หม้อหยินหยางสองขั้วถูกมู่เฉียนซีโยนออกไปอย่างไร้ความปรานี จากนั้นคนกลุ่มนี้ก็ลงมือต่อสู้กันอีกครั้ง
ตูม!
เกิดสงครามครั้งใหญ่ขึ้นในที่แห่งนี้ ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่ได้อยู่ท่ามกลางสนามรบ แต่ก็ได้รับผลกระทบจากการต่อสู้อยู่ดี
ต้องรู้เอาไว้เลยว่าที่แห่งนี่นั้นเป็นการรวมตัวของยอดฝีมือแดนเหนือครั้งใหญ่ มู่เฉียนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เซียวเหยา ลงมือ! ที่นี่เป็นถิ่นตระกูลเซียวของเจ้า เอาความสามารถของเจ้าออกมาใช้เถอะ!”
เซียวเหยากล่าว “ข้าน้อยรับคำสั่งนายท่าน”
คนตระกูลเซียวล้วนแต่เป็นนักพิษทั้งสิ้น เชี่ยวชาญในการใช้พิษมาก
ทันใดนั้นเอง ในที่แห่งนี้ก็ถูกหมอกพิษสีเขียวเข้มปกคลุม
“บัดซบจริง! มันเป็นพิษ!”
คนเหล่านั้นสบถคำด่าออกมาและรีบต้านพิษอันรุนแรงนี้!
ในตอนนี้หม้อหยินหยางสองขั้วหาโอกาสได้แล้วจึงรีบพุ่งไปอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “คนหล่อ ข้ามาแล้ว!”
ในขณะที่หม้อหยินหยางสองขั้วพุ่งเข้ามานั้น ร่างสีเขียวร่างหนึ่งก็พุ่งออกมา
ชิงอิ่งง้างมือตบหม้อหยินหยางสองขั้วไปติดบนผนึกภูเขา แกะยังไงก็แกะไม่หลุด
มุ่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “ชิงอิ่งทำดีมาก!”
มู่เฉียนซียืนอยู่ท่ามกลางหมอกพิษนั้นพลางกล่าวว่า “คนของตำหนักเป่ยหานทุกคนหยุดเดี๋ยวนี้! อย่าเพิ่งแย่งชิงหม้อหยินหยางสองขั้วก่อน”
“ประมุขน้อย นี่มัน…”
ทั้ง ๆ ที่เห็นคนของกองกำลังอื่นต่างพุ่งไปที่หม้อยานั้น แต่เมื่อพวกเขาได้ยินคำสั่งของมู่เฉียนซีก็รู้สึกลำบากใจขึ้นมาเป็นอย่างมาก
“ข้าเป็นประมุขน้อยแห่งตำหนักเป่ยหาน พวกเจ้าจะขัดคำสั่งข้าอย่างนั้นเหรอ ตอนนี้หัวหน้าตำหนักของพวกเจ้ากำลังโดนยาพิษอยู่ การปกป้องเขาต่างหากล่ะที่เป็นเรื่องสำคัญที่สุด”
“อะไรนะ ท่านหัวหน้าตำหนักโดนพิษ!”
“ท่านหัวหน้าตำหนัก…”
ในที่สุดพวกเขาก็สังเกตเห็นร่างในชุดขาวที่อยู่ในสระเย็นนั้น บางคนก็ทำตามคำสั่งมู่เฉียนซีด้วยการไปปกป้องกู้ไป๋อีเพื่อไม่ให้เขาได้รับผลกระทบจากการต่อสู้
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวเสียงขรึมว่า “ประมุขน้อยเฉียนเยี่ย แม้ว่าท่านจะเป็นประมุขน้อยแห่งตำหนักเป่ยหาน แต่ข้าได้รับคำสั่งที่สำคัญกว่ามาแล้ว ขออภัยด้วยที่ข้าขัดคำสั่ง”
กล่าวจบ ผู้อาวุโสสูงสุดก็พรวดไปทางหม้อหยินหยางสองขั้วอีกครั้ง
พลังจิตของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านออกไปสังเกตสถานการณ์โดยรอบ กลัวว่าจะมีอะไรผิดปกติ
ในตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดที่กำลังต่อสู้อยู่กับเจ้าสำนักแห่งสำนักจันทราแดงก็มีแสงเย็บวาบผ่านดวงตา ดูท่าท่านหัวหน้าตำหนักโดนพิษเข้าแล้วจริง ๆ อีกทั้งยังไร้ท่าทีที่จะฟื้นขึ้นมาในเร็ว ๆ นี้อีกด้วย
ไม่มีท่านหัวหน้าตำหนักคอยปกป้องเช่นนี้ การที่เขาคิดจะฆ่ามู่หรงเฉียนเยี่ยมันก็เป็นเรื่องง่ายแล้ว! นี่เป็นโอกาสดีที่สุดแล้ว
หากกำจัดมู่หรงเฉียนเยี่ยได้ เขาก็สามารถเลือกคนมาเป็นประมุขน้อยได้
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของผู้อาวุโสสูงสุดอีกครั้ง จากนั้นเขาก็ออกคำสั่งกับลูกน้องคนสนิทของเขา
“ฆ่ามู่หรงเฉียนเยี่ยซะ!”
ทันทีที่คนสนิทผู้นั้นได้รับคำสั่งก็รีบพุ่งไปที่มู่เฉียนซีทันที
ในตอนนี้ร่างของเซียวเหยาห่อหุ้มไปด้วยหมอกพิษสีเขียวเข้มก็พุ่งไปทางคนผู้นั้นเช่นกัน!
“คิดจะทำร้ายเจ้านายของข้า รนหาที่ตายชัด ๆ!”
แสงสลัววาบผ่านดวงตาของมู่เฉียนซี คนผู้นั้นสวมชุดดำ มองไม่ออกว่าเป็นคนของกองกำลังใด
แต่นางครุ่นคิดดูก็รู้แล้วว่าต้องเป็นยอดฝีมือของผู้อาวุโสสูงสุดที่แอบซ่อนตัวอยู่เป็นแน่
อยากได้หม้อเทพนิรันดร์ แถมยังต้องการฆ่าประมุขน้อยเช่นนาง หมายจะยิงปืนนัดเดียวแล้วได้นกสองตัวรึ? ฝันไปเถอะ!
คนที่ตนเองส่งไปถูกขวางเอาไว้เช่นนี้ สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดก็เคร่งเครียดขึ้นทันใด นึกไม่ถึงเลยว่านายน้อยตระกูลเซียวผู้นี้จะมีใจจงรักภักดีต่อมู่หรงเฉียนเยี่ยถึงเพียงนี้
คนที่นำมาอย่างเปิดเผยทุกคนก็รู้ดี แต่คงไม่มีใครนึกว่าเขาจะนำคนและแอบซ่อนตัวมาด้วย
ร่างอีกร่างหนึ่งพุ่งออกมา กลิ่นอายของมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าก็แผ่ซ่านออกมาเช่นกัน
ปัง! ร่างในชุดเขียวพุ่งออกมาขวางการโจมตีของคนผู้นี้เอาไว้
“ถูกขวางอีกแล้ว!” ผู้อาวุโสสูงสุดตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น
บริเวณโดยรอบถูกปกคลุมไปด้วยหมอกพิษ เขามองเห็นรูปร่างหน้าตาของคนผู้นั้นไม่ชัด แต่รู้สึกว่าต้องเป็นคนที่ท่านหัวหน้าตำหนักสั่งให้คอยปกป้องเจ้าเด็กมู่หรงเฉียนเยี่ยเอาไว้เป็นแน่!
“บัดซบ!”
ตูม!
ทางด้านนั้น ผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่อยากจะเสียเวลากับพวกเขาอีกต่อไป เพราะเขาไม่เพียงแต่คิดอยากจะได้หม้อเทพเท่านั้น แต่ยังคิดจะฆ่ามู่หรงเฉียนเยี่ยอีกด้วย
ไม่รู้ว่าท่านหัวหน้าตำหนักจะฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่ แต่หากเขาฟื้นขึ้นมา คาดว่าเขาคงจะไม่มีโอกาสอีกแล้วเป็นแน่นอน
ดังนั้นต้องรีบลงมือให้เร็วที่สุด!
ผู้อาวุโสสูงสุดแผ่ซ่านพลังอำนาจออกมา โจมตีคนของสำนักอื่นจนกระเด็นลอยออกไป
ถึงแม้ว่าคนกลุ่มนี้จะมีจำนวนมาก แต่เมื่อเผชิญหน้ากับยอดฝีมือขั้นสูงสุดอย่างผู้อาวุโสสูงสุดผู้นี้แล้ว พวกเขาก็ไม่สามารถต้านทานได้
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “หม้อเทพนี่เป็นของตำหนักเป่ยหานของพวกข้าแล้ว! หากพวกเจ้าไม่อยากถูกฆ่าล้างสำนักแล้วละก็ รีบไสหัวไปจากที่นี่ซะ!”
แม้ว่าจะไม่เต็มใจ แต่พวกเขาก็จำต้องล่าถอยไปอยู่ดี
คนที่ล่าถอยเริ่มมากขึ้น และสีหน้าของมู่เฉียนซีก็ยิ่งเคร่งขรึมขึ้นเรื่อย ๆ
หลังจากที่คนเหล่านั้นล่าถอยไปแล้ว คนที่ผู้อาวุโสสูงสุดต้องรับมือก็คือนางแล้วกระมัง!
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าว “มู่หรงเฉียนเยี่ย นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะร่วมมือกับนายน้อยตระกูลเซียววางยาพิษท่านหัวหน้าตำหนัก คิดจะครอบครองตำแหน่งหัวหน้าตำหนัก โทษตายหมื่นครั้ง! พวกเจ้า จับตัวมู่หรงเฉียนเยี่ยให้ข้าเดี๋ยวนี้”
“อะไรนะ ประมุขน้อยเฉียนเยี่ยวางยาพิษท่านหัวหน้าตำหนักอย่างนั้นเหรอ”
“ท่านหัวหน้าตำหนักดีกับเขาถึงเพียงนั้น ไม่คิดเลยว่าจะใจร้ายใจดำทำเรื่องเช่นนี้ได้”
“……”
มู่เฉียนซีกล่าว “ผู้อาวุโสสูงสุด นี่กล้าใส่ร้ายป้ายสีข้าอย่างนั้นเหรอ! หากข้าคิดจะทำร้ายท่านหัวหน้าตำหนัก ท่านหัวหน้าตำหนักจะนอนหลับอยู่ในสระเย็นเช่นนี้ได้ยังไง?”
“หยุดเถียงข้าง ๆ คู ๆ ได้แล้ว จับตัวเขาไว้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“หลิง ลงมือ!” ร่างในชุดสีแดงเข้มพุ่งออกไป
รูม่านตาของมู่เฉียนซีหดลง นึกไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะให้อารองซ่อนตัวอยู่ในที่ลับทำภารกิจในครั้งนี้ด้วย
และในตอนนี้ ชิงอิ่งกับเซียวเหยาก็ได้กำจัดสองคนนั้นเรียบร้อยแล้ว
ร่างในชุดสีชมพูกระพริบไปอย่างรวดเร็ว เซียวเหยาขวางหลิงเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าว “แม่นางเซียว องครักษ์หลิงเป็นคู่ซ้อมการฝึกฝนของข้า เจ้าอย่าได้ทำให้เขาบาดเจ็บเป็นอันขาด”
แม้ว่าคำพูดของมู่เฉียนซีจะดูไม่เป็นทางการ แต่เซียวเหยานั้นเป็นคนที่มีไหวพริบไวมาก เขารู้ความหมายของนาง
นายท่านของเขากำลังเป็นห่วง เป็นห่วงว่าคนผู้นี้จะได้รับบาดเจ็บ
เซียวเหยามองดูชายรูปงามตรงหน้าอย่างพิจารณา เขาดูท่าทางเป็นคนเลือดเย็นมาก
หน้าตารูปงามสมบูรณ์แบบอย่างไม่อาจเปรียบได้ แต่ชายอายุเช่นนี้ นายท่านจะกินได้เหรอ
หากมู่เฉียนซีรู้ถึงความคิดนี้ของเซียวเหยาแล้วละก็ นางจะต้องเอาเจ้านี่ถึงตายแน่นอน
เซียวเหยาคิดว่านายท่านของตนเองเสียดายในความงามของชายผู้นี้ แม้ว่าตรงหน้าจะเป็นศัตรู แต่เขาก็รู้จักประมาณการณ์!
ชิงอิ่งขวางคนอื่น ๆ ไว้ ท่าทางที่สมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ตินั้นทำให้คนอื่นไม่รู้ว่าเขาเป็นหุ่นเชิด
สุนัขรับใช้ที่ผู้อาวุโสสูงสุดส่งมาเหล่านั้น มู่เฉียนซีก็ลงมือกับพวกเขาแล้ว “มังกรน้ำแข็งท้าสวรรค์!”
ยอดฝีมือเก้าส่วนสิบของตำหนักเป่ยหานย้ายข้างไปอยู่ฝ่ายผู้อาวุโสสูงสุด คาดว่าพวกเขาคงเป็นคนของผู้อาวุโสสูงสุดตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งอยู่ข้างกู้ไป๋อี อย่างไรเสีย ผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่ได้มีความสำคัญเท่ากับท่านหัวหน้าตำหนัก
มีคนคอยปกป้องกู้ไป๋อีอยู่เช่นนี้ มู่เฉียนซีก็วางใจที่จะทำการสู้รบในครั้งนี้ เพียงแต่ว่าฝ่ายศัตรูมีจำนวนมากกว่า ฝ่ายของพวกเขาเสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด
ทำได้แค่ยืนหยัดเท่านั้น ยืนหยัดต่อสู้ไปจนกว่าเสี่ยวไป๋จะตื่นขึ้นมา
ทว่า ความแข็งแกร่งของพวกเขาสามารถยืนหยัดได้ แต่ในตอนนี้มู่เฉียนซีพบว่าร่างกายของนางนั้นทนไม่ไหวแล้ว
ยากมากกว่าจะยับยั้งฤทธิ์ยานั่นได้ มู่เฉียนซีอดที่จะสาปแช่งนิรันดร์ไม่ได้จริง ๆ!
หากไม่ใช่เพราะเขาสร้างของเล่นเหล่านี้ออกมา การมาเหวพิษของตระกูลเซียวในครั้งนี้ก็คงจะไม่ยุ่งยากวุ่นวายถึงเพียงนี้
“ทักษะโยวหลัว!”
มู่เฉียนซีอดทนต่อไฟชั่วร้ายนั้นเอาไว้ และโจมตีศัตรูทันที!
และในตอนนี้เอง คนผู้หนึ่งก็ได้พุ่งออกมาพลางง้างหมัดไปทางมู่เฉียนซี หมัดนี้เขาได้ถ่ายเทพลังวิญญาณทั้งหมดของเขาลงไปแล้ว “มู่เฉียนซี เจ้าตายซะเถอะ!”
.