ครั้นแล้วอินรั่วเฉินก็เริ่มลงมือกินจริง ๆ เขามองปลาและเนื้อในจานราวกับเป็นผักทั่ว ๆ ไป
หลังจากกินเนื้อที่กองกันเป็นภูเขาเล็ก ๆ ในจานตรงหน้าหมด มู่เฉียนซีก็คีบเพิ่มให้เขาอีก
“โอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน กินต่อสิ! เจ้าต้องกินให้ตัวอ้วนกลมถึงจะเหมือนพระพุทธรูป! ดูเจ้าตอนนี้สิรูปงามเกินไปจริง ๆ ไม่เหมือนพระแม้แต่น้อย”
มู่เฉียนซีอยากจะทำให้ชายรูปงามตรงหน้าผู้นี้กลายเป็นคนอ้วนพุงโต เมื่อคิดแล้วนางก็อดที่จะหลุดขำออกมาไม่ได้
มู่เฉียนซีคีบเนื้อให้เขาอีก อินรั่วเฉินก็ไม่อยากเสียมารยาท จำต้องกินต่อ!
พอกินหมด มู่เฉียนซีก็คีบเพิ่มให้ต่อ…
กินหมดอีก ก็คีบเพิ่มอีก…
ตราบใดที่ไม่ใช่ท้องของสัตว์วิญญาณ กินมากเช่นนี้ก็รับไม่ไหวเหมือนกัน
ถึงแม้ว่าอินรั่วเฉินจะเป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์แห่งแคว้นเทพฟ้านอิน แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง กินเยอะก็ต้องมีอิ่มเป็นธรรมดา!
มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มพลางกล่าวว่า “โอรสศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอย่าได้เป็นคนที่กินอาหารสิ้นเปลืองเชียวนะ”
จำต้องบอกเลยว่าการที่มีพลังความแข็งแกร่งนั้นมันมีประโยชน์มาก เพียงขยับไม้ขยับมือเล็กน้อยก็สามารถย่อยอาหารได้อย่างรวดเร็วแล้ว ครั้นแล้วอินรั่วเฉินก็จัดการอาหารบนโต๊ะทั้งหมดจนหมดเกลี้ยง
มู่เฉียนซีรู้สึกผิดพลาดมากที่พาเขามาเลี้ยงอาหารเช่นนี้!
น่าจะให้พ่อครัวอย่างท่านปู่ตงหวงกับจิ่วเยี่ยทำอาหารให้โอรสศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้กินสักมื้อ
เมื่อผู้อาวุโสสูงสุดรู้ว่ามู่หรงเฉียนเยี่ยพาโอรสศักดิ์สิทธิ์ไปกินอาหารกินเนื้อเช่นนี้ เขาก็โกรธเกรี้ยวจนหน้าดำยิ่งกว่าก้นหม้อแล้ว
“มู่หรงเฉียนเยี่ย เจ้าเด็กบัดซบ! ไม่รู้ว่าจะก่อเรื่องวุ่นวายไปถึงไหน”
หากท่านหัวหน้าแคว้นเทพฟ้านอินรู้เข้าว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาถูกลากพาไปให้กินเนื้อเช่นนี้ คาดว่าคงต้องโกรธแค้นมากเป็นแน่
มู่เฉียนซีกล่าว “เถ้าแก่ เก็บเงิน!”
เมื่อเถ้าแก่เห็นคุณชายสองท่านนี้กินอาหารบนโต๊ะจนหมดเกลี้ยงก็ตกตะลึงขึ้น
เถ้าแก่กล่าว “ทั้งหมดหนึ่งพันหยกวิญญาณขอรับ”
ราคาสูงลิ่วเพียงนี้ หากเป็นคนอื่นต้องตกใจจนเป็นลมไปเป็นแน่
แพง แพงหูฉี่ แพงจนเทียบกับราคายาลูกกลอนได้เลย
ทว่า เถ้าแก่ก็หมดหนทาง ถึงมันจะแพงมากจริง ๆ แต่ทั้งหมดนั้นก็เป็นเพราะเนื้อทั้งหลายนี้ล้วนแต่เป็นสัตว์วิญญาณที่หายากทั้งสิ้น ไม่ใช่สัตว์ธรรมดา ๆ ทั่วไป
มู่เฉียนซีกล่าว “อินรั่วเฉิน มัวแต่นิ่งอึ้งอยู่ทำไมกันเล่า ยังไม่รีบจ่ายอีก”
นางไม่เรียกเขาว่าโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอินเสียแล้ว
เถ้าแก่ก็รู้สึกประหลาดใจเหมือนกัน เห็น ๆ กันอยู่ว่าเขาเป็นคนพามา อาหารเขาก็เป็นคนสั่ง แต่เหตุใดคนจ่ายกลับไปชายผู้อ่อนโยนผู้นั้นไปได้ล่ะ
หรือว่าคุณชายผู้นี้จะชอบกลั่นแกล้งคนที่ซื่อสัตย์!
อินรั่วเฉินมองไปที่มู่เฉียนซีด้วยสายตาอ่อนโยน
และดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะไม่รู้สึกอะไร นางกล่าว “มองอะไรล่ะ ถึงแม้ข้าจะบอกว่าข้าจะเลี้ยงเจ้า แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าข้าจะเป็นคนจ่ายนะ! หรือว่าเจ้าไม่มีเงิน?”
อินรั่วเฉินกล่าว “ข้าไม่มีหยกวิญญาณ”
ในฐานะที่เป็นโอรสศักดิ์สิทธิ์ฟ้านอิน มีคนจำนวนมากเอาของมาถวาย แต่หยกวิญญาณเป็นของระดับต่ำ เขาจึงไม่ได้เอาติดตัวมา!
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่มีหยกวิญญาณ! แสดงว่าเจ้ามีของล้ำค่ากว่าติดตัวมาเป็นแน่ เป็นสมุนไพรวิญญาณหรืออาวุธวิญญาณใดล่ะ เอามาแลกกับข้าได้นะ!”
“แลกได้ด้วยเหรอ!” ในขณะที่กล่าวนั้น อินรั่วเฉินก็เอาอาวุธวิญญาณสีทองอร่ามจำนวนไม่น้อยออกมา และยังมีสมุนไพรวิญญาณบางส่วนอีกด้วย
เถ้าแก่ก็เป็นคนที่มีความรู้เช่นกัน เมื่อเห็นอาวุธวิญญาณเหล่านี้แล้วก็ตกตะลึงขึ้นอีกครั้ง
ลำแสงอร่ามเช่นนี้ เหมือนอาวุธวิญญาณขั้นสวรรค์ไม่มีผิด
แล้วก็สมุนไพรวิญญาณนั่น…
มู่เฉียนซีรีบพรวดไปตรงหน้าอินรั่วเฉินอย่างรวดเร็ว เก็บของทั้งหมดมาและกล่าวว่า “ของเหล่านี้เอามาแลกเป็นหนึ่งพันหยกวิญญาณได้พอดี ข้าแลกให้เจ้าเอง!”
ถึงแม้ว่าตระกูลมู่ของนางจะเป็นตระกูลที่มั่งคั่งร่ำรวย แต่ต้องบอกเลยว่ากองกำลังที่เชื่อในวิถีพุทธแห่งแดนตะวันตกของอินรั่วเฉินนี้มั่งคั่งร่ำรวยยิ่งกว่ามาก
เถ้าแก่เห็นเช่นนี้แล้ว มุมปากก็กระตุกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ไม่รู้ว่าคุณชายท่านนี้ไปทำบาปกรรมอะไรไว้ ถึงได้มีสหายอย่างคนเช่นนี้ได้
ของล้ำค่ามากมายเพียงนี้ อย่าว่าแต่หนึ่งพันหยกวิญญาณเลย ต่อให้เอามาแลกกับหอสุราพันหอของเขาก็ยังมีค่าเหลือเฟือ
หลังจากที่มู่เฉียนซีจ่ายค่าอาหารเสร็จ พวกเขาก็ออกจากหอสุรา!
นางเงยหน้ามองท้องฟ้าพลางกล่าว “นี่ก็ยังไม่มืดเลย ข้าจะพาเจ้าไปที่ที่สนุกกว่านี้!”
“หัว! หัว! หัว!”
“ก้อย! ก้อย!”
“……”
ทันทีที่เข้าไปก็ได้ยินเสียงตะโกนเจี๊ยวจ๊าวขึ้น
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเหมาที่นี่ ทุกคนฟัง พวกเจ้ามีทางเลือกสองทาง หนึ่ง เล่นเป็นเพื่อนข้า สอง ออกไปจากที่นี่!”
เหล่าบรรดานักพนันในที่แห่งนี้ต่างตื่นตระหนกตกใจกันเป็นแถว “เจ้าเด็กอวดดีผู้นี้เป็นใครมาจากไหนกัน จะกำเริบเสิบสานเกินไปแล้วกระมัง!”
“อยู่ที่นี่ยังกล้ามากล่าววาจาเช่นนี้อีก!”
พรึ่บ พรึ่บ พรึ่บ! มู่เฉียนซีโยนหยกวิญญาณออกมาเป็นจำนวนมาก อีกทั้งยังเป็นหยกวิญญาณชั้นยอดอีกด้วย!
นางเหลือบมองพวกเขาและกล่าวว่า “มีอะไรที่คนอย่างข้าต้องกลัวกันล่ะ?”
เมื่อเห็นหยกวิญญาณกองพะเนินเช่นนี้แล้ว พวกเขาต่างก็สูดลมหายใจเย็นเข้าปอดด้วยความตกใจ!
นี่มันช่างล้างผลาญทรัพย์สินเกินไปแล้วกระมัง!
ไม่นานนักโรงพนันก็สงบลง และไม่มีผู้ใดย่างขาเดินออกไปเลยแม้แต่ก้าวเดียว
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “อินรั่วเฉิน ลงพนันกับข้าสักตาสองตาเถอะ!”
อินรั่วเฉินกล่าว “แต่ว่าข้าไม่มีหยกวิญญาณ!”
“ไม่มีหยกวิญญาณ แต่เจ้าก็มีของล้ำค่าอื่นอยู่ไม่ใช่เหรอ ข้าไม่ถือสาหรอกน่า”
“อะ เอ่อ…การพนันมันเป็นสิ่งไม่ดีนะ!”
“แต่ข้าอยากเล่นหนิ เจ้าจะไม่เล่นเป็นเพื่อนข้าหน่อยเหรอ ออกมาทั้งทีก็เล่นให้คุ้มสิ เจ้าอย่าได้ตระหนี่ถี่เหนียวไปหน่อยเลย”
ภายใต้การตื้ออย่างไร้เหตุผลของมู่เฉียนซี อินรั่วเฉินจำต้องยอม
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดขอรับ ประมุขน้อยเฉียนเยี่ยพาโอรสศักดิ์สิทธิ์ไปที่โรงพนันขอรับ สถานที่เลวระยำเหล่านั้นไม่ใช่ที่ที่โอรสศักดิ์สิทธิ์สมควรจะไปเลยนะขอรับ” ลูกน้องของผู้อาวุโสสูงสุดเข้ามารายงานด้วยความกระวนกระวายใจ
สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดเขียวคล้ำจนไม่รู้จะเขียวคล้ำอย่างไรแล้ว “ไม่มีใครห้ามเจ้าเด็กไร้เหตุผลนั่นได้จริง ๆ เหรอ ข้าจะไปหาท่านหัวหน้าตำหนัก”
สุดท้ายกู้ไป๋อีกลับกล่าวว่า “ผู้อาวุโสสูงสุด สถานะของเจ้าไม่อาจก้าวก่ายเรื่องของประมุขน้อยเฉียนเยี่ยและเรื่องของโอรสศักดิ์สิทธิ์ได้ ข้าว่าเจ้าอย่าได้กังวลใจไปเลย”
ผู้อาวุโสสูงสุดสุดแสนจะบอบช้ำในหัวใจ!
มู่เฉียนซีกับอินรั่วเฉินลงพนันง่ายมาก แค่พนันว่าจะออกหัวหรือก้อย มู่เฉียนซีนั่งเป็นเจ้ามือ!
นี่เป็นครั้งแรกที่อินรั่วเฉินเล่นพนัน เขาไม่เข้าใจแม้แต่น้อย!
แพ้ไปครั้งหนึ่ง จากนั้นก็เอาอาวุธวิญญาณออกมา ทำให้ทุกคนตกใจจนดวงตาเบิกกว้างจนแทบจะถลนออกมาแล้ว
“พระเจ้าช่วย! ยังมีคนที่ล้างผลาญตระกูลอีกคนเหรอเนี่ย!”
“แพ้ไปครั้งเดียวก็เอาของสุดยอดเช่นนี้ออกมาแล้ว ยอดเยี่ยมยิ่งนัก!”
“……”
มู่เฉียนซีหรี่ตายิ้มพลางรับของมา ครั้งนั้นเขามาพัวพันกับนางเพื่อจะแย่งชิงมังกรเพลิงไปจากนาง ครั้งนี้นางจะทำให้เจ้าหมอนี่แพ้จนหมดตัวเลยคอยดู
อินรั่วเฉินแพ้จนนับครั้งไม่ถ้วน และของล้ำค่าในมิติก็เริ่มลดน้อยลงไปเรื่อย ๆ!
ทว่า เขาก็ไม่ใช่คนโง่เขลา ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าต้องเล่นเช่นไร และยังรู้อีกว่ามู่เฉียนซีกำลังฉ้อโกง!
พลังจิตแผ่ซ่านออกมา แต่ก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่าจะออกหัวหรือก้อย
คนอื่นรับรู้ไม่ได้แน่นอน แต่พลังจิตของมู่เฉียนซีนั้นแข็งแกร่งมาก นางจึงกันพลังจิตนั้นของอินรั่วเฉินออกไปทันที
อินรั่วเฉินรับรู้ได้ถึงพลังจิตอันน่าสะพรึงกลัวนั้นจึงเงยหน้ามองไปที่มู่เฉียนซี แต่มู่เฉียนซีตอบกลับเขาด้วยรอยยิ้มไร้เดียงสาอย่างไร้พิษภัย
“อินรั่วเฉิน โชคเจ้าไม่ค่อยดีเลยนะ!”
คนอื่นลงพนันมีแพ้บ้าง ชนะบ้าง แต่อินรั่วเฉินกลับแพ้ทุกครั้งไป
เมื่อฉลาดขึ้นมาแล้ว ก็สู้พลังจิตของมู่เฉียนซีไม่ได้ ครั้งนี้ก็เลยต้องพ่ายแพ้อีก
อินรั่วเฉินแพ้พนันไปมาก คนอื่นเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกเห็นใจ แต่ตัวเขาเองกลับไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้แต่น้อย
สุดท้ายอินรั่วเฉินจึงกล่าวว่า “ข้าไม่มีของจะลงพนันแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าน่าจะมีอาวุธวิญญาณอยู่อีกมิติหนึ่งกระมัง!”
มุมปากของทุกคนกระตุกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
ครั้นแล้วอินรั่วเฉินจึงเอาลูกประคำออกมา และกล่าวว่า “ก็ได้! ลงพนันตาสุดท้ายอีกสักตา!”
.
.