มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าจะพูดอีกครั้ง อย่าได้ทำให้ข้าเสียเวลามากไปกว่านี้ ขืนเจ้ายังลีลาไม่เลิก ข้าจะเอายาพิษทำลายใบหน้าของเจ้าให้เสียโฉมซะ”
“ฮือ ๆ ๆ! ข้าจะนำทางไปเดี๋ยวนี้ นายท่าน ข้าน้อยรู้ผิดแล้ว” เซียวเหยารีบเอามือจับใบหน้าตัวเองพลางกล่าว
ในฐานะที่ตระกูลเซียวเป็นหนึ่งในสามตระกูลยาโบราณย่อมต้องมีสระเย็นอยู่แล้ว ซึ่งมันซ่อนตัวอยู่ในภูเขาด้านหลังของตระกูลเซียวนั่นเอง
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง! เฝ้ารอบ ๆ ไว้ อย่าให้ใครเข้ามาได้”
มู่เฉียนซีมองไปสระน้ำอันเย็นยะเยือกนั้นและกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้าลงไปก่อน”
กู้ไป๋อีตกใจผงะไป “แล้วเจ้าล่ะ?”
เซียวเหยากล่าว “หัวหน้าตำหนักเป่ยหาน ชายหญิงต่างเพศ ท่านคงไม่คิดจะให้นายท่านของข้าลงสระน้ำไปพร้อมกับท่านหรอกกระมัง!”
สภาพจิตใจที่มั่นคงของเขาแทบจะพังทลายลงเมื่อได้ยินคำพูดนี้ของเซียวเหยา
ลงสระน้ำพร้อมกัน! กับ…
“ซีเอ๋อร์ลงไปก่อนเถอะ” เขากล่าวเสียงขรึม
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าเป็นนักปรุงยา อีกอย่างอาการเจ้ารุนแรงกว่าข้า เจ้าวางใจเถอะ! ขืนให้ข้าลงไปก่อน ถึงตอนนั้นแล้วเจ้าทนไม่ได้ขึ้นมาแล้วจะทำยังไง?”
“ข้าทนได้! ข้าฝึกฝนวิชากระบี่มา ไม่เป็นไร!”
มุมปากของเซียวเหยากระตุกขึ้นเล็กน้อย คำพูดนี้แม้แต่ผีก็ยังไม่เชื่อ!
หัวหน้าตำหนักเป่ยหานผู้เย็นชาผู้นี้ต้องคิดไม่ดีต่อนายท่านเป็นแน่ แต่ก็มีเพียงแค่นายท่านของพวกเขาเท่านั้นที่ดูไม่ออก
ความยืนหยัดของกู้ไป๋อีในครั้งนี้มู่เฉียนซีก็ไม่อยากพูดอะไรมากแล้ว
ปัง! นางลงมือผลักกู้ไป๋อีลงไป
กู้ไป๋อีนึกไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะลอบลงมือกับเขาเช่นนี้ ทำให้เขาตกลงไปสระน้ำเย็นทันใด
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ายังไม่อายเลย แล้วเจ้าจะอายทำไมกันล่ะเสี่ยวไป๋ ค่อย ๆ ปรับสมดุลไปล่ะ ข้าจะหลอมยาแล้ว”
ครั้งนี้หม้อหยินหยางสองขั้วทำให้นางต้องควักของล้ำค่าออกมาใช้ไม่น้อย มู่เฉียนซีจึงต้องทุ่มหมดหน้าตัก ดังนั้นนางจึงเอาหม้อวิญญาณนิรันดร์ออกมา
“นายท่าน!” นึกไม่ถึงเลยว่ามู่เฉียนซีจะเอาหม้อวิญญาณนิรันดร์ออกมาแล้ว อีกทั้งยังเอาออกมาต่อหน้าต่อตากู้ไป๋อีอีกด้วย สิ่งนี้ทำให้เซียวเหยาตื่นตระหนกไม่น้อย
“สงบสติอารมณ์หน่อย!” มู่เฉียนซีกล่าวเตือน
จากนั้นมู่เฉียนซีก็เริ่มหลอมยา และปรุงเป็นยาแผนปัจจุบันด้วย…
การเคลื่อนไหวที่คล่องแคล่วชำนิชำนาญนั้นทำให้เซียวเหยามองด้วยความหลงใหล เขามองมู่เฉียนซีอย่างไม่อาจคลาดสายตาได้
สมกับเป็นคนที่ท่านหม้อวิญญาณนิรันดร์ทำพันธสัญญาด้วยจริง ๆ อายุยังน้อย แต่กลับมีความสามารถในการหลอมยาที่น่าทึ่งมาก
ผงยา ยาแผนปัจจุบัน(ยาน้ำ) และยาลูกกลอน ถูกมู่เฉียนซีเทลงไปในสระเย็น
เซียวเหยากล่าวถามว่า “นายท่าน ยาเสน่ห์ของท่านหม้อหยินหยางสองขั้ว แต่ไหนแต่ไรมายังไม่เคยมีผู้ใดแก้ได้มาก่อน นายท่านมีวิธีแก้ได้จริง ๆ เหรอ?”
“หากแก้ไม่ได้ ขะ ข้า…ข้าจะรีบพานายท่านออกไป ข้ารู้ดีว่านายท่านก็คงไม่สนใจรูปร่างหน้าตาของข้าหรอก…”
กู้ไป๋อีที่กำลังหลับตาปรับสมดุลร่างกายอยู่นั้นพลันลืมตาขึ้นมา สายตานั้นเกรี้ยวโกรธประหนึ่งจะเอากระบี่แทงหัวใจเซียวเหยาเป็นพัน ๆ เป็นหมื่น ๆ ครั้งก็มิปาน
“เขาบอกว่าไม่มียาใดที่แก้ได้ นั่นก็เป็นเพราะเจ้านั่นมันไร้ซึ่งหลักธรรม มันย่อมไม่มียาแก้แน่นอน แต่ตราบใดที่อนุมานได้หลาย ๆ รอบก็จะรู้วิธีแก้ได้เอง” มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเชื่องช้า
นางมองไปที่กู้ไป๋อีและกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้าอดทนหน่อยนะ!”
ผ่านไปชั่วครู่หนึ่ง ร่างของกู้ไป๋อีพลันแดงก่ำขึ้นทั้งตัว
เขาอยากจะตะโกนร้องออกมาด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง แต่เขาไม่อยากสูญเสียบุคลิกไปต่อหน้านางเช่นนี้
เขากัดฟันอดทนเอาไว้ แม้ว่าเลือดจะเต็มปาก เขาก็จะไม่ยอมสูญเสียความเย็นชาของเขาไป
มู่เฉียนซีโยนยาลูกกลอนไปเม็ดหนึ่งพลางกล่าว “เสี่ยวไป๋ กินยาลูกกลอนนี่ซะ! นอนพักสักหน่อยเจ้าก็จะดีขึ้นเอง”
กู้ไป๋อีรับยาลูกกลอนเม็ดนั้นมาและสะดุ้งไปเล็กน้อย สถานการณ์มาถึงขั้นนี้แล้ว จะนอนหลับไปได้อย่างไรกัน
มู่เฉียนซีเดินไปที่ริมสระก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เป็นอะไรไปล่ะ เสี่ยวไป๋ เจ้ากลัวว่าจะหลับใหลหมดสติไปแล้วข้าจะทำมิดีมิร้ายกับเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”
ถูกหยอกล้ออีกแล้ว สีหน้าของกู้ไป๋อียิ่งทวีความแดงก่ำขึ้น
“ข้ากลัวเจ้าจะมีอันตราย”
เซียวเหยากล่าว “หัวหน้าตำหนักเป่ยหาน ท่านรีบหลับ ๆ ไปเถอะ! ท่านหลับไป นายท่านของข้าจะได้มีกะจิตกะใจแก้พิษยานี่สักที ที่นี่คือหลังภูเขาของตระกูลเซียว นอกจากข้าแล้วก็ไม่มีใครรู้ ไม่มีอันตรายหรอก”
“หรือว่าท่านไม่อยากให้นายท่านของข้าแช่น้ำห๊ะ?” เซียวเหยามองเขาพลางกล่าวด้วยความเคลือบแคลงสงสัย
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้ามีทางเลือกเพียงแค่สองทางเท่านั้น หนึ่งเจ้ากินยาลูกกลอนนั่นเอง สองให้ข้ายัดใส่ปากเจ้า”
สิ่งที่นิรันดร์ทำออกมามันยอดเยี่ยมเพียงใด ในฐานะที่นางเป็นผู้ทำพันธสัญญา ได้รับมรดกของเขามา มีเหรอที่นางจะไม่รู้
หากยังไม่หลับไป คาดว่ารสชาตินั้นจะทำให้ไม่อาจขอร้องอ้อนวอนได้แน่นอน
เผชิญหน้ากับการข่มขู่เช่นนี้ กู้ไป๋อีจึงได้ได้เพียงแค่ยินยอม
ใครใช้ให้เขาหมดเรี่ยวแรงไปในตอนนี้กันเล่า เขาไม่อาจขัดขืนได้เลยแม้แต่น้อย
ครั้นแล้วกู้ไป๋อีจึงกินยาลูกกลอนนี้เข้าไปและหลับไป เซียวเหยาลากกู้ไป๋อีมาที่ริมสระ
เขากล่าวกับมู่เฉียนซีอย่างร้อนอกร้อนใจว่า “นายท่าน นายท่านรีบแก้ยาในร่างนายท่านเร็วเข้า! ข้าน้อยจะไม่แอบดูเด็ดขาด รับปากได้”
กู้ไป๋อีผู้เป็นยอดฝีมือยังอดทนไม่ไหว อันที่จริงนายท่านก็น่าจะอดทนจนถึงขีดจำกัดแล้วกระมัง
เสี่ยวหงกล่าว “เจ้าไม่กล้าแอบดูหรอก ขืนเจ้ากล้าแอบดู ข้าก็จะเผาตาคู่นี้ของเจ้าทิ้งซะ”
ในขณะที่มู่เฉียนซีย่างเท้าก้าวลงไปในสระเย็น จู่ ๆ พลังนับไม่ถ้วนก็พัดกระโชกเข้ามา และยังมีกลิ่นอายที่คุ้นเคยกลิ่นอายหนึ่งอีกด้วย
สีหน้าของมู่เฉียนซีเคร่งขรึมขึ้น “เจ้าบอกว่าที่นี่ปลอดภัยไม่มีใครรู้ไม่ใช่เหรอ?”
เซียวเหยาอยากร้องไห้ออกมาจริง ๆ “นายท่าน ข้าพูดความจริงนะ!”
หลุนหุยกล่าวด้วยความตื่นเต้นว่า “นายท่าน เสี่ยวหยางหยางมาแล้ว…”
สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำกว่าเดิม ตอนนี้นางจะไปมีกะจิตกะใจจะแก้ฤทธิ์ยานี้ได้อย่างไรกัน
อีกอย่าง ตอนนี้เสี่ยวไป๋ก็อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อด้วย จะให้ใครมารบกวนไม่ได้เด็ดขาด มู่เฉียนซีจึงทำได้เพียงแค่เดินออกมาจากสระเย็น
“นายท่าน ข้าจะเฝ้าตรงนี้เอาไว้เอง นายท่านรีบจัดการตัวเองเถอะ!” เซียวเหยากล่าว
“ไม่เป็นไร! รอให้เสี่ยวไป๋ตื่นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
แล้วมันก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด สิ่งที่กำลังเข้ามานั้น มันก็คือหม้อยาสีชมพูหม้อหนึ่งที่ดูยั่วยวนเป็นอย่างยิ่ง
หม้อยานี้แกะสลักลวดลายดอกไม้ไว้มากมายหลายชนิด มีดอกทิวลิป ดอกมันดาลา ดอกถูหมี…
“เจอแล้ว! ข้าหาเจ้าเจอแล้ว!” เสี่ยวหยางหยางค้นพบกลิ่นอายอันคุ้นเคยแล้ว และมันก็พุ่งเข้าไปหามู่เฉียนซีด้วยความดีใจ
“เจ้านี่เองที่เป็นคนเปิดอาณาจักรของข้า เจ้ามีความแข็งแกร่งพอ ข้าชอบ ข้าจะบังคับให้เจ้าเป็นนายของข้าเป็นเช่นไร? อย่างไรเสียข้าก็ไม่อยากทำพันธสัญญากับพวกคนน่าเกลียดเหล่านั้น!”
เมื่อเห็นเจ้าหม้อนี่แล้ว มู่เฉียนซีก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น!
“เจ้าไสหัวออกไปให้พ้น!”
เสี่ยวหยางหยางเองก็คิดไม่ถึงเลยว่าจะเป็นเช่นนี้ เห็น ๆ กันอยู่ว่าเมื่อครู่คนจำนวนมากต่างแห่แหนกันตามหามัน!
เหตุใดการที่มันเป็นฝ่ายแสดงความรู้สึกออกมากลับถูกปฏิเสธเช่นนี้ไปได้
“ฮือ ๆ ๆ! ข้าไม่ดีตรงไหน เหตุใดถึงไม่ชอบข้า ข้าจะเปลี่ยนตัวเองให้ตกลงไหม?”
“ข้าเป็นหม้อยาที่สวยที่สุดเจ้าก็เห็นอยู่ เหตุใดถึงไม่ชอบข้า”
“……”
มู่เฉียนซีกัดฟันกรอดด้วยโทสะที่คุกรุ่น นางกล่าวถามว่า “ชิงมู่ ทำให้เจ้าหม้อบ้านี่กลายเป็นเศษเหล็กได้หรือไม่?”
ชิงมู่กล่าว “หม้อหยินหยางสองขั้วเป็นหม้อที่ฝ่าบาทสร้างขึ้นมา หากนายท่านจะทำลายมันก็ไม่มีผู้ใดสามารถคัดค้านได้ แต่มันทำมาจากไม้ท้อสวรรค์ที่มีอายุนับร้อยล้านปีเชียวนะ ด้วยความแข็งแกร่งของนายท่านในตอนนี้แล้ว เกรงว่าจะ…”
เจ้าหม้อนี่ไม่เพียงแต่น่ารำคาญเท่านั้น แต่ยังดึงดูดศัตรูมากมายมาอีกด้วย
ยอดฝีมือขั้นสูงสุดของสำนักต่าง ๆ และคนของตำหนักเป่ยหาน
เมื่อพวกเขาเห็นมู่เฉียนซีก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “ประมุขน้อยเฉียนเยี่ย!”
ทุกคนสามารถลงมือแย่งชิงหม้อเทพนี้ได้ตลอดเวลา
มู่เฉียนซีจับหม้อยาโยนออกไปและกล่าวว่า “พวกเจ้าจะแย่งชิงกันก็ไปแย่งกันไกล ๆ อย่างมาขวางหูขวางตาข้าที่นี่! หม้อบ้านี่ข้าไม่ได้สนใจแม้แต่น้อย”
.