น้ำเสียงนี้เต็มไปด้วยความโกรธแค้นชิงชัง มู่เฉียนซีรู้ว่าเขาเป็นใคร
หัวหน้าวังอวิ๋น นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะยังมีชีวิตอยู่!
หัวหน้าวังอวิ๋นที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ถึงแม้ว่าจะทุ่มอย่างสุดกำลังแล้ว แต่ความเร็วของเขากลับเร็วไม่พอ และความเร็วของมู่เฉียนซีก็สามารถหลบหลีกได้อย่างง่ายดาย
ทว่า ในตอนนี้ยาบัดซบนั่นมันเริ่มออกฤทธิ์แล้ว มู่เฉียนซีรู้สึกราวกับว่าสองขาของตนเองนั้นกำลังเดินอยู่บนปุยฝ้ายก็มิปาน และกำลังจะล้มลงไป
หนีไม่พ้น!
และในตอนนี้เอง ลำแสงสีชมพูก็พุ่งมา
ปัง!
อ๊า! หัวหน้าวังอวิ๋นส่งเสียงกรีดร้องขึ้น เพราะเขาโจมตีโดนหม้อยาที่แข็งมากหม้อหนึ่ง
“ชิ! นึกไม่ถึงเลยว่าจะกล้าทำร้ายคนที่ข้าเลือกให้เป็นเจ้านาย เจ้ามันรนหาที่ตาย” เสี่ยวหยางหยางกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ไม่ค่อยจะดีนัก
จากนั้นมันก็กล่าวด้วยความเบิกบานใจว่า “นายท่าน เสี่ยวหยางหยางยอดเยี่ยมไหมละ นายท่านยอมรับข้าเถอะนะ!”
นี่คิดจะทำความดีชดใช้ความผิดอย่างนั้นเหรอ มู่เฉียนซีไม่ใช่คนใจกว้างถึงเพียงนั้น
ในตอนนี้มู่เฉียนซีรู้สึกว่าร่างกายเหมือนจะหมดแรงลง สุดท้ายจึงกัดฟันอดทน จากนั้นก็ฉีดยาให้ตัวเองหลายเข็ม
ยับยั้ง…ต้องยับยั้งต่อไป…
เสี่ยวหยางหยางเองก็สังเกตเห็นแล้ว “นายท่าน นะ นี่…เหตุใดถึงทำเช่นนี้ ยับยั้งรุนแรงเกินไปแล้ว หากมันตีกลับขึ้นมาแล้วละก็…”
“หรือไม่ เสี่ยวหยางหยางจะจับชายรูปงามสักคนมาให้นายท่าน คนที่อยู่ในสระเย็นผู้นั้นนายท่านก็ไม่ชอบ งั้นก็เอาคนชุดเขียวนี่ก็แล้วกัน ด้วยสายตาของข้าแล้วเขาต้องเป็นของดีแน่นอน ฮี่ ๆ ๆ! หุ่นก็ดีมากซะด้วย! ข้าทำให้…”
ในที่สุดตอนนี้มู่เฉียนซีก็กลับมาเป็นปกติแล้ว
หัวหน้าวังอวิ๋นหลบหลีกหม้อหยินหยางสองขั้วและจะลงมือกับมู่เฉียนซีอีกครั้ง มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าหุบปากเดี๋ยวนี้ หลบไปซะ!”
“ทักษะโยวหลัว!”
มู่เฉียนซีใช้ทักษะวิญญาณโจมตีไปที่หัวหน้าวังอวิ๋น กำลังอันเข้มแข็งเกรียงไกรของเขานั้นเสื่อมทรุดจนเป็นม้าตีนปลายแล้ว และเขาก็ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมู่เฉียนซีอีกต่อไป!
ตูม! หัวหน้าวังอวิ๋นถูกโจมตีจนร่างกระเด็นลอยออกไปพลางกระอักเลือดคำโตออกมา
แววตาของเขาเผยความโหดเหี้ยมขึ้น มู่เฉียนซี เจ้าต้องการให้ข้าตาย ข้าก็ไม่มีทางให้เจ้าได้อยู่ดีเป็นอันขาด
เขาตะโกนขึ้นว่า “ผู้อาวุโสสูงสุด มู่หรงเฉียนเยี่ยความจริงแล้วเป็นผู้หญิง นางคือมู่เฉียนซี มู่เฉียนซีผู้ที่ครอบครองกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ นางโกหกหลวงลวงทุกคน”
ฉึก! กระบี่ยาวเล่มหนึ่งแทงทะลุหัวใจของเขา
คนอื่นต่างก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “อะไรนะ ประมุขน้อยเป็นผู้หญิงอย่างนั้นเหรอ”
“……”
“ว่ายังไงนะ นายท่านเป็นผู้หญิง!” เซียวเหยาเองก็ตกใจมาก
ผู้อาวุโสสูงสุดมองไปที่ชายชุดเขียวตรงหน้า เขากล่าว “คนผู้นี้ เป็นหุ่นเชิด!”
“ดูท่า เจ้าก็คือมู่เฉียนซีจริง ๆ!” แววตาของผู้อาวุโสสูงสุดเผยความโหดเหี้ยมออกมา
นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ เดิมทีคิดเพียงว่าจะได้หม้อเทพมาครอบครอง และฆ่ามู่หรงเฉียนเยี่ยทิ้งก็สามารถยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัวแล้ว กลับนึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะมีเรื่องดีที่คาดไม่ถึงเช่นนี้อีก!
กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์!
ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะเคยตกลงกับองค์หญิงหลินหลางเอาไว้ แต่ไม่ว่าใครก็ตามคงไม่สามารถยับยั้งความดึงดูดใจของกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เอาไว้ได้
“ฆ่ามู่หรงเฉียนเยี่ยซะ ไม่ใช่สิ ฆ่ามู่เฉียนซีซะ! ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยสิ่งใดก็ต้องฆ่านางให้ได้”
หลังจากที่ผู้อาวุโสสูงสุดออกคำสั่งเช่นนี้แล้ว อู๋ตี้กับเสี่ยวหงก็ไม่จำเป็นต้องลงมืออย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ แล้ว ตอนนี้สถานการณ์นั้นแย่มาก
ครั้งก่อนอาถิงได้ใช้พลังอำนาจข่มขู่ตำหนักตงจี๋ ดูเหมือนจะเป็นเทพแห่งผู้กล้า และนั่นก็ทำให้เขาสูญเสียพลังไปจนหมดแล้ว จึงหลับใหลลงไปอีกครั้ง
เซียวเหยากลับมาอยู่ข้างกายมู่เฉียนซีและกล่าวว่า “นายท่าน เรารีบออกไปจากที่นี่เถอะ!”
ที่นี่คือตระกูลเซียว ถึงแม้ว่าจะเอาชนะพวกเขาไม่ได้ แต่การหนีออกไปอย่างปลอดภัยนั้นสามารถทำได้
มู่เฉียนซีกล่าวเสียงขรึมว่า “รอให้เสี่ยวไป๋ฟื้นขึ้นมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ผู้อาวุโสสูงสุดมีจิตใจทะเยอทะยานสูงมาก หากปล่อยเสี่ยวไป๋ที่ตอนนี้ทำอะไรไม่ได้เอาไว้ที่นี่ก็ไม่อาจรับประกันได้เลยว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะไม่ทำอะไรเขา
“แต่กลัวว่าจะรับมือเอไว้ได้อีกไม่นานแล้ว!” เซียวเหยาก็ร้อนใจมาก
ชิงอิ่งก็ไม่พัวพันกับผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว เขากลับมาอยู่ข้างกายมู่เฉียนซี
ชิงอิ่งกับเซียวเหยาคุ้มกันซ้ายขวามู่เฉียนซี
“จัดการหัวหน้ามันก่อน” มู่เฉียนซีให้ชิงอิ่งไปจับตัวผู้อาวุโสสูงสุดก่อน จับด้วยวิธีไหนก็ได้ขอแค่ไม่ให้ตายก็พอ
เดิมทีนางก็อยากหาโอกาสที่จะลงมือกับเจ้าเฒ่านี่เหมือนกัน ในเมื่อตอนนี้เขาลงมือแล้ว เช่นนั้นก็ปล่อยให้เลยตามเลยไปก็แล้วกัน
ตัวตนถูกเปิดเผยแล้ว มู่เฉียนซีก็ไม่จำเป็นต้องแอบซ่อนกระบี่มังกรเพลิงแล้ว
“มังกรเพลิงสังหาร!”
“บัวแดงพิฆาต!”
ลำแสงสีแดงฉานเปล่งประกายเจิดจรัสขึ้นหลังภูเขาตระกูลเซียว
ด้วยทักษะวิญญาณอันน่าสะพรึงกลัว มู่เฉียนซีใช้กระบี่โจมตีศัตรูซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ยอดฝีมือของตำหนักเป่ยหานก็ไม่ได้อ่อนแอเลย ในตอนนี้มู่เฉียนซีก็ยังคงยืนหยัดอยู่ต่อไป และในที่สุดชิงอิ่งก็ได้โอกาสจับตัวผู้อาวุโสสูงสุด
แต่ผู้อาวุโสสูงสุดโบกมือและคว้าร่างในชุดสีแดงเข้มที่อยู่ใกล้เขามากที่สุดเอาไว้
คนผู้นั้นก็คือหลิง!
เขาไม่สามารถขัดคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุดได้ ไม่อาจช่วยมู่เฉียนซีรับมือกับผู้อาวุโสสูงสุด เพราะนั่นเท่ากับเขารนหาที่ตาย
และสิ่งที่เขายิ่งไม่อยากทำก็คือการต่อสู้กับมู่เฉียนซี ดังนั้นเขาจึงเลือกที่จะยืนอยู่ในที่ที่ใกล้กับผู้อาวุโสสูงสุดมากที่สุด
หากผู้อาวุโสสูงสุดต้องการจะลงมือกับมู่เฉียนซี เขาก็จะทำทุกอย่างเพื่อลอบโจมตีผู้อาวุโสสูงสุด
มู่เฉียนซีเองก็คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าผู้อาวุโสสูงสุดจะลากอารองของนางมาเป็นโล่กำบัง นางร้อนอกร้อนใจมาก ในตอนนี้จึงถูกผู้อาวุโสท่านหนึ่งโจมตี!
ปัง! มู่เฉียนซีถูกโจมตีจนกระเด็นลอยออกไป
ชิงอิ่งรีบพุ่งไปข้างกายมู่เฉียนซี เขารู้ดีว่าเฉียนของเขานั้นเป็นห่วงคนผู้นี้มากเพียงใด
เพราะคนผู้นี้ คือญาติของนาง!
แม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าคำว่า ‘ญาติ’ มันเป็นความสัมพันธ์แบบใด แต่เขารู้ว่ามันสำคัญมาก!
ดังนั้นเขาจึงจำต้องหยุด!
เดิมทีผู้อาวุโสสูงสุดต้องการใช้หลิงเป็นเกราะกำบังรับการโจมตีนี้แทนเขา อย่างไรเสียก็คงไม่ตายอย่างแน่นอน แต่กลับคิดไม่ถึงว่าผู้โหดร้ายผู้นี้จะหยุดชะงักไป
ตูม! เขาจึงฉวยโอกาสนี้ลงมือกับชิงอิ่ง ใช้พลังวิญญาณอันแข็งแกร่งโจมตีจนชิงอิ่งกระเด็นลอยออกไป
ถึงแม้ว่าการโจมตีนี้จะไม่ได้ทำให้ชิงอิ่งได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ทำให้ชิงอิ่งกระเด็นลอยไปอยู่ไกลจากมู่เฉียนซีมาก!
จากนั้นผู้อาวุโสสูงสุดก็พรวดไปตรงหน้ามู่เฉียนซีที่กำลังบาดเจ็บและไม่มีคนคอยคุ้มกัน
“มู่เฉียนซี เจ้ายอมตายในเงื้อมมือของข้าซะโดยดีและเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ข้าได้แล้ว”
มือที่แห้งเหี่ยวคู่นั้นพุ่งตรงไปที่หัวใจของมู่เฉียนซี
และในตอนนี้เอง ด้านหลังของผู้อาวุโสสูงสุดก็มีลมพัดกระโชกแรงเข้ามา กระบี่ขนาดใหญ่แทงมาจากด้านหลังของเขา
“อย่า…” มู่เฉียนซีตะโกนขึ้น
แต่มันก็สายไปเสียแล้ว เมื่อเห็นมู่เฉียนซีมีอันตรายเช่นนี้ ในหัวของหลิงก็ว่างเปล่า
เขาไม่อาจคิดมากได้ จึงลงมือไปทันที!
ผู้อาวุโสสูงสุดเองก็คิดไม่ถึงเช่นกันว่าคนที่เขาคิดว่าอยู่ในกำมือของเขามาโดยตลอดจะลงมือกับเขาเช่นนี้ได้
หากปลายกระบี่เล่มนี้แทงทะลุร่างเขาจริง ๆ เขาก็คงต้องตายโดยไม่ทันได้รู้สึกบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่แท้
ทว่า จู่ ๆ แสงสีทองก็เปล่งประกายขึ้นและห่อหุ้มร่างของผู้อาวุโสสูงสุดเอาไว้
นี่คืออาวุธวิญญาณป้องกันตัว!
ตูม! เสียงดังสนั่นขึ้น ภายใต้อาวุธวิญญาณป้องกันตัวนี้ กระบี่ของหลิงเกิดรอยแยกขึ้น แต่ผู้อาวุโสสูงสุดกลับไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างใด
ร่างของมู่เฉียนซีเคลื่อนไหวไปลากหลิงออกมาจากผู้อาวุโสสูงสุด และในตอนนี้เองชิงอิ่งก็กลับมาแล้ว
แสงสีทองได้จางหายไป ผู้อาวุโสสูงสุดจ้องมองหลิงด้วยความขุ่นเคือง “หลิง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะทรยศข้าได้ มันทำให้ข้าแปลกใจยิ่งนัก”
ชั่วครู่หนึ่ง สีหน้าของหลิงพลันซีดเผือดขึ้น
มู่เฉียนซีรู้สึกได้ว่าพลังในร่างกายของหลิงเริ่มปั่นป่วน มู่เฉียนซีจับมือเขาเอาไว้
สำหรับสถานการณ์เช่นนี้ ถึงแม้ว่านางจะมั่นใจในฝีมือการปรุงยาของตัวเองมาก แต่นางก็ไม่กล้าวู่วามเลย
“เพื่อสาวน้อยคนนี้คนเดียว เจ้าถึงกับกล้าทรยศข้า” ผู้อาวุโสสูงสุดมองหลิงด้วยแววตาประหลาดใจ