ไป๋เหยียนเอ๋อร์ค่อย ๆ เดินเข้าไปอย่างเชื่องช้า และวางนิ้วอันเรียวยาวบอบบางนั้นลงบนศิลาทดสอบ
ถึงแม้ว่าค่าของตัวเลขนั้นจะไม่ได้ขึ้นเร็วเหมือนของมู่เฉียน แต่ตัวเลขนั้นกลับเกินแปดสิบแล้ว พุ่งจนถึงเก้าสิบ จนกระทั่งถึงหนึ่งร้อยถึงจะหยุดลง
เฮือก! ในตอนนี้ทุกคนต่างสูดลมหายใจเย็นเข้าปอดด้วยความตกใจ
“หนึ่งร้อยจริง ๆ ด้วย นึกไม่ถึงเลยว่าแม่นางชุดขาวผู้นี้จะมีพลังจิตสูงถึงเพียงนี้”
“พรสวรรค์ในการปรุงยาของนางต้องแข็งแกร่งมากแน่นอน ยอดเยี่ยม!”
“……”
ผู้อาวุโสที่ทดสอบพลังจิตก็ยิ้มขึ้นดุจดั่งบุปผาบานสะพรั่ง เขากล่าว “พลังจิตไม่เลวเลย! ยอดเยี่ยมมาก! นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าดินแดนสี่ทิศจะมีอัจฉริยะเช่นนี้ด้วย ไม่รู้ว่าแม่นางน้อยอายุเท่าไรแล้ว?”
หากเป็นคนแก่ในร่างคนรุ่นเยาว์ ก็ไม่ควรค่าที่จะชื่นชม
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ข้าน้อยเพิ่งจะยี่สิบเจ้าค่ะ!”
เมื่อทุกคนได้ยินคำตอบนี้เข้าดวงตาลุกวาวทันที ส่วนผู้อาวุโสสำนักโอสถฯ ผู้สูงส่งต่างก็ให้ความสำคัญกับไป๋เหยียนเอ๋อร์ทันที
ไป๋เหยียนเอ๋อร์มองมู่เฉียนซีด้วยท่าทีภาคภูมิใจในตัวเอง เพิ่งจะเริ่ม มู่เฉียนซีก็ห่างชั้นกับนางมากแล้ว ต่อไปนางจะทำให้มู่เฉียนซีได้เห็นดี
มู่เฉียนซีแสยะมุมปากเล็กน้อย ใช้พลังของปีศาจเฒ่าหมิงจีมาทดสอบพลังจิต มันน่าภาคภูมิใจตรงไหน
การทดสอบพลังจิตนี้ได้คัดเลือกนักปรุงยารุ่นเยาว์ที่มีพรสวรรค์ในระดับธรรมดาออกไปแล้ว
นักปรุงยาที่ไม่สามารถเข้าร่วมการประลองในครั้งนี้จึงได้กลายเป็นแค่ผู้ชมการประลองด้วยความผิดหวัง
ทว่า การคัดเลือกยังไม่จบลงแต่เพียงเท่านี้ ชายชราผู้หนึ่งกล่าวขึ้นมาว่า “ต่อไปก็เริ่มด่านที่สองได้ ด่านสองมันไม่ง่าย พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ!”
“ทุกคนจะต้องเข้าไปในหอหลอมวิญญาณ พวกเจ้าจะต้องเข้าไปในห้อง หากเอาชนะสัตว์รวมวิญญาณในนั้นได้ ก็จะถือว่าผ่านการทดสอบ”
ครั้นแล้วพวกเขาจึงเข้าไปในหอหลอมวิญญาณ มู่เฉียนซีอยู่ในมิติหนึ่งเพียงลำพัง
ในมิตินี้มีลูกบอลขนเล็ก ๆ อยู่หลายลูก พวกมันมีลักษณะโปร่งใส พวกมันเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน แต่เป็นลักษณะของดวงวิญญาณ
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ความเร็วของสัตว์เหล่านี้รวดเร็วมาก การโจมตีทางกายภาพนั้นไม่สามารถทำร้ายพวกมันได้
ทำได้เพียงแค่ใช้พลังจิตโจมตีเท่านั้น มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย ของที่สำนักโอสถฯ เอาออกมาใช้ในการทดสอบนี้มันช่างน่าสนใจยิ่งนัก
พลังจิตของมู่เฉียนซีแผ่ซ่านออกมา ทันใดนั้นลูกบอลขนเหล่านี้ก็แข็งทื่อไป พลังจิตที่อยู่เหนือกว่าพวกมันนั้นทำให้พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะหนี
ฮือ ๆ ๆ! ลูกบอลขนเหล่านี้มองไปที่มู่เฉียนซีด้วยท่าทางที่น่าสงสาร
มู่เฉียนซีกล่าว “หากพวกเจ้าไม่อยากให้ข้าทำร้ายพวกเจ้า พวกเจ้าก็ทำตัวดี ๆ เชื่อฟังข้าหน่อย!”
พวกมันพยักหน้าหงึกหงักอย่างเชื่อฟัง มู่เฉียนซีกล่าวต่อว่า “รอให้คนพวกนั้นสำเร็จไปครึ่งนึงก่อน พวกเจ้าค่อยไป ส่วนตอนนี้พวกเจ้าอยู่เล่นเป็นเพื่อนข้าไปก่อนก็ได้!”
มู่เฉียนซีดึงพลังจิตกลับมา แต่แผ่พลังจิตออกไปเพียงเล็กน้อยเท่านั้นเพื่อให้ลูกบอลขนเหล่านี้อยู่เล่นกับนาง
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ในมิติอีกมิติหนึ่ง ลูกบอลขนจำนวนมากกำลังรุมล้อมไป๋เหยียนเอ๋อร์
ใช้พลังวิญญาณโจมตี ไม่สามารถทำอะไรพวกมันได้เลย ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็เรียนรู้ได้ถึงสิ่งนี้แล้ว จึงใช้พลังจิตโจมตี
ทว่า พลังจิตอันน้อยนิดนั้นของนางไม่สามารถทำให้ลูกบอลขนเหล่านี้เกรงกลัวได้ ความเร็วของพวกมันเร็วเป็นอย่างยิ่ง นางไม่สามารถสัมผัสลูกบอลขนเหล่านี้ได้เลย
จนในที่สุดนางก็ดึงเอาพลังของหมิงจีออกมาใช้
ถึงแม้ว่าพลังจิตของหมิงจีจะแข็งแกร่ง แต่การควบคุมนั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิด ดังนั้นนางจึงยังคงตามความเร็วของลูกบอลขนเหล่านั้นไม่ได้
ปัง ปัง ปัง!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
และลูกบอลขนเหล่านี้ก็เล่นอย่างสนุกสนานทำให้ไป๋เหยียนเอ๋อร์ตกอยู่ในที่นั่งลำบาก
เหงื่อผุดพรายท่วมไปทั้งตัวของไป๋เหยียนเอ๋อร์ นางรับมือกับพวกมันด้วยความยากลำบาก
ทุกคนที่เดินออกมาจากหอหลอมวิญญาณเสื้อผ้าขาดหลุดลุ่ยเล็กน้อย สภาพเช่นนี้ผู้อาวุโสสำนักโอสถฯ คุ้นชินแล้ว อย่างไรเสียเจ้าพวกนั้นในหอหลอมวิญญาณก็ซุกซนมาก
ในตอนนี้ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็เดินออกมาแล้ว และสภาพของนางก็แย่กว่าคนอื่นมาก
ผมเผ้ายุ่งเหยิงไม่เป็นทรง สภาพนางเหมือนกับคนบ้าที่เพิ่งออกมาจากโรงพยาบาลบ้าก็มิปาน
และทุกคนก็พบว่าหญิงบ้าชุดขาวผู้นี้ก็คือหญิงสาวผู้ที่พลังจิตเต็มหนึ่งร้อยในตอนที่ทดสอบพลังจิต พลังจิตแข็งแกร่งปานนั้น แต่การควบคุมพลังจิตนั้นแย่ไปหน่อย
ในตอนนี้เอง ไห่ฝานก็เดินออกมาด้วยสภาพที่จนตรอกเช่นกัน เมื่อเขาเห็นสภาพของไป๋เหยียนเอ๋อร์เข้า ก็รู้สึกหดหู่จึงเข้าไปปลอบใจนาง
“เหยียนเอ๋อร์ อายุเจ้ายังน้อย เจ้าต้องฝึกควบคุมพลังจิตให้มากกว่านี้ เจ้าจะต้องเป็นเลิศแน่นอน”
ไป๋เหยียนเอ๋อร์มองไห่ฝานพลางกล่าว “ขอบคุณนายน้อยไห่ที่ปลอบใจข้า”
นางกวาดสายตามองไปรอบ ๆ เมื่อเห็นว่ามู่เฉียนซียังไม่ออกมา นางจึงรู้สึกสบายใจขึ้นเล็กน้อย
ที่นางมีสภาพที่จนตรอกเช่นนี้ก็เป็นเพราะว่านางอายุยังน้อย แต่จนถึงตอนนี้แล้วมู่เฉียนซีก็ยังไม่ออกมา เห็นได้ชัดว่านางแข็งแกร่งกว่ามู่เฉียนซีมาก
หากมู่เฉียนซีออกมา ต้องมีสภาพที่สะบักสะบอมยิ่งกว่านางเป็นแน่
ระหว่างลูกบอลขนเหล่านี้มีการรับรู้ต่อกัน พวกมันรับรู้ได้ว่าตอนนี้จำนวนของพวกมันลดน้อยลงถึงครึ่งแล้ว พวกมันจึงมองมู่เฉียนซีด้วยความอาลัยอาวรณ์ จากนั้นก็อันตรธานหายไป
มู่เฉียนซีเดินออกมาจากหอหลอมวิญญาณ และทุกคนก็จ้องมองไปที่ร่างของหญิงสาวชุดม่วงผู้ที่มีรูปร่างหน้าตางดงามไม่เป็นสองรองใครผู้นี้ด้วยความประหลาดใจเป็นอย่างยิ่ง
เป็นไปได้อย่างไรกัน?
ไม่เพียงแค่เสื้อผ้าเท่านั้นที่ยังอยู่ครบไม่ขาดหลุดลุ่ย แม้แต่ผมของนางก็ยังเหมือนเดิมไม่ได้ยุ่งเหยิงเลยสักนิด สภาพไม่เหมือนกับคนอื่นที่เดินออกมาเลย ไม่เหมือนเลยแม้แต่น้อย!
คนของสำนักโอสถฯ ก็ประหลาดใจมากเช่นกัน “ลูกบอลขนพวกนั้นซุกซนเอาเรื่องมาก สาวน้อยผู้นี้ทำได้ยังไง?”
ไป่เหยียนเอ๋อร์เองก็กล่าวขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อว่า “เป็นไปไม่ได้! จะเป็นไปได้ยังไง ข้าไม่เชื่อ!”
มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกได้ถึงสายตาแปลกประหลาดของทุกคนที่มองมาที่นาง นางไม่ใช่คนแรกที่เดินออกมาสักหน่อย จะแปลกใจกันทำไม
จนกระทั่งคนข้างหลังวิ่งออกมาจากหอหลอมวิญญาณด้วยสภาพเสื้อผ้าผมเผ้ายุ่งเหยิง สีหน้าซีดเผือด นางจึงเข้าใจ และตระหนักได้ว่าตอนที่อยู่ในมิตินั้นนางสบายเกินไปแล้ว
หลังจากการคัดเลือกในด่านที่สองเสร็จสิ้น รายชื่อนักปรุงยาผู้ที่ผ่านเข้ารอบก็ออกมาแล้ว ทุกคนตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่ง
ทว่า การเริ่มต้นที่แท้จริงนั้นต้องรออีกสามวัน เพราะคนของสำนักโอสถฯ บอกว่าต้องเตรียมตัวก่อน
มู่เฉียนซีพักผ่อนอยู่ในตำหนักเป่ยหาน ผู้อาวุโสรองมาหามู่เฉียนซี เขากล่าว “ประมุขน้อย ข้ามีเรื่องสำคัญจะบอก”
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “มีเรื่องอะไรรึ?”
ผู้อาวุโสรอง “ข้าสนิทสนมกับผู้อาวุโสแห่งสำนักโอสถฯ มานาน พวกเขาจึงเปิดเผยเรื่องนี้กับข้า”
ผู้อาวุโสรองก็นับว่าเป็นคนที่เฉลียวฉลาดผู้หนึ่ง เขารู้ดีว่าการทำดีกับประมุขน้อยเท่ากับการทำดีต่อท่านหัวหน้าตำหนัก
มู่เฉียนซีกล่าว “อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระอยู่เลย มีอะไรก็รีบว่ามา!”
ผู้อาวุโสรองกล่าว “การประลองในอีกสามวันที่จะถึงนี้ไม่ธรรมดาเลย! ความจริงแล้วที่สำนักโอสถฯ ของพวกเขามาจัดการแข่งขันปรุงยาในดินแดนสี่ทิศทุก ๆ พันปีก็เพราะว่าพวกเขามีเป้าหมาย”
มู่เฉียนซีกล่าว “เป้าหมาย? นี่พวกเขาคิดจะขุดอัจฉริยะนักปรุงยาในดินแดนสี่ทิศอย่างนั้นเหรอ”
ผู้อาวุโสรองกล่าว “ขุดอัจฉริยะนักปรุงยาไปมันมีทุกครั้งอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้พวกเขามีเป้าหมาย และเป้าหมายหลัก ๆ ของพวกเขาก็คือการเข้าไปในดินแดนโอสถ ที่แห่งนั้นเป็นดินแดนที่มีสมุนไพรวิญญาณมากมาย แต่ไม่มีมนุษย์อยู่ ทุก ๆ สองถึงสามพันปีมันจะปรากฏขึ้นในดินแดนสี่ทิศของพวกเรา ดังนั้นสำนักโอสถฯ จึงให้ความสนใจกับดินแดนสี่ทิศเป็นพิเศษ”
“ศิษย์ที่สำนักโอสถฯ คัดเลือกออกมา อีกสามวันพวกเขาจะลงมา พวกเขาจะไม่ประลองกับนักปรุงยาของดินแดนสี่ทิศ แต่การที่พวกเขาไปนั้น พวกเขาไม่มีทางปล่อยให้สมุนไพรวิญญาณชั้นดีเหล่านั้นหลุดมือไปง่าย ๆ แน่นอน ข้าได้ยินมาว่าแม้แต่สมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์ก็มี บางทีอาจจะหาเจอในดินแดนโอสถก็ได้”
.
.