เมื่อเห็นของสิ่งนั้นแล้ว มุมปากของมู่เฉียนซีก็กระตุกขึ้นอย่างบ้าคลั่ง
นี่เจ้านิรันดร์สร้างบาปกรรมอะไรไว้นักหนานะ!
มู่เฉียนซีมองเขาและกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “สามตระกูลยาโบราณ ตระกูลจวิน ตระกูลเย่ ตระกูลเซียว ข้าเองก็ประหลาดใจมากเหมือนกันว่าตระกูลเซียวยังมีคนรุ่นหลังมีชีวิตรอดอยู่ด้วยเหรอ ข้าไม่ได้คิดจะทำอะไรเจ้าตั้งแต่แรกอยู่แล้ว แต่เจ้ากลับก่อเรื่องใหญ่ขึ้นซะก่อน”
เซียวเหยาไม่ได้แปลกใจเลยแม้แต่น้อย บอกไปเพียงแค่น้อย ประมุขน้อยผู้นี้ก็รู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขาแล้ว
เซียวเหยากล่าว “เจ้าเป็นคนตระกูลจวิน หรือว่าคนตระกูลเย่?”
“ไม่สิ…” ไม่นานนักเขาก็เปลี่ยนความคิดแล้ว
“คนรุ่นหลังของสองตระกูลนี้ก็ไม่มีทางทำได้เหมือนเจ้า เจ้า…”
ทันใดนั้นเอง เขาก็ลุกพรวดขึ้นด้วยความตกใจ “เจ้า…”
บนโลกใบนี้ ผู้ที่สามารถหยุดทักษะลับอันสุดยอดนั้นของตระกูลเซียวได้ มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น นั่นก็คือฝ่าบาทของพวกเขา
หรือว่าเขาเป็นเจ้านายของฝ่าบาท
มู่เฉียนซีกล่าว “ถูกต้อง ข้าเป็นผู้ที่ทำพันธสัญญากับนิรันดร์”
เซียวเหยาตัวสั่นไปทั้งตัว “นี่เจ้า เจ้าพูดจริงเหรอ ข้าต้องการเห็นกับตาตัวเอง…”
มู่เฉียนซีเอาหม้อเทพนิรันดร์ออกมา เมื่อได้เห็นหม้อยาที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณนี้ เซียวเหยาก็รู้ทันทีว่าหม้อยานี้เหมือนกับหม้อยาในภาพที่ตระกูลของพวกเขาปกป้องด้วยชีวิต มันเหมือนกันไม่มีผิด!
และทันใดนั้นเขาก็นึกออกว่าที่นี่คือตำหนักเป่ยหาน!
“รีบเก็บเร็วเข้า ห้ามให้ใครรู้เป็นอันขาด” เซียวเหยากล่าวขึ้นด้วยความกระวนกระวายใจ
มู่เฉียนซีเก็บหม้อยาไป เพียงแต่ว่า คนที่ไม่ควรรู้เรื่องนี้ กลับรู้แล้ว
กู้ไป๋อีประหลาดใจมาก นึกไม่ถึงเลยว่าซีเอ๋อร์จะได้หม้อเทพนิรันดร์ไปครอบครองแล้ว
เป่ยกงจั๋วพยายามทุ่มเทตามหามาตั้งนาน แม้กระทั่งทำลายสามตระกูลยาโบราณไป แต่กลับไม่ได้สิ่งใดกลับมาเลยแม้แต่น้อย
ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าคำพูดที่ซีเอ๋อร์พูดในคืนนั้นมันหมายความว่าเช่นไร
เชื่อใจเขา ดังนั้นจึงไม่คิดจะปกปิดเขาอีกต่อไป แม้จะกลัวว่าเขาจะเลือกยากก็ตาม
แต่นี่ก็ทำให้นางตกอยู่ในอันตรายอยู่ดี เมื่อคิดเช่นนี้ กู้ไป๋อีก็อดที่จะเป็นห่วงนางไม่ได้
ไม่มีใครรู้จักเป่ยกงจั๋วมากไปกว่าเขาอีกแล้ว เป่ยกงจั๋วเป็นคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายให้ได้ จะให้ใครรู้อีกไม่ได้เด็ดขาดว่าหม้อเทพนิรันดร์อยู่ที่ซีเอ๋อร์
“เซียวเหยาคารวะนายท่าน!”
ในตอนนี้เอง เซียวเหยาได้คุกเข่าลงตรงหน้ามู่เฉียนซีแล้ว
สามตระกูลยาโบราณ นอกจากจวินโม่ซีที่เอาแต่สนใจในเรื่องกิน ก็มีเย่เฉินและเซียวเหยานี่แหละ ที่มีความเป็นผู้นำตระกูลสูงมาก
โดยเฉพาะตระกูลเซียว เพราะว่าตระกูลเซียวเป็นตระกูลที่นิรันดร์ฝึกฝนมาด้วยตัวเอง
นิรันดร์ชื่นชอบในหญิงงาม ดังนั้นคนในตระกูลเซียวส่วนมาก แม้เป็นผู้ชายแต่รูปร่างหน้าตาก็งดงามดุจดั่งหญิงสาว อีกทั้งยังเชี่ยวชาญในการปรุงยาเสน่ห์ และยาปลุกกำหนัดอีกด้วย
และสิ่งที่ไม่เหมือนกับตระกูลจวินและตระกูลเย่ก็คือ ตระกูลเซียวเชี่ยวชาญในเรื่องพิษมาก
ทั้งหมดนี้นางได้รับการบอกเล่ามาจากชิงมู่ ในตอนที่นางเข้าไปในห้องเซียวเหยาและได้กลิ่นพิษเหล่านั้นมันเหมือนกับพิษที่นิรันดร์ศึกษาทำขึ้นมาโดยเฉพาะ
เซียวเหยาเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าเพียงพบหน้ากัน มู่เฉียนซีก็รู้จักตัวตนของเขาแล้ว อีกทั้งยังรู้เรื่องราวเกี่ยวกับตระกูลของเขาเป็นอย่างดีอีกด้วย
มู่เฉียนซีกล่าว “ลุกขึ้นเถอะ! ข้าพยายามทุ่มเทช่วยเจ้าถึงเพียงนี้ก็เพราะว่าข้าเห็นในพรสวรรค์และความแข็งแกร่งของเจ้า มิเช่นนั้นข้าคงไม่สนใจเจ้าหรอก”
บาปของนิรันดร์ นางไม่มีหน้าที่ชดใช้ให้ แต่พรสวรรค์และฝีมือในเรื่องการใช้พิษของเขานั้นยอดเยี่ยมมาก หอหมอปีศาจของนางต้องรับมือกับตำหนักตงจี๋ ขาดแคลนคนเช่นนี้อยู่พอดี
แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะทำเรื่องใหญ่ขึ้นเช่นนี้ โชคดีที่ยังอยู่ในขอบเขตที่นางสามารถยับยั้งได้
เซียวเหยาก้มหน้าพลางกล่าวว่า “ข้าน้อยรู้ผิดแล้ว ข้าน้อยวู่วามเกินไป โปรดนายท่านลงโทษข้าน้อยด้วย”
สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำด้วยความไม่พอใจ “เจ้าพูดจาให้มันเป็นปกติหน่อย”
เซียวเหยามองมู่เฉียนซีพลางกล่าว “นี่เป็นการแสดงออกปกติของข้าน้อย โดยเฉพาะเมื่ออยู่ต่อหน้านายท่าน อย่างไรเสียตระกูลเซียวของพวกเราก็เป็นของเล่นของฝ่าบาทอยู่แล้ว”
แม้จะพูดว่าเป็นของเล่น แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นความหมายที่ไปในทางที่ไม่ดี เซียวเหยากลับใจกว้างเป็นพิเศษและยังดูเหมือนเป็นเกียรติมากด้วย
“เจ้านายของฝ่าบาทก็คือเจ้านายของพวกเรา ความรู้สึกของข้าน้อยไม่…”
“หยุด ๆ ๆ!” มู่เฉียนซีจนปัญญาแล้วจริง ๆ
นางยอมให้คนรุ่นหลังของสามตระกูลยาโบราณเป็นคนตะกละเหมือนอย่างจวินโม่ซี กินเยอะก็ไม่เป็นไร นางเลี้ยงไหว!
แต่เป็นเหมือนจิ้งจอกเจ้าเสน่ห์เช่นนี้ มันวุ่นวายจริง ๆ!
เซียวเหยาหยุดไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวขึ้นมาอีกว่า “ข้าน้อยล่วงเกินนายท่าน ข้าน้อยสมควรตายเป็นหมื่น ๆ ครั้ง ตำหนักเป่ยหานทำลายล้างตระกูลเซียวของข้าน้อย ข้าน้อยจึงคิดจะฆ่าประมุขน้อยเฉียนเยี่ยผู้ที่หัวหน้าตำหนักเป่ยหานโปรดปรานมากที่สุด เพื่อให้หัวหน้าตำหนักเป่ยหานรู้สึกเจ็บปวดใจ แต่กลับคิดไม่ถึงว่าจะเป็นนายท่าน…”
“นายท่านจะลงโทษข้าน้อยยังไงก็ได้ หากนายท่านไม่ลงโทษ ข้าน้อยก็ไม่อาจสบายใจได้เลย”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “แค่นั้น เจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก ต่อไปเจ้าก็ตั้งใจทำงานให้ข้าก็พอแล้ว! ไสหัวกลับไปพักผ่อนเถอะ! รักษาร่างกายของเจ้าให้หายดี หลุนหุย เจ้าคอยดูแลเขาให้ดี ให้เขากินยาตามเวลาด้วยล่ะ!”
มู่เฉียนซีไม่อยากอยู่เห็นหน้าเจ้านี่อีกต่อไปแม้แต่วินาทีเดียว สั่งเสร็จนางจึงรีบออกไปทันที! ขืนอยู่ต่อ นางต้องจัดการเจ้านี่แน่!
เซียวเหยากล่าว “หลุนหุย เจ้าก็คือหม้อหลุนหุยแห่งความตายใช่หรือไม่!”
หลุนหุยยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าก็นับว่าเป็นคนที่มีความรอบรู้อยู่บ้างนะเนี่ย รีบบำรุงร่างกายเถอะ ข้าหลอมยาพิษให้เจ้ามากเลยล่ะ!”
การมียาพิษชั้นยอดมากมายเช่นนี้นับเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้สีหน้าของเซียวเหยากลับแข็งทื่อไปเสียแล้ว เมื่อนึกว่าต้องกินเข้าไปอีก เขาก็รู้สึกอยากอาเจียนออกมาเสียจริง ๆ
มู่เฉียนซีกลับไปยังห้องของตัวเอง และกู้ไป๋อีก็ตามเข้าไป เขากล่าวเสียงขรึมว่า “ซีเอ๋อร์ เจ้าไม่ควรบอกให้ข้ารู้! เจ้าควรให้ข้าทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าได้หม้อเทพนิรันดร์มาตั้งนานแล้ว ได้มาก่อนที่จะได้เจอกับเจ้าอีก เสี่ยวไป๋ เจ้าพยายามทุ่มเทเพื่อปกป้องข้ามาโดยตลอด ข้าก็ไม่อยากจะปิดหูปิดตาเจ้า”
“แต่เจ้าไม่รู้จักเป่ยกงจั๋วดีพอ เขาโหดร้ายยิ่งกว่ามู่หลินหลางมาก”
มู่เฉียนซีกล่าว “ทำไมข้าต้องรู้จักเป่ยกงจั๋วนั่นด้วย เขาอยู่ไกลจากข้ามาก ข้าแค่เชื่อใจเจ้า เสี่ยวไป๋ และข้าก็อยากให้เจ้ารับรู้เอาไว้”
กู้ไป๋อีผงะไปครู่หนึ่ง ความเชื่อใจทั้งหมดที่นางมีให้เขา มันทำให้เขารู้สึกไม่หวาดกลัวต่อสิ่งใด
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “ท่านหัวหน้าตำหนัก ตอนนี้หม้อเทพนิรันดร์อยู่ในร่างของข้า ท่านหัวหน้าตำหนักจะฉีกเนื้อข้าแย่งชิงหม้อเทพนิรันดร์ไปเอาความดีความชอบหรือไม่?”
กู้ไป๋อีเดินไปตรงหน้ามู่เฉียนซี หลุบตามองนางอย่างช้า ๆ ใบหน้าที่เย็นยะเยือกราวกับน้ำแข็งหิมะนั้น ในตอนนี้เผยรอยยิ้มอันแสนอบอุ่นออกมา
“ซีเอ๋อร์เด็กโง่ ข้าจะทำเช่นนั้นได้ยังไงล่ะ!”
มู่เฉียนซีก็ตกใจสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย “ข้าไม่ได้โง่สักหน่อย!”
“เรื่องที่ซีเอ๋อร์ครอบครองหม้อเทพนิรันดร์ จะให้ใครรู้อีกไม่ได้เด็ดขาด”
สามารถปิดบังนานเท่าไหร่ก็ยิ่งดี!
แต่ต่อให้ปิดบังไม่ได้ เขาก็ไม่มีทางให้เป่ยกงจั๋วแตะต้องมู่เฉียนซีได้แม้แต่ปลายเล็บ
มู่เฉียนซีกล่าว “แน่นอนอยู่แล้ว”
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดขอรับ ข้าน้อยรู้แล้วว่าคนผู้นั้นเป็นใคร! คนผู้นั้นแซ่เซียว เป็นนางคณิกาในจุ้ยเมิ่งชวน เขาถูกนำตัวมาที่ตำหนักเป่ยหานเพราะว่าเขาวางแผนลอบสังหารประมุขน้อยเฉียนเยี่ยขอรับ!”
“อีกอย่าง เขายังเป็นชายที่แต่งหญิงด้วยขอรับ!”
ไม่นานนักก็มีร่างเงาดำหลายร่างพรวดเข้ามา
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุดขอรับ คนผู้นั้นใช้ทักษะลับ มันเหมือนกับทักษะลับของตระกูลเซียว หนึ่งในสามตระกูลยาโบราณมาก เหมือนที่ผู้นำตระกูลเซียวเคยใช้ทำลายตัวเองในเมื่อก่อนมาก มันเหมือนมากจริง ๆ ขอรับ!”
“เป็นอย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด!” ผู้อาวุโสสูงสุดยิ้มพลางกล่าว
“คนตระกูลยาโบราณ ในที่สุดก็หาตัวเจอจนได้ มู่หรงเฉียนเยี่ยมีความดีความชอบจริง ๆ! ไปเอาตัวคนผู้นั้นมาหาข้า บางทีเราอาจจะรู้จากปากเขาก็ได้ว่าแผนที่ม้วนไผ่โบราณของหม้อเทพนิรันดร์อยู่ที่ไหน”
“ขอรับ!”