ดวงตาคู่นั้นมองมู่เฉียนซีด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ถึงแม้ว่ามือจะขยับไม่ได้ แต่สองขาก็ต้องการจะพัวพันอยู่ดี
ฟึ่บ ฟึ่บ! เข็มยาอีกสองเข็มปักลงบนขาของนาง!
ปัง! และในขณะที่สองมือสองขาของอวิ๋นเหลียนเอ๋อร์ชี้ฟ้านั้น หัวหน้าวังอวิ๋นก็ฉวยโอกาสนี้โจมตีมู่เฉียนซี
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!”
ก่อนการโจมตีนั้นจะมาถึงตัว มู่เฉียนซีรีบป้องกัน แต่นางก็ยังถูกพลังนั้นโจมตีจนร่างกระเด็นลอยออกไปอยู่ดี!
ปัง!
แน่นอนว่าหัวหน้าวังอวิ๋นไม่ยอมให้ประมุขน้อยเฉียนเยี่ยตาย กระบวนท่านี้ของเขาจึงไม่ใช่กระบวนท่าสังหาร แต่มันกลับทำให้มู่เฉียนซีได้รับบาดเจ็บ
หัวหน้าวังอวิ๋นกอดบุตรสาวของตัวเองพลางกล่าว “เหลียนเอ๋อร์ เป็นยังไงบ้าง!”
“ท่านพ่อ ขาของข้าขยับไม่ได้แล้ว ตราบใดที่จับตัวประมุขน้อยเฉียนเยี่ยมาได้ ข้า ข้า…” อวิ๋นเหลียนเอ๋อร์บิดเอวไปมาพลางกล่าว
หัวหน้าวังอวิ๋นกล่าว “เหลียนเอ๋อร์ เจ้าวางใจได้! ชายผู้นี้ต้องเป็นของเจ้าแน่นอน”
ฉวยโอกาสตอนที่ประมุขน้อยเฉียนเยี่ยได้รับบาดเจ็บโจมตีเข้าไปอีกครั้ง
มู่เฉียนซีรีบหลบหลีก ต่อมาจู่ ๆ นางก็พบว่าร่างกายของตนเองร้อนผ่าวขึ้น และหน้ามืดลง
นางก็โดนเข้าแล้วเหรอ!
“ถึงแม้ว่าร่างกายของนายท่านจะต้านทานต่อพิษนับร้อย แต่วิธีการของเสี่ยวหยางหยางกลับไม่ใช่การวางยาพิษ แต่เป็นเพียงแค่ยาก็เท่านั้น บางส่วนก็เป็นยาที่ฝ่าบาทสร้างขึ้นมาเพื่อเพิ่มอารมณ์สุนทรีย์ให้มันคึกคักขึ้น”
มู่เฉียนซีกัดฟันกรอดพลางกล่าว “เจ้าบ้านิรันดร์ สร้างยาบ้าอะไรออกมา คอยดูนะข้าจะฟ้องครอบครัวของเจ้า!”
หลุนหุยกล่าว “นายท่าน ฝ่าบาทเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพ ไม่มีครอบครัวหรือญาติพี่น้อง แต่หากพูดถึงครอบครัว ก็เกรงว่าคงจะมีเพียงแค่นายท่านเท่านั้นแล้วที่เป็นครอบครัวของฝ่าบาท”
สีหน้าของมู่เฉียนซียิ่งดำคล้ำมากขึ้น “เจ้าไม่พูดก็ไม่มีใครหาว่าเจ้าเป็นใบ้นะ!”
“ฮือ ๆ ๆ! ข้าไม่พูดแล้ว ข้าไม่พูดแล้ว…”
ชิงมู่กล่าวอย่างเข้าอกเข้าใจว่า “นายท่าน นายท่านมียาหัวใจโพธิ์ กินเข้าไปแล้วก็น่าจะไม่เป็นอะไร”
หลุนหุยอดที่จะเอ่ยปากพูดไม่ได้ “มันก็ไม่แน่นะ เสี่ยวหยางหยางหลับใหลไปนานมากเช่นนั้น ตื่นขึ้นมาจะต้องเล่นใหญ่แน่นอน พิษที่แผ่ซ่านในอาณาจักรหยินและหยาง บางทีก็ไม่แน่ว่ามันอาจจะเพิ่มปริมาณขึ้น”
เส้นเลือดผุดพรายขึ้นบนหน้าผากของมู่เฉียนซี “ชิงมู่ ที่หลุยหุยพูดมันจริงเหรอ?”
อันที่จริงชิงมู่เองก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน “มีโอกาสที่จะเป็นไปได้ แต่สถานการณ์ในตอนนี้ นายท่านยังสามารถยับยั้งได้อยู่”
หัวหน้าวังอวิ๋นเองเมื่อเห็นสีหน้าของประมุขน้อยเฉียนเยี่ยแดงก่ำขึ้นแล้ว เขายิ้มและกล่าวว่า “ประมุขน้อยเฉียนเยี่ย ดูท่าเจ้าก็โดนพิษเข้าแล้วเช่นกัน ถ้าอย่างนั้นจะมัวแต่ฝืนใจอยู่ทำไมล่ะ ช่วยเหลือซึ่งกันและกันจะดีกว่านะ!”
“ในกลุ่มมีหญิงสาวอยู่เพียงสองคนเท่านั้น นั่นก็คือบุตรสาวของข้ากับคุณหนูอวี้ ตอนนี้ไม่รู้ว่าคุณหนูอวี้อยู่ที่ไหน เจ้าเลือกได้แค่บุตรสาวของข้าคนเดียวเท่านั้นแล้ว”
เรื่องนี้ หัวหน้าวังอวิ๋นมั่นใจมากว่าจะเอาชนะได้
บุตรสาวของตัวเองถูกพิษนั้นทรมานจนเป็นเช่นนี้แล้ว เขาไม่เชื่อหรอกว่าเจ้าเด็กมู่หรงเฉียนเยี่ยผู้นี้จะสามารถอดทนได้
และต่อให้เขาไม่ลงมือ เจ้าเด็กผู้นี้ก็ต้องลงมือทำเองแต่โดยดีแน่นอน!
สีหน้าของมู่เฉียนซีเย็นยะเยือกขึ้น ฤทธิ์ของยาป้องกันนั้นไม่เพียงพอ มู่เฉียนซีจึงกลืนยาหัวใจโพธิ์เข้าไปสามเม็ด
ในที่สุดก็สามารถยับยั้งความร้อนรุ่มนั้นได้ พร้อมกันนั้นนางก็ได้สาปแช่งนิรันดร์อยู่ในใจไปเป็นหมื่นเป็นพันครั้งแล้ว ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพราะเจ้านั่นคนเดียวที่คิดค้นยาบ้า ๆ นี่ขึ้นมา
มู่เฉียนซีเหลือบมองหัวหน้าวังอวิ๋นด้วยความเย็นชาพลางกล่าว “ต่อให้ข้าถูกยานั่นควบคุม ข้าก็ไม่มีทางให้เจ้าทำสำเร็จหรอก”
“ไม้อ่อนไม่ชอบ ชอบให้ใช้ไม้แข็ง!” สีหน้าของหัวหน้าวังอวิ๋นเคร่งขรึมลง
กล่าวจบ เขาก็ลงมือกับมู่เฉียนซีอีกครั้ง!
มู่เฉียนซีกล่าว “หัวหน้าวังอวิ๋น ข้ามียาลูกกลอนยับยั้งพิษนั่น ขอเพียงแค่เจ้าล้มเลิกความคิดที่จะลงมือกับข้า ข้าก็จะปล่อยบุตรสาวของเจ้าไป”
ใครจะไปคิดว่าหัวหน้าวังอวิ๋นจะกล่าวปฏิเสธออกมา
“ไม่จำเป็น ประมุขน้อยเฉียนเยี่ยใช้ได้ผลกว่ายาลูกกลอนนั่นมาก!”
เขาจะยอมพลาดโอกาสนี้ให้บุตรสาวของเขาได้อย่างไรกัน!
มู่เฉียนซีเองก็กลัดกลุ้มใจมาก เป้าหมายที่แท้จริงของเจ้านี่นั้นไม่ได้เป็นห่วงบุตรสาวตัวเองเลยแม้แต่น้อย เขาสนใจเพียงแค่ประมุขน้อยแห่งตำหนักเป่ยหานผู้นี้เท่านั้น
“เงาจันทราคู่!” คมกระบี่ตัดผ่านอากาศเป็นเส้นโค้ง!
หัวหน้าวังอวิ๋นเข้ามาใกล้ พลังวิญญาณห่อหุ้มฝ่ามือของเขาไว้ และในขณะที่เขาหลบหลีกกระบี่สองเล่มของมู่เฉียนซีนั้น เขาก็โจมตีจนกระบี่ในมือมู่เฉียนซีหลุดลอยออกไป
แกร๊ง! กระบี่หักกลางอากาศและร่วงลงพื้นไป
หัวหน้าวังอวิ๋นกล่าวด้วยความลำพองใจว่า “ประมุขน้อยเฉียนเยี่ย กระบี่ของเจ้าหักแล้ว เจ้ายังจะดิ้นรนดื้อรั้นต่อไปอีกเหรอ?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ามีทางเลือกทางรอดให้เจ้าแล้วแต่เจ้ากลับไม่เลือกมัน ตอนนี้ข้าคงทำได้เพียงแค่ส่งเจ้าไปตายแล้วล่ะ”
กระบี่ยาวสีแดงฉานดุจดั่งดวงสุริยันเล่มหนึ่งถูกมู่เฉียนซีชักออกมาจากฝัก ในขณะที่กระบี่เล่มนี้ถูกชักออกมานั้น หัวหน้าวังอวิ๋นก็รู้สึกหวาดกลัวขึ้นโดยสัญชาตญาณจึงรีบร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าว
เขาพึมพำเสียงเบาว่า “นี่มันกระบี่อะไรกัน นึกไม่ถึงเลยว่าจะมีพลังธาตุอัคคีที่น่ากลัวถึงเพียงนี้”
มู่เฉียนซีตะโกนเสียงเย็นชาว่า “มังกรเพลิงสังหาร!”
มังกรเพลิงสีแดงฉานพุ่งออกมา เมื่อเผชิญหน้ากับความรู้สึกที่แผดเผาทำลายล้างทุกสิ่งอย่างเช่นนี้เข้า หัวหน้าวังอวิ๋นก็รีบหลบหลีกทันที
จากนั้นมู่เฉียนซีก็ฉวยโอกาสลงมือเอาชนะ นางลงมืออีกครั้ง “บัวแดงพิฆาต!”
ตูม! เห็น ๆ กันอยู่ว่าหัวหน้าวังอวิ๋นพยายามต้านทานอย่างสุดชีวิตแล้ว แต่ก็ยังคงถูกบัวอัคคีนี้โจมตีจนกระเด็นลอยออกไป พร้อมกันนั้นผิวหนังของเขาก็ถูกเปลวไฟแผดเผา
เขานอนอยู่ในกองซากปรักหักพัง และจู่ ๆ ก็หัวเราะขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ! วิญญาณกระบี่พลังธาตุอัคคีที่แข็งแกร่งถึงเพียงนี้ อีกทั้งพลังของเจ้า ที่แท้…ที่แท้…”
“เจ้าก็คือมู่เฉียนซีผู้ที่ครอบครองกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ผู้นั้น กระบี่เทพพลังธาตุอัคคีที่ทั้งแข็งแกร่งและวิปริตเช่นนี้ ต้องเป็นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไม่ผิดแน่นอน”
มู่เฉียนซีได้ครอบครองกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ กองกำลังหลายกองกำลังใช้วิธีการต่าง ๆ มากมายเพื่อสืบข่าวนี้ พวกเขาจึงรู้เบาะแสเหล่านี้
ตอนนี้มู่เฉียนซีเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ออกมาแล้ว เขาในฐานะที่เป็นหัวหน้าวังอวิ๋นซิงย่อมคาดการณ์เรื่องเหล่านี้ได้
ในที่สุดเขาก็ได้เข้าใจแล้วว่าเหตุใดประมุขน้อยเฉียนเยี่ยผู้นี้ถึงได้มีท่าทางไม่สนใจบุตรสาวผู้อ่อนโยนของเขาเช่นนี้ นั่นก็เป็นเพราะว่านางก็เป็นผู้หญิงเหมือนกัน
เขาลุกขึ้นยืนและมองไปที่มู่เฉียนซี “มิน่าล่ะว่าทำไมถึงไม่มีใครตามหาตัวเจ้าพบ ที่แท้เจ้าก็แอบซ่อนตัวอยู่ในตำหนักเป่ยหานนี่เอง อีกทั้งยังกลายเป็นประมุขน้อยเฉียนเยียผู้มีชื่อเสียงลือเลื่องอีกด้วย”
เขากลืนยาลูกกลอนเม็ดหนึ่งเข้าไป ไม่มีทางอื่นแล้ว!
เผชิญหน้ากับมู่เฉียนซี เขาไม่กล้าที่จะประเมินฝีมือนางต่ำเลย จำเป็นต้องพยายามอย่างสุดชีวิต!
เดิมทีเขาที่มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า และตอนนี้พลังวิญญาณของเขาก็พุ่งขึ้นเต็มเปี่ยมแล้ว “ในเมื่อวันนี้ข้าได้เจอตัวเจ้าแล้ว เช่นนั้นกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ก็ต้องเป็นของข้า”
ตอนนี้เขาไม่ได้สนใจบุตรสาวที่กำลังโดนพิษแล้ว รวมถึงไม่อยากให้บุตรสาวของตัวเองได้ตบแต่งกับตำหนักเป่ยหานอีกต่อไปด้วยเช่นกัน เพราะหากได้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาครอบครอง ไม่ว่าความทะเยอทะยานใดก็สามารถกลายเป็นความจริงได้
มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงในมือแน่นพลางกล่าว “อย่าคิดว่าเจ้ากินยาลูกกลอนเพิ่มพลังเข้าไปแล้วจะทำอะไรข้าได้นะ”
“งั้นเจ้าก็ลองดูก็แล้วกัน?” พลังอำนาจของยอดฝีมือขั้นสูงสุดเป็นพลังที่มู่เฉียนซีรับมือได้ยากที่สุดแล้ว
เปลวไฟของกระบี่มังกรเพลิงเปล่งประกายขึ้น มู่เฉียนซีเตรียมจะให้อู๋ตี้กับเสี่ยวหงออกมาต่อสู้กับเจ้านี่!
และในขณะที่มู่เฉียนซีกำลังจะทุ่มสุดตัวเพื่อที่จะรับมือกับศัตรูผู้นี้ จู่ ๆ หัวหน้าวังอวิ๋นที่กำลังพุ่งเข้ามานั้นก็มีสีหน้าที่เปลี่ยนไป
ในร่างกายของเขามีเปลวไฟชั่วร้ายลูกหนึ่งกำลังวิ่งวนอยู่ในร่าง เขาเจ็บปวดจนจำใจต้องใช้พลังวิญญาณยับยั้งเอาไว้
ฉวยโอกาสตอนที่ศัตรูกำลังแย่เอาชีวิตศัตรู มู่เฉียนซีรีบพุ่งเข้าไปใกล้หัวหน้าวังอวิ๋น ทันใดนั้นทักษะวิญญาณหนึ่งก็โจมตีออกไป
“ทักษะโยวหลัว!”
ตูม! หัวหน้าวังอวิ๋นที่เดิมทีพลังวิญญาณพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดแล้วและต้องการแสดงพลังอำนาจออกมา แต่นึกไม่ถึงเลยว่าจะถูกมู่เฉียนซีผู้ที่มีพลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเจ็ดโจมตีจนร่างกระเด็นลอยออกไปเช่นนี้ได้!
.