุดทำให้ดวงตาของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมลง
และในตอนนี้เอง เสียงเสียงหนึ่งก็ดังขึ้นมาจากในมิติ “หญิงอัปลักษณ์ พอข้าตื่นขึ้นมา เจ้าก็ประสบกับปัญหาใหญ่อีกแล้วนะ เพื่อไม่ให้เป็นการสิ้นเปลืองพลังของท่านพี่ข้า เจ้าให้ข้าจัดการฆ่าเจ้าคนผู้ไม่รู้จักความตายผู้นี้เถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “อาถิง ในที่สุดเจ้าก็ตื่นขึ้นมาสักที”
“หึ! จะโทษข้าได้ยังไงกันเล่า หากไม่ใช่เพราะเจ้าเป็นห่วงเป็นใยเจ้าหวงจิ่วเยี่ยมากมายถึงเพียงนั้น ข้าจะเป็นเช่นนี้เหรอ?”
“โทษข้าได้ยังไงกันล่ะ หากไม่ใช่เพราะทำพันธสัญญากับเจ้า ข้าก็คงจะไม่รู้จักกับจิ่วเยี่ยหรอก”
“นี่เจ้ากำลังหาข้ออ้างให้ตัวเองดูดีเหรอ ห๊ะ!”
“นี่ไม่ใช่ข้ออ้าง เจ้าเข้าใจเสียใหม่ด้วย!”
“……”
เนื่องจากอาถิงตื่นขึ้นมาแล้ว ถึงแม้ว่าจะมียอดฝีมือระดับสูงสุดต้องการจะฆ่านาง แต่นางก็ยังสามารถเพิกเฉยต่อศัตรูเพื่อมาทะเลาะกับอาถิงได้
ครั้งนี้อาถิงหลับใหลไปนานพอสมควร และยังเกิดเรื่องราวขึ้นมากมายอีกด้วย
มู่เฉียนซีทำราวกับว่าไม่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูด อีกทั้งยังนิ่งเหม่อไปเช่นนี้อีก สิ่งนี้ทำให้เจ้าสำนักเทียนหลิงโกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก!
แต่ถ้าหากเขารู้ว่ามู่เฉียนซีไม่ได้นิ่งเหม่อไป แต่ยังมีอารมณ์ไปทะเลาะกับคนอื่นเช่นนี้อีก คาดว่าเขาคงจะยิ่งโกรธมากกว่านี้เป็นแน่
สาวน้อยผู้นี้ไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยแม้แต่น้อย!
เช่นนั้นก็ฆ่านางและแย่งของมาเลยก็แล้วกัน!
เขาเตรียมพร้อมที่จะลงมือ และกล่าวอย่างโหดเหี้ยมว่า “สาวน้อย เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าฆ่าเจ้าจริง ๆ เหรอ?”
เจ้าสำนักเทียนหลิงจะลงมือแล้ว แต่อาถิงยังต่อล้อต่อเถียงอยู่กับมู่เฉียนซีอยู่เลย!
“ชิ! เผชิญหน้ากับเจ้าพิฆาตวิญญาณนั่นแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยังรอดมาได้ เจ้าก็ยังโชคดีอยู่เหมือนกันหนิ!”
“ดูท่าทางเจ้าจะผิดหวังนะ”
“ก็ใครใช้ให้เจ้าไปเสี่ยงอันตรายเพราะพวกคนหล่อหน้าตาดีพวกนั้นกันล่ะ เจ้าโดนเช่นนั้นมันก็สมควรแล้ว!”
“……”
ถึงแม้ว่าทั้งสองยังต่อล้อต่อเถียงกันอย่างไม่ยอมเลิกรา แต่ตราบใดที่เจ้าสำนักเทียนหลิงลงมือ อาถิงก็ไม่มีทางปล่อยเขาไปแน่นอน
มู่เฉียนซียังคงเพิกเฉยต่อเจ้าสำนักเทียนหลิง และไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเฉกเช่นเดิม เจ้าสำนักเทียนหลิงโคจรพลังวิญญาณระดับสูงสุดขึ้นอย่างเต็มที่ สองหมัดกำแน่น กระบวนท่าไม้ตายอันทรงพลังกำลังจะโจมตีไปที่มู่เฉียนซี ถึงแม้ว่าการใช้พลังมากมายเช่นนี้จัดการกับสาวน้อยขั้นจักรพรรดิแห่งภูตคนหนึ่งมันจะดูเล่นใหญ่เกินไป แต่ใครใช้ให้สาวน้อยผู้นี้ทำให้เขาโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้กันล่ะ
.
.