ไม่นานนักพวกเขาก็กลับมาถึงหอหมอปีศาจ
จิ่วเยี่ยเข้าไปใกล้มู่เฉียนซีและกระซิบข้างหูนางว่า “ข้าทำของอร่อย ๆ ให้ซีกินไม่ได้ งั้นข้ามอบตัวข้าให้ซีก็แล้วกัน ซีพอใจหรือไม่?”
เสียง ซู่ว ซู่ว…ดังขึ้นระลอกหนึ่ง จิ่วเยี่ยถอดเสื้อผ้าของเขาออก
ร่างกายของเขาทุกสัดส่วนล้วนแต่สมบูรณ์แบบมาก
ผิวขาวเนียนนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายอันเย็นยะเยือก
นี่เป็นการยั่วยวนนางชัด ๆ!
“นี่ใครสอนวิธีแย่ ๆ พวกนี้ให้เจ้า?”
หากคนอื่นรู้เข้าว่าองค์ชายจิ่วเยี่ยผู้ที่ถือดีว่าตัวเองอยู่เหนือคนทั้งปวงผู้นี้ใช้ร่างกายยั่วยวนคนอื่น คาดว่าคงไม่มีใครเชื่อ
“นั่นมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร มันสำคัญตรงที่ว่าซีชอบหรือไม่?” ไอร้อนพ่นอยู่ข้าง ๆ หูมู่เฉียนซี
เดิมทีมู่เฉียนซีคิดจะเอาผ้าห่มมาคลุมเขา แต่นางไม่ทันระวังจึงเซไป
ตุบ! ร่างของนางเซไปกระแทกกับกล้ามอันสมบูรณ์แบบนั้นของจิ่วเยี่ยเข้า
จิ่วเยี่ยยกยิ้มขึ้น รอยยิ้มนี้ทั้งมีเสน่ห์และเจ้าเล่ห์เป็นอย่างยิ่ง “ดูเหมือนซีจะชอบ ท่าทางเช่นนี้ซีอดใจรอไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่!”
“อือ…”
ยังไม่ทันได้ตอบ ริมฝีปากก็ถูกปิดกั้นเสียแล้ว
มือเรียวบางถูกจิ่วเยี่ยจับประสานไว้!
ขาถูกกดทับ!
เหงื่อผุดพรายออกมาทำให้ผมของทั้งสองเปียกชื้น มู่เฉียนซีกล่าวอย่างกระหืดกระหอบว่า “จิ่วเยี่ย เจ้าหยุดเดี๋ยวนี้นะ! ข้ายังต้องลงประลองอีก เจ้าบอกว่าจะมาให้กำลังใจไม่ใช่หรอกเหรอ?”
“ใช่!”
“เจ้าเป็นเช่นนี้ ประเดี๋ยวสุ่ยจิงอิ๋งก็ส่งเจ้ากลับไปหรอก เมื่อถึงตอนนั้นเจ้าจะให้กำลังใจข้าได้อย่างไรกัน”
“ซีวางใจได้ ข้ารู้จักขอบเขต! ข้ารู้ว่าซีก็ไม่อยากให้ข้ากลับ”
“แต่ตอนนี้ข้าอยากให้เจ้ากลับไปมาก!” มู่เฉียนซีถีบจิ่วเยี่ยอย่างไม่เกรงใจ แต่สุดท้ายนางก็ถูกเขาจับขาเอาไว้ได้
“เช่นนั้นก็ต้องรอดูแล้วล่ะ ว่าซีมีความสามารถนั้นหรือไม่!” จิ่วเยี่ยคว้าร่างนางมากอดเอาไว้แน่น
“อือ!”
อาลัยรักจนยุ่งเหยิง คืนนี้ยากที่จะหลับได้
“อือ! อา! เจ็บ! ข้าเจ็บจะตายอยู่แล้ว”
“เบา ๆ หน่อย อ่า…เบา ๆ หน่อย!”
“……”
ในขณะที่ทั้งสองกำลังพัลวันกัน อีกห้องหนึ่งก็มีเสียงกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดดังขึ้น
เยวี่ยเจ๋อวางยาลงและกล่าวว่า “ถ้าเจ้าไม่พอใจก็ทายาเองก็แล้วกัน ข้าขี้เกียจจะสนใจเจ้า”
เสียงของเจ้านี่ทำให้คนอื่นทนไม่ได้จริง ๆ
เซียวเหยากล่าวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจมากว่า “แม้แต่เสี่ยวเจ๋อก็ไม่สนใจข้า ข้าไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไปแล้ว”
“งั้นเจ้าก็ไปตายซะเถอะ! ไปล่วงเกินใครไม่ล่วงเกิน กลับไปล่วงเกินดาวมฤตยูนั่น หากไม่ใช่เพราะพี่ใหญ่ไม่อยากให้เจ้าตาย เจ้าคิดว่าจะรอดเหรอ?”
กล่าวจบ เยวี่ยเจ๋อก็เดินออกไปอย่างไร้ความปรานี ทิ้งให้เซียวเหยาร้องห่มร้องไห้ด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจอยู่เช่นนั้นไป
เช้าวันต่อมา เมื่อมู่เฉียนซีลืมตาตื่นขึ้น นางก็ยื่นมือไปบีบคอจิ่วเยี่ยทันที “ข้าจะฆ่าเจ้า”
จิ่วเยี่ยก็ปล่อยให้มู่เฉียนซีบีบคอราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย ก่อนจะกล่าวด้วยเสียงทุ้มต่ำในลำคอว่า “อืม!”
มู่เฉียนซีจ้องมองเขา “ข้าจะเก็บตัวฝึกหลอมยา ห้ามมารบกวนข้าเด็ดขาด”
ถึงแม้ว่านางจะมีความมั่นใจเต็มร้อยว่าจะสามารถหลอมยาลูกกลอนออกมาได้สำเร็จ แต่นางก็ไม่เคยหลอมยาระดับสูงเช่นนี้เพียงลำพังมาก่อน แน่นอนว่านางต้องเตรียมความพร้อมในทุก ๆ ด้านให้พร้อม!
จะล้มเหลวไม่ได้เด็ดขาด!
“ข้าจะอยู่เป็นเพื่อนเจ้า!” จิ่วเยี่ยกล่าว
จิ่วเยี่ยไปห้องปรุงยากับมู่เฉียนซี จากนั้นมู่เฉียนซีก็เริ่มทำการหลอมยา
เขาทำตัวเหมือนกับเป็นอากาศ ไม่อยากให้มู่เฉียนซีเสียสมาธิ
เขาเพียงแค่อยากมองนาง อยากมองนางให้มากที่สุดก็เท่านั้น
มู่เฉียนซีพึมพำเสียงเบาว่า “ยาลูกกลอนขั้นสวรรค์ระดับสาม ด้วยพลังของข้า คงหลอมได้เพียงแค่ยาระดับนี้”
มู่เฉียนซีหลอมยาที่คล้ายกับยาหยินหยางอนันต์ และแน่นอนว่าผลที่ออกมาไม่ได้ต้านสวรรค์เช่นนั้น มันเป็นเพราะความพยายามล้วน ๆ
สำเร็จ!
สำเร็จ!
ในตอนนี้เอง มังกรเพลิงก็กล่าวขึ้นว่า “นายท่าน นายท่านหลอมยาเหตุใดถึงได้ใช้เปลวไฟธรรมดา ๆ เช่นนี้กันล่ะ! เมื่อก่อนเวลาที่พี่นิรันดร์หลอมยาเขาใช้เปลวไฟเทพต่าง ๆ มากมาย แถมยังชอบจับตัวข้ามา บังคับให้ข้าพ่นเปลวไฟให้เขาบ่อย ๆ ด้วย”
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจผงะไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นว่า “เจ้าพ่นไฟให้ข้าหลอมยาได้เหรอ?”
มังกรเพลิงกล่าว “ได้แน่นอน! ตอนที่ข้ายังไม่ได้หลอมรวมกับตัวกระบี่อย่างสมบูรณ์ ทำไม่ได้ แต่ตอนนี้ทำได้แล้ว! นายท่านต้องการไฟมากเท่าไรข้าทำให้ได้หมด ถึงแม้ว่านายท่านจะมีพลังธาตุอัคคีอยู่ในตัว แต่ข้ารับรองได้ว่าเปลวไฟของข้าดีกว่ามากแน่นอน”
“ฮือ ๆ ๆ! เจ้าพิฆาตวิญญาณนั่นช่างไม่เชื่อฟังเอาซะเลย มิเช่นนั้นนายท่านก็คงไม่ต้องมากล้ำกลืนฝืนใจเช่นนี้”
มู่เฉียนซีกล่าว “งั้นก็ลองดู มังกรเพลิง!”
มังกรเพลิงออกมาจากตัวกระบี่ กลายเป็นมังกรเพลิงตัวน้อยตัวหนึ่ง และเปลวไฟก็แผดเผาอยู่ในหม้อเทพนิรันดร์
แน่นอนว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่เปลวไฟธรรมดา ๆ จะทำได้!
จากนั้นมังกรเพลิงก็กลายเป็นกำไลข้อมือสีแดงเลือดพันอยู่รอบข้อมือของมู่เฉียนซี และมู่เฉียนซีก็เริ่มทำการหลอมยา
มังกรเพลิงสมกับที่เคยได้จุดไฟให้นิรันดร์หลอมยามาก่อนจริง ๆ ใช้งานได้ดีมาก จากนั้นผลลัพธ์ของยาลูกกลอนที่หลอมออกมาก็แข็งแกร่งมากขึ้นกว่าเดิม!
เยี่ยมมาก!
ดวงตาของมู่เฉียนซีสุกสกาวขึ้นราวกับดวงดารา มีพลังวิญญาณขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า และยังมีเปลวไฟของมังกรเพลิงเช่นนี้ การประลองการปรุงยาครั้งใหญ่แห่งดินแดนสี่ทิศในครั้งนี้ นางไม่มีทางแพ้แน่นอน!
เวลาเจ็ดวันใกล้จะผ่านไปแล้ว จิ่วเยี่ยคอยปกป้องมู่เฉียนซีอย่างเงียบ ๆ ไม่รบกวนนางแม้แต่น้อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาอาศัยพลังอันแข็งแกร่งเพื่อยับยั้งตัวเอง ครั้งต่อไป เขาไม่เชื่อว่าตัวเองจะสามารถควบคุมได้
หากทำให้ซีเข้าร่วมการประลองการปรุงยาไม่ได้ จิ่วเยี่ยกลัวว่านางจะวู่วามฉีดยาให้เขาหลายเข็มแน่นอน
เจ็ดวันผ่านไป ในที่สุดก็ถึงวันประลองการปรุงยาแล้ว
นักปรุงยาที่ผ่านเข้ารอบครั้งที่แล้วล้วนแต่มารวมตัวกันครบแล้ว สถานที่จัดการประลองกว้างใหญ่มาก และมีคนจำนวนมากเข้าร่วมชมการประลองการปรุงยาในครั้งนี้
นี่เป็นงานเลี้ยงของนักปรุงยาครั้งใหญ่ในรอบพันปีเลยก็ว่าได้ คนที่ได้รับสิทธิ์เข้าชมการประลองก็ไม่มีผู้ใดพลาดเข้าชมสักคน
และพิธีกรในการประลองครั้งนี้ก็คือผู้อาวุโสหู นับตั้งแต่ได้เผชิญหน้ากับองค์ชายจิ่วเยี่ยในครั้งนั้น เขาก็ฝันร้ายทุกวันคืน สีหน้าเขาในตอนนี้จึงไม่ค่อยจะสู้ดีนัก
ตอนนี้เขาอยากรีบจบการประลองให้เร็วที่สุด รีบมอบรางวัล และจะได้กลับไปเสียที!
ผู้อาวุโสหูประกาศว่า “ทุกคนไปประจำตำแหน่งตามหมายเลขที่ได้รับเพื่อจะได้เริ่มหลอมยา!”
“การประลองในครั้งนี้ ให้พวกเจ้าหลอมยาลูกกลอนที่ตนเองภูมิใจที่สุดออกมา การตัดสินจะตัดสินจากคุณภาพและระดับของยาลูกกลอนนั้น ๆ! สำนักโอสถฯ รับรองว่าการตัดสินจะเป็นไปอย่างยุติธรรม บัดนี้ ข้าขอประกาศ เริ่มการประลองได้”
ขวับ ขวับ ขวับ! นักปรุงยาแต่ละคนต่างก็ไปประจำตำแหน่งของตัวเอง และผู้ชมก็ใจจดใจจ่อรอชมการประลองในครั้งนี้ด้วยความตื่นเต้น
ตำแหน่งของมู่เฉียนซีนั้นบังเอิญอยู่ตรงหน้าตำแหน่งของไป๋เหยียนเอ๋อร์ ดังนั้นนางจึงรู้สึกได้ถึงแววตาชั่วร้ายกำลังจับจ้องมาที่นางได้อย่างรวดเร็ว
ไป๋เหยียนเอ๋อร์จ้องมองไปที่มู่เฉียนซี ในการประลองการปรุงยาแห่งแดนตะวันออกครั้งก่อน นางถูกมู่เฉียนซีลอบทำร้าย จึงพลาดการประลองไป
ทำให้มู่เฉียนซีคว้าอันดับหนึ่งไปได้อย่างสง่างามมาก!
แต่ครั้งนี้ นางไม่มีทางยอมให้มู่เฉียนซีสมปรารถนาแน่นอน!
ไป๋เหยียนเอ๋อร์เอาหม้อยาที่ไม่ธรรมดาหม้อหนึ่งออกมา ผู้ที่มีความรู้จำนวนมากจ้องมองไปที่หม้อยานั้นและกล่าวขึ้นว่า “นี่มัน…นี่มันอาวุธวิญญาณขั้นสวรรค์หนิ!”
“เกรงว่าจะมากกว่านั้นน่ะสิ! กลิ่นอายนี้แข็งแกร่งกว่าอาวุธวิญญาณขั้นสวรรค์มาก!”
“ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์โชคดีจริง ๆ ได้หม้อยาดี ๆ เช่นนี้ไปครอบครอง”
หม้อยานี้เป็นเพียงแค่อาหารเรียกน้ำย่อยเท่านั้น ทันทีที่ไฟวิญญาณปีศาจสีดำปรากฏขึ้น คนที่อยู่ในลานประลองก็แทบจะดับสลายลง
ส่วนมู่เฉียนซีก็เอาหม้อยาออกมาเช่นกัน นอกจากคนของสามตระกูลยาโบราณแล้ว ไม่มีใครรู้ว่านี่คือจ้าวแห่งหม้อยาทั้งปวง หม้อเทพนิรันดร์
ไฟวิญญาณปีศาจกำลังร้องคำราม มังกรเพลิงแสยะปากกล่าวว่า “ไฟแค่นั้น ไม่ได้เจ๋งอะไรสักหน่อย”
กล่าวจบ มังกรเพลิงก็พ่นไฟออกมาทันที เปลวไฟอันแดงฉานปรากฏขึ้นสว่างจ้าไปทั่วทั้งฟ้าดิน ทุกคนเห็นเช่นนี้แล้วก็อดที่จะหวาดกลัวจนตัวสั่นไม่ได้
“นั่นมัน…เปลวไฟแห่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์หนิ!”
“ต้องใช่แน่ ๆ! ต้องใช่แน่นอน!”
“……”