เมื่อกู้ไป๋อีมาถึงทะเลสาบน้ำแข็งหิมะแห่งหนึ่ง ในตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดได้คุกเข่าลงตรงที่แห่งนั้นรออยู่แล้ว
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวด้วยความเคารพว่า “ท่านหัวหน้าตำหนัก ท่านมาแล้ว!”
“เจ้าไสหัวไปได้แล้ว!”
ผู้อาวุโสสูงสุดรีบตอบรับ “ขอรับ!”
ผู้อาวุโสสูงสุดไม่ได้อยู่นาน ไม่นานนักเขาก็จากไปแล้ว
กู้ไป๋อีกล่าว “เป่ยกงจั๋ว คราวนี้เจ้าจะทำอะไรอีกล่ะ?”
ในทะเลสาบน้ำแข็งหิมะนั้นมีร่างในชุดขาวร่างหนึ่งปรากฏอยู่ น้ำเสียงใสดุจดั่งน้ำในฤดูใบไม้ผลิเสียงหนึ่งดังก้องขึ้น
“ได้ยินมาว่าเจ้าเลี้ยงดูคนโปรดอยู่คนหนึ่ง ชายคนโปรดของเขาพอจะมีประโยชน์อยู่บ้าง ข้าต้องการให้เขานำทางไปตระกูลเซียว เจ้ายินยอมหรือไม่?”
กู้ไป๋อีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ได้สิ!”
“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้เห็นเจ้าตอบตกลงได้อย่างง่ายดายเช่นนี้!”
“ข้ามีเงื่อนไขอยู่ข้อหนึ่ง”
“นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าเจ้าจะเสนอเงื่อนไขกับข้า นิสัยเช่นนี้มันไม่เหมือนเจ้าเลยนะ” เป่ยกงจั๋วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจเล็กน้อย
“เอาวิชาลับต้องห้ามของตระกูลเป่ยกงให้ข้า” กู้ไป๋อียื่นเงื่อนไข
“ไม่มีปัญหา ก็แค่ของเล็ก ๆ น้อย ๆ เท่านั้นเอง”
น้ำเสียงคนหนึ่งอ่อนโยนทำให้เห็นถึงความใกล้ชิด ส่วนอีกคนกลับเย็นชาราวกับอยู่ไกลพันลี้ แต่การพูดคุยนี้เป็นไปด้วยความราบรื่นมาก
หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดจากไป เขาก็ไปหามู่เฉียนซี
“ประมุขน้อยเฉียนเยี่ย ที่ตระกูลเซียวมีกลิ่นอายของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพอยู่ พวกเราจะเดินทางไปที่นั่น ได้โปรดประมุขน้อยส่งตัวคนตระกูลเซียวให้ข้าด้วย”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าบอกว่าต้องการใครก็จะเอาไปได้อย่างนั้นเหรอ เจ้ามีสิทธิ์อะไร?”
“ท่านหัวหน้าตำหนักรับปากแล้ว ประมุขน้อยเฉียนเยี่ยอย่าได้ขัดคำสั่งของท่านหัวหน้าตำหนักจะดีกว่า”
ฝ่าบาทลงมือเองแล้ว กู้ไป๋อีไม่อาจปฏิเสธได้!
ดวงตาของเซียวเหยาหม่นหมองลง หัวหน้าตำหนักเป่ยหานผู้นี้เชื่อใจไม่ได้อย่างที่คิดเอาไว้ไม่มีผิด!
นายท่านถูกเขาหลอกแล้ว!
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่เชื่อ! หัวหน้าตำหนักบอกให้ข้ามอบตัวเขาให้เจ้าอย่างนั้นเหรอ รอให้เขามาพูดกับข้าด้วยตัวเอง ข้าถึงจะยอมส่งเขาให้เจ้า!”
“อย่างไรเสียท่านหัวหน้าตำหนักก็ตอบตกลงแล้ว ในเมื่อประมุขน้อยเฉียนเยี่ยไม่ยอมส่งตัวเขามา เช่นนั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เกรงใจ”
กล่าวจบ ผู้อาวุโสสูงสุดก็ให้คนมาแย่งชิงตัวทันที
หากมู่หรงเฉียนเยี่ยไม่คัดค้าน เขาก็จะไม่ทำร้ายเขา
แต่หากคัดค้านแล้วละก็ เขาก็จะลงมือทำให้ประมุขน้อยผู้นี้เป็นคนไร้ประโยชน์ไปเสีย เมื่อถึงตอนนั้นต่อให้กู้ไป๋อีจะปกป้องเจ้าเด็กนี่ เขาก็จะบอกว่าเป็นความผิดพลาดได้
และในขณะที่พวกเขากำลังจะพุ่งเข้ามานั้น เซียวเหยาก็กล่าวขึ้นว่า “ท่านประมุขน้อยเฉียนเยี่ย ข้าน้อยไม่อยู่กับท่านแล้ว ข้าต้องขอตัวก่อน!”
“ขวางเขาเอาไว้ อย่าให้หนีไปได้!” ผู้อาวุโสสูงสุดตะโกนสั่งให้คนขวางเซียวเหยาไว้
มู่เฉียนซีย่อมรู้ดีว่าเซียวเหยากลัวผู้อาวุโสสูงสุดจะทำร้ายนาง เขาจึงตัดสินใจจะหนีไปจากที่นี่ แต่ลำพังตัวเขาคนเดียวไม่สามารถหนีรอดไปจากเงื้อมมือของผู้อาวุโสสูงสุดได้แน่นอน
“เงาจันทราหนาวเหน็บ!”
กระบี่ของมู่เฉียนซีออกจากฝัก และลงมือทันที
ผู้อาวุโสสูงสุดส่งสายตาให้ลูกน้อง และลูกน้องของเขาก็ทำการห้อมล้อมนางทันที
“ประมุขน้อยเฉียนเยี่ย อย่าได้เอาแต่ใจตัวเองนักเลย”
มู่เฉียนซีตะโกนด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ไสหัวออกไป!”
พลังธาตุวารีพรั่งพรูออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“ดูท่าประมุขน้อยเฉียนเยี่ยคงจะถูกเจ้าคนผู้นั้นทำเสน่ห์เข้าแล้ว ข้าทำให้เพียงแค่ล่วงเกินแล้วล่ะ”
ตูม!
ครั้นแล้ว ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มต่อสู้กัน หลิงที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ยืนกัดฟันกรอดจนเลือดแทบจะไหลออกมาแล้ว
เห็นคนมากมายลงมือกับซีเอ๋อร์เช่นนี้ แต่เขากลับไม่สามารถทำอะไรได้! แม้ว่าเขาจะมีพลังความแข็งแกร่งก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี!
คนเหล่านี้พุ่งเข้าไป อาศัยความแข็งแกร่งของตัวเองลอบลงมือกับมู่เฉียนซีด้วยวิธีการต่าง ๆ หากไม่ใช่เพราะมู่เฉียนซีมีความเร็วพอแล้วละก็ คาดว่าต้องได้รับบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่
และในขณะที่ผู้อาวุโสสูงสุดคิดว่าตนเองจะชนะอยู่แล้วนั้น จู่ ๆ ร่างในชุดสีดำแดงร่างหนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้น
วายุพัดกระโชกมาทำร้ายลูกน้องของผู้อาวุโสสูงสุดไม่น้อย น้ำเสียงอันสง่าเสียงหนึ่งดังขึ้น “พวกมดปลวกเหล่านี้ นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะลงมือทำร้ายประมุขน้อยแห่งตำหนักเป่ยหานเช่นนี้ นี่เป็นกฎของตำหนักเป่ยหานของพวกเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”
เส้นผมสีดำขลับสยายยาวลงมาดุจดั่งผ้าไหมชั้นดี ดวงตาสีอำพันคู่นั้นงดงาม มีสง่าและดูสูงศักดิ์มาก
“นายน้อยอวิ๋นซิว!” ทุกคนอุทานขึ้น
เฟิงอวิ๋นซิวถูกมู่เฉียนซีบีบบังคับให้อยู่รักษาตัวที่หอหมอปีศาจ ถึงแม้ช่วงนี้มู่เฉียนซีจะไม่ค่อยได้ไปที่หอหมอปีศาจ แต่นางก็ให้คนเอายาไปส่งให้เขาอย่างสม่ำเสมอ
ในตอนนี้อาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว และเขาก็อยากมาเยี่ยมเยียนสหายเก่าที่ตำหนักเป่ยหาน แต่คิดไม่ถึงเลยว่าจะได้เจอกับสถานการณ์เช่นนี้ ไป๋อู๋ห่าย แม้ว่าจะมองหน้าแล้วรู้สึกไม่ชอบขี้หน้า แต่ก็ไม่กล้าลงมือกับเขาเช่นนี้แน่นอน!
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “ข้าไม่รู้ว่านายน้อยอวิ๋นซิวจะมาเยือนตำหนักเป่ยหาน ต้องขออภัยด้วยที่ทำให้เห็นเรื่องตลกเช่นนี้เข้า พวกเราไม่ได้ตั้งใจจะทำร้ายประมุขน้อยเฉียนเยี่ยแต่อย่างใด ประมุขน้อยของพวกเราเป็นคนที่ซุกซนเช่นนี้นี่แหละ ก็เลย…”
“ความซุกซน ข้าก็เคยชินนะ แต่พวกเจ้ากลับกล้ามาลงมือที่นี่ เช่นนี้ก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!”
ทันใดนั้นเองน้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น จากนั้นลำแสงกระบี่ที่แสนเยียบเย็นก็ตามมา
“ท่านหัวหน้าตำหนักโปรดไว้…”
ไม่ทันกล่าวคำขอร้องอ้อนวอนให้ไว้ชีวิตได้จบ คนเหล่านี้ต่างก็ตายตกกันไปทีละคน
ปัง ปัง ปัง!
คนเหล่านี้ล้วนเป็นยอดฝีมือของตำหนักเป่ยหาน กู้ไป๋อีบอกตายก็ตายไปทันที
เขาเองก็คิดไม่ถึง ผู้อาวุโสสูงสุดเพิ่งจะกลับมาไม่นาน นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าลงมือกับมู่เฉียนซีเช่นนี้
“ท่านหัวหน้าตำหนัก!” นอกจากผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว กู้ไป๋อีลงมือฆ่าไม่เหลือแม้แต่คนเดียว
ฉึก! กระบี่ฟันลงไปที่แขนของผู้อาวุโสสูงสุดจนเกิดบาดแผลลึกจนเห็นกระดูก
“ท่านหัวหน้าตำหนัก ข้าก็แค่จะมาเอาตัวเขา ท่าน…”
นับตั้งแต่เจ้าเด็กมู่หรงเฉียนเยี่ยผู้นี้ปรากฏตัวขึ้น กู้ไป๋อีก็มีเรื่องกับเขามาโดยตลอด ผู้อาวุโสสูงสุดรู้สึกปวดหัวยิ่งนัก!
“เรื่องนี้ข้าจัดการเองได้! เจ้าไสหัวไปได้แล้ว!” แม้ว่าจะลงมือฆ่าคนไปมากเพียงนี้แล้ว แต่แววตาของกู้ไป๋อีในตอนนี้ก็ยังคงเต็มไปด้วยจิตสังหารอยู่
ในตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่กล้าที่จะอยู่ต่อแล้ว ทำได้เพียงแค่กล่าวว่า “ข้า ขอลา!”
นี่เป็นครั้งแรกที่เฟิงอวิ๋นซิวได้เห็นกู้ไป๋อีปกป้องลูกศิษย์เช่นนี้ นึกไม่ถึงเลยว่ากู้ไป๋อีคนที่เย็นชาถึงเพียงนั้นจะปกป้องเฉียนเยี่ยถึงเพียงนี้ เขารู้สึกดีใจแทนเฉียนเยี่ยจริง ๆ
เซียวเหยากลับมายืนข้างกายมู่เฉียนซีอีกครั้ง ถึงแม้ว่ากู้ไป๋อีจะปกป้องมู่เฉียนซีและแก้แค้นให้อย่างไร้เหตุผล
อย่างไรก็ตาม ในใจของเขากลับรู้สึกว่ากู้ไป๋อีผู้นี้แสดงละครเก่งเกินไปแล้วจริง ๆ!
เฟิงอวิ๋นซิวมาที่นี่ มันเป็นเรื่องที่เกินความคาดหมายของกู้ไป๋อีจริง ๆ
เขากล่าว “นายน้อยอวิ๋นซิว ข้ามีเรื่องจะปรึกษากับเฉียนเยี่ยเป็นการส่วนตัว เกรงว่าวันนี้จะไม่มีเวลาต้อนรับเจ้าแล้ว”
เฟิงอวิ๋นซิวตั้งใจจะมาเยี่ยมเยียนสหายเก่า นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกหัวหน้าตำหนักเป่ยหานกล่าววาจาขับไล่เช่นนี้ แต่ดูจากสถานการณ์แล้วพวกเขาคงจะมีเรื่องใหญ่ต้องปรึกษากันจริง ๆ เขาก็ไม่อยากจะอยู่รบกวน!
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ที่ข้ามาวันนี้ก็แค่มาเยี่ยมเฉียนเยี่ยเท่านั้น เห็นเฉียนเยี่ยสบายดีเช่นนี้ ข้าก็ไม่อยู่รบกวนนาน”
มู่เฉียนซีกล่าว “คนป่วยก็ควรจะอยู่พักฟื้นร่างกาย นึกไม่ถึงเลยว่าจะออกมาเช่นนี้ รีบกลับไปพักผ่อนเถอะ!”
เฟิงอวิ๋นซิวยิ้มพลางกล่าว “ก็ได้!”
มู่เฉียนซีเดินเข้าไปในห้องกับกู้ไป๋อี ส่วนเซียวเหยาถูกทิ้งให้อยู่ด้านนอก
นายท่านจะส่งเขาไปให้คนพวกนั้นจริง ๆ เหรอ!
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ ตาเฒ่านั่นบอกว่าเจ้าตอบตกลงรับปากว่าจะส่งตัวเซียวเหยาให้เขาอย่างนั้นเหรอ?”
“ข้าจะเป็นคนพาเขาไปตระกูลเซียวด้วยตัวเอง และจะเอาตัวเขากลับมาอย่างปลอดภัย”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เสี่ยวไป๋ แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่ามหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพที่อยู่ที่ตระกูลเซียวมันคือสิ่งใด?”
“ไม่รู้!”
“มันคือหม้อหยินหยางสองขั้ว หม้อเลียนแบบของหม้อเทพนิรันดร์”
“ข้าพาเขาไปก็พอแล้ว ส่วนหม้อเทพนั่น หากซีเอ๋อร์ต้องการ ข้าจะเอามาให้เจ้า” กู้ไป๋อีให้คำมั่น
ดวงตาของมู่เฉียนซีเปล่งประกายขึ้นทันที “เสี่ยวไป๋ นี่เจ้าหมายความว่า เจ้าแค่มีหน้าที่พาเซียวเหยาไปเท่านั้น ไม่ต้องการแย่งชิงหม้อเทพใช่หรือไม่?”