ดวงตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นแผ่ซ่านความหนาวเหน็บออกมา จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชาว่า “ข้าให้เจ้าพูดเหรอ?”
ในขณะที่พูดนั้นกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวก็ได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งเหวพิษตระกูลเซียว
เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นบนหน้าผากของเซียวเหยา ชายผู้นี้ดูเหมือนจะสามารถทำลายล้างทุกคนได้ภายในความคิดเดียวก็มิปาน
เคยได้ยินมาว่าสตรีที่หึงหวงมักจะน่ากลัว นึกไม่ถึงเลยว่าบุรุษที่หึงหวงจะน่ากลัวยิ่งกว่า!
ทว่า ดวงตาของกู้ไป๋อียังคงมองดูมู่เฉียนซีอยู่ และไร้ซึ่งท่าทีที่จะถอยไป
จิตสังหารที่แผ่ซ่านออกมานี้ทำให้อุณหภูมิในร่างกายของมู่เฉียนซีลดต่ำลงเล็กน้อย
มู่เฉียนซีได้สติกลับมา นางกล่าว “อู๋ตี้ เสี่ยวหง เซียวเหยา เสี่ยวไป๋ ช่วยข้าดูอารองไว้ให้ดี ข้าจะจัดการกับปัญหาบ้านี่”
มู่เฉียนซีดึงจิ่วเยี่ยพลางกล่าวว่า “ข้าจะทนไม่ไหวแล้ว จิ่วเยี่ย เจ้ายังมัวแต่ยืนนิ่งอยู่ตรงนี้ทำไมกันล่ะ?”
จิ่วเยี่ยก้มหน้ามองมู่เฉียนซี เขาพยักหน้าลงเล็กน้อย จากนั้นทั้งสองก็ได้อันตรธานหายไปต่อหน้าพวกเขา
กู้ไป๋อียืนนิ่งอยู่ตรงที่เดิม หากจิ่วเยี่ยดึงดันกระทำตามใจตัวเองโดยพลการขึ้นแล้วละก็ เขาก็คงจะเข้าไปขวางโดยที่ไม่คำนึงถึงสิ่งใดเลย
แต่นี่เป็นการเลือกของซีเอ๋อร์ เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปขวางได้เลย
กู้ไป๋อีกล่าว “เซียวเหยา หาที่ที่สงบให้องครักษ์ฝ่ายซ้ายพักผ่อนเถอะ”
ตอนนี้ เขาเลือกที่จะลืมภาพเหตุการณ์อันทิ่มแทงใจที่ได้เห็นในเมื่อครู่ หันทำเรื่องที่นางสั่งเอาไว้ในดีที่สุด และรอนางกลับมา
ส่วนอินรั่วเฉินที่กำลังสวดพระคัมภีร์อยู่ข้าง ๆ เมื่อสักครู่นั้น ตอนนี้ก็ได้กลับอันตรธานหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้ว
มู่เฉียนซีชี้ทาง และจิ่วเยี่ยก็พานางไปที่แห่งนั่น
ที่ที่พวกเขาทั้งสองอยู่ในตอนนี้ ก็คือที่ที่เซียวเหยาพานางมาในตอนแรก
สถานที่อันกว้างขวาง มีเตียงที่ใหญ่โตและนุ่มมาก!
จิ่วเยี่ยวางร่างของนางลงบนเตียง แต่สองมือของมู่เฉียนซีกลับคล้องคอเขาไว้ไม่ยอมปล่อย จากนั้นนางก็ออกแรงเล็กน้อยดึงเขาลงมา
มือข้างหนึ่งของมู่เฉียนซีจับปลายคางอันประณีตนั้นของจิ่วเยี่ย ก่อนจะค่อย ๆ บรรจงถอดหน้ากากของเขาออกและโยนมันไปข้าง ๆ นางมองดูใบหน้าอันหล่อเหลาประณีตอย่างหาที่เปรียบมิได้นี้ ยิ่งมองมากเท่าไร นางก็ยิ่งชอบมากขึ้นเท่านั้น ปลายนิ้วของนางกรีดกรายไปบนผิวของเขาอย่างเบามือ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้งว่า “องค์ชายจิ่วเยี่ย ที่ผ่านมาหมอปีศาจอย่างข้าได้ทุ่มเทและเสียยาลูกกลอนไปไม่น้อยเพื่อรักษาเจ้า แม้ว่าสุดท้ายแล้วรางวัลตอบแทนมันจะยอดเยี่ยม แต่ในระหว่างนี้ ข้าไม่เคยเรียกเก็บอะไรจากเจ้าเลย”
“วันนี้ข้าคงต้องเก็บดอกเบี้ยสักหน่อยแล้ว หากเจ้าตกลง ก็จงยอมเชื่อฟังข้าซะ แต่ต่อให้เจ้าไม่ตอบตกลง อย่างไรเจ้าก็ต้องตกลงอยู่ดี”
ใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าแดงก่ำ รอยยิ้มอันชั่วร้ายนั้นแฝงไปด้วยความขี้เล่น และแววตาที่ขุ่นมัวนั้นก็ทำให้จิ่วเยี่ยไม่มีทางเลือกนอกจากยอมจำนน
“ข้า ตอบตกลงแน่นอนอยู่แล้ว!”
ทันทีที่จิ่วเยี่ยตอบตกลง มู่เฉียนซีก็ดึงเขาเข้ามาจูบอย่างแนบแน่นทันที
จูบนั้นช่างรีบร้อนจนแทบจะอดใจรอไม่ไหว จิ่วเยี่ยไม่เคยพบเจอความต้องการที่รีบร้อนเช่นนี้มาก่อน
ในขณะที่ปากทั้งสองบดขยี้สอดประสานจูบกันอย่างพัลวันนั้น มือของมู่เฉียนซีก็ได้ฉีกกระชากเสื้อผ้าบนร่างของจิ่วเยี่ยออกจนไม่เหลือชิ้นดี
ส่วนจิ่วเยี่ยก็คล้อยตามนาง สองมือของเขาก็ฉีกกระชากเสื้อผ้าบนร่างของนางออกจนหมดเกลี้ยงเช่นกัน ร่างของทั้งสองเคล้าคลอสอดประสานกันอย่างแนบแน่น ผิวหนังอันเย็นยะเยือกนั้นของจิ่วเยี่ยถูกความเร่าร้อนของมู่เฉียนซีแผดเผาจนร้อนระอุขึ้นแล้ว
การนั่งนิ่ง ๆ อยู่เฉย ๆ นั้นไม่ใช่อุปนิสัยของจิ่วเยี่ยแน่นอน ครั้นแล้วเขาจึงกล่าวว่า “ซีคงเหนื่อยแล้ว ให้ข้าทำให้เถอะ!”
ทว่า มู่เฉียนซีกลับกล่าวอย่างใช้อำนาจบาตรใหญ่ว่า “เจ้าอยู่เฉย ๆ เชื่อฟังข้า วันนี้ข้าจะปรนนิบัติเจ้าเอง”
ยั่วเย้าตามอำเภอใจจนแทบจะบ้าคลั่งแล้ว ถึงแม้ว่าจิ่วเยี่ยจะไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป แต่จังหวะในการหายใจของเขานั้นก็เริ่มเร็วขึ้นแล้ว
ฤทธิ์ยานั้นกำเริบได้อย่างน่ากลัวมากจนเกินกว่าที่มู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยได้จินตนาการเอาไว้อย่างแน่นอน และมู่เฉียนซีก็ต้องการลงมือจริง ๆ แล้ว
พลังย้อนกลับอันใดนางไม่สนใจแล้ว
ในหัวของนางตอนนี้รู้เพียงแค่ว่าหากเป็นเขา ก็คือได้ เพราะนางนั้นชื่นชอบทุกส่วนของร่างกายของชายผู้นี้
ต้องการเขา! ต้องการเขามาก…
มู่เฉียนซีเป็นฝ่ายรุก แต่จิ่วเยี่ยกลับพลิกร่างอันบอบบางของนางและกดขานางเอาไว้ เขากล่าวด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้งว่า “ซี! ไม่ได้!”
มู่เฉียนซีกดไหล่เขาและกล่าวว่า “ทำไมล่ะ ข้าบอกเจ้าว่า วันนี้ต่อให้เจ้าไม่ยอมเจ้าก็ต้องยอม จะอายทำไม?”
มู่เฉียนซีในตอนนี้ไม่ได้ต่างอะไรกับชายที่ชอบรังแกผู้อื่นเลย นางต้องการพลิกตัวจิ่วเยี่ยเพื่อตนเองจะกลับมาเป็นฝ่ายรุกอีกครั้ง แต่คิดไม่ถึงเลยว่าร่างของคนตรงหน้าผู้นี้จะแข็งราวกับเหล็กถึงเพียงนี้
ไม่สำเร็จ!
มู่เฉียนซีมองจิ่วเยี่ยและกล่าวกับเขาว่า “หวงจิ่วเยี่ย เจ้าไม่รักษาคำพูด!”
มู่เฉียนซีในตอนนี้ได้กลายเป็นคนไร้เหตุผลไปแล้ว และจิ่วเยี่ยเองก็ไม่เชี่ยวชาญในการใช้เหตุผลซะด้วย ทำได้เพียงแค่ใช้ความจริงพิสูจน์!
เขาน่ะเหรอไม่มีความรู้สึกอยากกระหายนั้น เขาอยากทำแทบบ้าแล้ว และเขาเองก็รู้ดีอยู่แก่ใจ!
หลังจากที่อยู่ในความสับสนวุ่นวาย ชั่วครู่หนึ่งทั้งสองก็พัลวันกันอย่างรักใคร่สุดซึ้งจนแยกออกจากกันไม่ได้จนแทบจะไม่รู้คืนรู้วัน
ทว่า มู่เฉียนซีกลับยังไม่พึงพอใจ นางกล่าว “จิ่วเยี่ย ทุกครั้งที่ข้าวางยา ไม่มีครั้งไหนที่ข้าทำไม่สำเร็จ เจ้าคงจะยังไหวอยู่ใช่หรือไม่! เจ้า…”
“เจ้าอย่าทรมานข้าเช่นนี้เลยนะ อื้ม…”
จิ่วเยี่ยขยี้จูบปากมู่เฉียนซีอย่างรุนแรงเพื่อหยุดยั้งคำพูดที่นางจะพูดออกมา
มากระตุ้นเขาในสถานการณ์เช่นนี้ ไม่มีชายใดทนได้ เรื่องเช่นนี้ไม่จำเป็นต้องให้นางพูดหรอก
มู่เฉียนซีถูกจิ่วเยี่ยขยี้จูบอย่างรุนแรงจนแทบจะหายใจไม่ออกแล้ว เขากอดมู่เฉียนซีที่หมดเรี่ยวแรงด้วยความรักและทะนุถนอม ก่อนจะกล่าวว่า “ซี เชื่อฟังนะ อีกไม่นานเจ้าจะดีขึ้น”
ไม่ดีขึ้น ไม่ดีขึ้นเลย มู่เฉียนซีไม่ได้รู้สึกดีขึ้นเลยแม้แต่น้อย
หลังจากที่ริมฝีปากของจิ่วเยี่ยยกขึ้น มู่เฉียนซีก็หายใจออกมาอย่างกระหืดกระหอบพลางกล่าว “จิ่วเยี่ย ข้าไม่สน! ข้าไม่สนใจอะไรทั้งนั้น ตอนนี้ข้าต้องการเพียงแค่เจ้า”
นางลูบไล้ไปทั่วร่างกายเขา ต้องการปลุกอารมณ์เขาขึ้นมาด้วยทุกวิถีทาง!
นางไม่สน แต่เขาจำต้องสน
เมื่อมองดูแววตาอันมีเสน่ห์และยั่วยวนของหญิงสาวตรงหน้าแล้ว ในใจของเขาก็เกิดความสับสนขึ้น มันทำให้เขารู้ว่านางต้องการเขามากเพียงใด
ทว่า คนที่ไม่มีทางที่จะฟื้นคืนได้ตลอดไปให้มีเพียงเขาแค่คนเดียวก็พอแล้ว เขาจะทำใจลากนางไปด้วยอีกคนได้อย่างไรกัน
ครั้นแล้ว จิ่วเยี่ยจึงเอาผลสีแดงเข้มผลหนึ่งออกมา ผลนี้มีขนาดเท่ากับลูกองุ่นเท่านั้น และเขาก็กดลงไปบนริมฝีปากของนาง
“ซี กินสิ!”
มู่เฉียนซีส่ายหน้า “ไม่กิน ข้าไม่กิน! หวงจิ่วเยี่ย เจ้าคนเลว! ตอนนี้ข้าสิ่งที่ข้าอยากกินมีแค่เจ้าเท่านั้น”
มู่เฉียนซีเกาะร่างจิ่วเยี่ยราวกับปลาหมึก นางจ้องมองหวงจิ่วเยี่ยจนแทบจะกลืนกินเขาไปทั้งตัวแล้วก็มิปาน
จิ่วเยี่ยก็จนปัญญาแล้วจริง ๆ เขากินผลสีแดงเข้มนี้เข้าไป ก่อนจะเอื้อมมือไปจับท้ายทอยมู่เฉียนซีเอาไว้ จากนั้นก็ก้มลงไปจุมพิตนาง
ผลที่อยู่ในปากจิ่วเยี่ยถูกส่งเข้าไปในปากมู่เฉียนซี
“ฮือ ๆ ๆ!” ไม่ว่ามู่เฉียนซีจะขัดขืนเช่นไร มันก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี
หลังจากที่มู่เฉียนซีกลืนผลนี้เข้าไป ก็ดูเหมือนว่าได้เข้ามาอยู่ในอีกมิติหนึ่ง โดยในมิตินี้มีเหล่าดอกไม้นานาพรรณปกคลุมไปทั่วทุกหย่อมหญ้า
หลังจากร่างแยกออกจากกัน สติสัมปชัญญะก็ค่อนข้างชัดเจน แต่ก็ยังได้รับกระทบอยู่
ไม่นานนัก นางก็ถูกคว้าเข้าไปอยู่ในอ้อมกอด
“อยู่ที่นี่ ข้าจะทำให้ซีพอใจ!”
“ที่นี่! ที่นี่คือที่ไหน นี่มันเกิดอะไรขึ้น?”
“จื่อโยวหาผลฝันในฤดูใบไม้ผลิมาให้ข้า มันสามารถทำให้ความรู้สึกของคนผสานเข้าด้วยกันได้”
จื่อโยวรู้สึกสงสารฝ่าบาทของตนเองมาก ที่ทำได้เพียงแค่ดู แต่ไม่สามารถกินได้ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ตายทั้งเป็นจริง ๆ
หลังจากที่เขาได้ออกตามหาไปทั่วทุกแห่งหน จนในที่สุดก็หาของที่มีประโยชน์สิ่งนี้เจอ
คำสาปอยู่ในร่างกาย ร่างกายจึงไม่สามารถใช้ความสนิทสนมมากำจัดได้ แต่จิตวิญญาณกลับทำได้ และผลฝันในฤดูใบไม้ผลินี้ ก็มีประโยชน์เช่นนี้
เห็น ๆ กันอยู่ว่าจิ่วเยี่ยเองก็อดทนอย่างยากลำบากมาก เมื่อมีโอกาสเช่นนี้แล้ว เขาก็ไม่อยากเสียเวลาไปแม้แต่วินาทีเดียว ครั้นแล้วเขาก็กดทับร่างของมู่เฉียนซีทันที
ถึงแม้ว่าพลังจิตของมู่เฉียนซีจะแข็งแกร่งมาก แต่ก็ไม่อาจสู้หมาป่าผู้หิวโหยอย่างจิ่วเยี่ยได้
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้งว่า “จิ่วเยี่ย ไม่เอาแล้ว! หยุดเดี๋ยวนี้….”
อื้ม!
.
.