มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เรื่องสำคัญที่เจ้าว่านี้ไม่เลวเลย นับว่าเจ้าฉลาดมาก! ยาลูกกลอนขวดนี้ช่วยรักษาบาดแผลที่สะสมมานานของเจ้าได้ รับไปเถอะ!”
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีเอายาลูกกลอนออกมาให้เช่นนี้ ผู้อาวุโสรองก็รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง
นับตั้งแต่ประมุขน้อยผู้นี้เข้ามาอยู่ในตำหนักเป่ยหาน เขาก็รู้สึกชีวิตไม่มั่นคงเลยแม้แต่วันเดียว เกือบจะถูกนางทรมานจนตายไปแล้วด้วยซ้ำ
และนี่เป็นครั้งแรกที่เห็นประมุขน้อยพูดดีเช่นนี้ เขาจึงตื่นเต้นมาก
ผู้อาวุโสรองกล่าวถามว่า “ยะ ยา ยาลูกกลอนนี้ ท่านหมอปีศาจเป็นคนหลอมออกมาใช่หรือไม่?”
“แล้วเจ้าคิดว่าใช่หรือไม่ล่ะ?”
ผู้อาวุโสรองดีอกดีใจและกล่าวด้วยความตื่นตันใจว่า “ขอบคุณประมุขน้อยมาก ต่อไปข้าจะเชื่อฟังประมุขน้อยทุกอย่าง”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าอย่าได้กล่าววาจาโกหกหลอกลวงไปเลย เจ้าเป็นคนของใคร ทำงานให้กับใครข้ารู้ดี! ยาลูกกลอนนี้ก็เป็นแค่การตอบแทนเรื่องที่เจ้ามาบอกข้าก็เท่านั้น”
มู่เฉียนซีรู้ดี แม้ว่านางจะทำตามเงื่อนไขของเป่ยกงจั๋ว ร่วมมือกับเป่ยกงจั๋ว แต่หากเรื่องที่นางครอบครองหม้อเทพนิรันดร์ถูกเปิดเผยขึ้น เป่ยกงจั๋วก็ไม่มีทางปล่อยนางแน่
ผู้อาวุโสรองกล่าว “ประมุขน้อย เหตุใดท่านหมอปีศาจถึงไม่เข้าร่วมการประลองในครั้งนี้ล่ะ หากท่านหมอปีศาจเข้าร่วม อันดับหนึ่งจะต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน และของล้ำค่าที่ฝ่าบาทเตรียมเอาไว้ในครั้งนี้ก็ไม่ธรรมดาเสียด้วย!”
มู่เฉียนซี “ก็เพราะว่าไม่จำเป็นยังไงล่ะ”
ผู้อาวุโสรองรู้สึกฉงนสงสัยมาก แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรมากมาย ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็ขอตัวลา
สามวันต่อมา เหล่าบรรดานักปรุงยาหลายหมื่นคนที่มีคุณสมบัติเข้าร่วมการประลองการปรุงยาครั้งใหญ่แห่งดินแดนสี่ทิศก็ได้มารวมตัวกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
และพวกเขาก็พบว่าข้างกายเหล่าบรรดาผู้อาวุโสแห่งสำนักโอสถฯ มีคนวัยหนุ่มสาวจำนวนมาก ดูท่าน่าจะประมาณพันคน
สำหรับผู้ที่เข้าร่วมอย่างลึกลับเช่นนี้ ผู้อาวุโสแห่งสำนักโอสถฯ ก็คร้านที่จะอธิบายให้พวกเขาฟัง นอกจากนี้ก็ยังได้หยิบเอาอาวุธวิญญาณชิ้นหนึ่งออกมาด้วย
เขาถ่ายเทพลังวิญญาณเข้าไปในอาวุธวิญญาณนั้น และท้องฟ้าก็พลันมืดลง
เรือท่องนภาขนาดใหญ่ลอยอยู่บนท้องนภา การที่เรือท่องนภาขนาดใหญ่เช่นนี้จะบรรทุกพวกเขาทุกคนไปนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ทุกคนอุทานขึ้นว่า “นี่มันอาวุธศักดิ์สิทธิ์ท่องนภานี่!”
“ใหญ่โตมโหฬารเช่นนี้ ต้องเป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์แน่นอน ไม่นึกเลยว่าชาตินี้ข้าจะมีโอกาสได้เห็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ด้วย”
“……”
ในดินแดนสี่ทิศ อย่างมากพวกเขาก็ได้เห็นเพียงแค่อาวุธวิญญาณขั้นสวรรค์เท่านั้น อาวุธวิญญาณระดับสูงอย่างอาวุธศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน
และคนของสำนักโอสถฯ เหล่านั้นก็ทำท่าทางเย่อหยิ่งมองดูพวกเขาด้วยสายตาดูถูก สมกับเป็นคนชั้นต่ำจริง ๆ ไม่เคยพบเคยเห็นของเช่นนี้ บ้านนอกยิ่งนัก!
ก็แค่เรือท่องนภาที่สามารถบรรจุคนได้หมื่นคน ไม่ใช่ของที่ยอดเยี่ยมอะไรเลย
มู่เฉียนซีเหลือบมองเรือท่องนภานั้น แม้มันจะดูงดงาม แต่ก็เทียบกับหอฉงโหลวบนเมฆาของนางไม่ได้เลยสักนิด
เพียงแต่เจ้านั่นกินเยอะเกินไปหน่อย ตอนนี้หินมิติก็เหลือไม่มากแล้ว
ผู้อาวุโสสำนักโอสถฯ กล่าว “ทุกคนขึ้นเรือท่องนภาตามข้ามา หลังจากขึ้นเรือแล้ว ข้าจะประกาศกติกาในการประลองการปรุงยาในครั้งนี้”
ไห่ฝานกล่าวกับไป๋เหยีนเอ๋อร์ว่า “เหยียนเอ๋อร์ เราไปกันเถอะ เรือท่องนภานี้ช่างมีสง่าราศีจริง ๆ”
เกาะไห่เทียนของพวกเขารู้กฎกติกาและรายละเอียดในการประลองด่านแรกแล้ว หากไม่ใช่เพราะจะได้เข้าไปในดินแดนโอสถ คนของเกาะไห่เทียนไม่มีทางสนใจเดินทางมาในดินแดนสี่ทิศแน่นอน
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “อืม!”
หลังจากที่ขึ้นไปบนเรือท่องนภา ผู้อาวุโสแห่งสำนักโอสถฯ ก็มอบกระดาษให้ทุกคนคนละแผ่น
“สถานที่ที่เรากำลังจะไปนี้ก็คือดินแดนโอสถ เมื่อถึงตอนนั้นทุกคนจะต้องใช้พลังจิตเพื่อเปิดทางเดินไปในดินแดนโอสถ หลังจากที่พวกเจ้าเข้าไปในดินแดนโอสถ พวกเจ้าจะต้องหาสมุนไพรวิญญาณในกระดาษให้เจอ ก็นับว่าผ่านด่านทดสอบในด่านที่หนึ่งแล้ว”
“แต่หากหาไม่เจอก็นับว่าภารกิจล้มเหลว! เข้าไปในดินแดนโอสถจะมีเวลาอยู่ได้เพียงแค่ครึ่งเดือนเท่านั้น เมื่อครบครึ่งเดือนพวกเจ้าก็จะถูกดินแดนโอสถขับไล่ออกมา แต่หากพวกเจ้าโชคร้ายตายอยู่ในนั้น พวกเจ้าก็จะกลายเป็นอาหารของสมุนไพรวิญญาณในดินแดนโอสถ”
และในตอนนี้เองก็มีคนกล่าวถามขึ้นด้วยความสงสัยว่า “ดินแดนโอสถคือที่ใดหรือขอรับ?”
“ดินแดนโอสถเป็นมิติที่มีเพียงแค่สมุนไพรวิญญาณทั้งหมด มีสมุนไพรวิญญาณระดับสูงมากมายนับไม่ถ้วน และแน่นอนว่าต้องมีอันตราย หากผู้ใดกลัวตายก็เลือกที่จะสละสิทธิ์ได้”
เมื่อทุกคนได้ยินถึงสถานที่อันมหัศจรรย์เช่นนี้แล้ว ดวงตาก็แผดเผาร้อนแรงขึ้นมาทันที
คนที่ผ่านการคัดเลือกมาถึงด่านนี้ได้ล้วนแต่มีฝีมือไม่ธรรมดาทั้งสิ้น ไม่มีทางกลัวคำข่มขู่อันตรายนี้แน่นอน ครั้นแล้วพวกเขาจึงไม่ได้สละสิทธิ์แต่อย่างใด
“ท่านผู้อาวุโสหู พวกเราสำรวจเจอแล้ว บนทะเลสาบข้างหน้ามีการผันผวนของดินแดนโอสถ!”
“รีบไป!”
ครั้นแล้วพวกเขาจึงลงไปในกลางป่ารกชัฏแห่งหนึ่ง ที่แห่งนี้มีทะเลสาบมรกตอยู่
ในขณะที่พวกเขาลงมาจากเรือท่องนภา ผู้อาวุโสแห่งสำนักโอสถฯ ก็กล่าวขึ้นว่า “ทุกคนแยกย้ายกัน รวมค่ายกลและเปิดมิติดินแดนโอสถ เร็วเข้า”
เห็นได้ชัดว่าคนของสำนักโอสถฯ คุ้นเคยกับดินแดนโอสถมาก ดังนั้นพวกเขาจึงแยกกันไปยืนในตำแหน่งต่าง ๆ อย่างคุ้นเคย
ส่วนคนอื่น ๆ ก็ตามไปยืนใกล้พวกเขา
ไม่นานนักพวกเขาก็ได้ยืนห้อมล้อมรอบทะเลสาบ ผู้อาวุโสหูผู้นั้นกล่าวว่า “ถ่ายเทพลังจิตเข้าไป เปิดดินแดนโอสถ”
พลังจิตอันทรงพลังได้รวมตัวกันบนทะเลสาบนั้น ทุกคนถ่ายเทพลังจิตไปอย่างสุดความสามารถ แต่ไม่มีความเคลื่อนไหวใดบนทะเลสาบแห่งนั้นเลยแม้แต่น้อย
มิติ มิติทางเดินอยู่ที่ใดกัน?
คนของสำนักโอสถฯ เหล่านี้คงจะไม่หลอกพวกเขากระมัง!
ผู้อาวุโสหูกล่าว “พวกเจ้าไม่ต้องเก็บพลังแล้ว หากเปิดไม่ออก พวกเจ้าก็มาเสียเวลาเปล่า”
คนของสำนักโอสถฯ ก็โกรธเกรี้ยวขึ้นแล้ว “คนดินแดนสี่ทิศอย่างพวกเจ้านับวันยิ่งไร้ประโยชน์มากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว แค่นี้ก็ไม่มีปัญญาทำ”
“ศิษย์พี่ พูดไปก็เท่านั้น! สถานที่อ่อนแอเช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะดินแดนโอสถ พวกข้าไม่เสียเวลามาหรอก”
“……”
คนของสำนักโอสถฯ ล้วนแต่คิดว่าตัวเองเหนือกว่า จึงดูถูกเหยียดหยามนักปรุงยาแห่งดินแดนสี่ทิศ
ส่วนมากนักปรุงยาเหล่านี้ล้วนแต่เป็นคนเย่อหยิ่งทั้งสิ้น ถูกพวกเขาดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ก็ขุ่นเคืองจนสีหน้าแดงก่ำขึ้นมาบ้างแล้วเช่นกัน ช่างเหยียดหยามคนอื่นดีจริง ๆ!
ผู้อาวุโสหูกล่าว “เอาล่ะ! อย่ามัวแต่พูดจาไร้สาระอยู่เลย ครั้งนี้ต้องทุ่มเทพลังอย่างสุดกำลัง”
ครานี้ ทุกคนถ่ายเทพลังจิตเข้าไปอย่างสุดกำลัง
ผ่านไปครู่หนึ่ง บนพื้นผิวทะเลสาบนั้นก็ได้ก่อตัวเป็นกระแสน้ำวนขึ้น และนี่คือมิติทางเดินไปยังดินแดนโอสถ
เพียงแต่ว่ากระแสน้ำวนนี้ไม่คงที่เอาซะเลย มีโอกาสที่จะหายไปได้ตลอดเวลา
พวกเขากัดฟันพยายามถ่ายเทพลังจิตไปอย่างบ้าคลั่งเพื่อให้มิติทางเดินนี้คงที่
สีหน้าของไป๋เหยียนเอ๋อร์ซีดเผือดลง พลังจิตถูกสูบฉีดไปทำให้นางเจ็บปวดทรมานเป็นอย่างยิ่ง
เห็น ๆ กันอยู่ว่าพลังจิตของท่านหมิงจีนั้นแข็งแกร่งมาก แต่เหตุใดถึงยังไม่พอ
ฉ่า! ผืนน้ำบนทะเลสาบสาดกระเซ็นขึ้น
กว่าที่พวกเขาจะเปิดมิติทางเดินได้มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย นึกไม่ถึงเลยว่ามันจะปิดลงแล้ว มันปิดแล้ว!
ทุกคนต่างตื่นตระหนกยิ่งนัก พลังจิตของพวกเขาถูกสูบไปแล้ว แต่มิติทางเดินกลับปิดไปเช่นนี้ แล้วพวกเขาจะทำเช่นไร?
ศิษย์เหล่านั้นของสำนักโอสถฯ ไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง “เปิดมิติทางเดินกับสวะไร้ประโยชน์อย่างพวกเจ้าช่างเสียเวลาข้าจริง ๆ”
“นี่พวกเจ้ายังบอกว่าตัวเองเป็นนักปรุงยาอีกอย่างนั้นเหรอ! ความสามารถอันน้อยนิดเช่นนี้ ไม่เหมาะแม้แต่จะเป็นคนจุดฟืนของสำนักโอสถฯ ”
“……”
เปิดมิติทางเดินไม่ได้ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเช่นนี้ ศิษย์ของสำนักโอสถฯ เหล่านี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น พวกเขาไม่คิดว่าที่เปิดไม่ได้เป็นเพราะความสามารถของตัวเองไม่พอ แต่กลับยกความผิดทั้งหมดให้กับนักปรุงยาแห่งดินแดนสี่ทิศ
.